ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 16 คนแปลกหน้า

ท้าทายลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 16 คนแปลกหน้า

 

“เก่งนักเหรอ?!”

 

หลังจากที่เหลียงหลูฮัวจับตัวเธอเอาไว้ด้วยมือที่อวบอ้วนเหมือนอุ้งตีนหมีแล้วก็ง้างมือตบเข้าไปที่แก้มซ้ายและแก้มขวาอันอ่อนโยนของหยางซือเหมยสลับกันไปมาถึงสามครั้งอย่างรุนแรง และการตบนี้ทำให้ศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยมีอาการมึนงงอีกทั้งที่บริเวณแก้มของเธอยังแดงช้ำด้วยความเจ็บปวด

 

“ จำเอาไว้…คราวหน้าอย่าอวดดีอีก…”

 

จากนั้นเหลียงหลูฮัวได้ผลักร่างของเธอลงกับพื้นและพาบุตรชายของตนเองเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ

 

ขณะที่หยางซือเหมยกัดฟันแน่นและรู้สึกว่าที่แก้มของตนเองมีอาการอักเสบ และทันใดนั้นดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเข้มที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ท่วมท้น

 

และพยายามผลักดันร่างของตัวเองขึ้นมาจากพื้นเพื่อที่จะกลับบ้านให้เร็วที่สุด หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วเด็กน้อยก็รีบหยิบตะปูโลหะเจ็ดตัวออกมาจากลิ้นชักและออกเดินทางไปยังบริเวณภูเขาซึ่งเป็นหลุมศพบรรพบุรุษของหยางต้าหมิงทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ

 

แม้ปรมาจารย์จะกล่าวว่าการทำลายฮวงจุ้ยของหลุมศพผู้อื่นเป็นเรื่องที่จะส่งผลร้ายต่อ

กรรมของตน อย่างไรก็ตามครอบครัวของหยางต้าหมิงล้วนเป็นคนชั่วร้าย ซึ่งการกำจัดคนชั่วก็เป็นเหมือนกับการทำความดีอย่างหนึ่ง!

 

แน่นอนว่าตอนนี้เธอสามารถเข้าใจถึงหลักการที่จะทำให้แก่นแท้ของพลังหยินมารวมตัวกัน ดังนั้นเธอจึงจัดตะปูทั้งเจ็ดให้เป็นรูปแบบฮวงจุ้ยที่มุ่งร้ายเจ็ดจุดพร้อมกับท่องคาถาไปด้วยในขณะที่เธอตั้งค่ารูปแบบไว้

 

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้แม้ว่าจำนวนคาถาที่เธอได้เรียนรู้นั้นค่อนข้างน้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นำมันมาใช้จริง

 

หลังจากสร้างตำแหน่งที่ชั่วร้ายทั้งเจ็ดจุดแล้วเธอก็จ้องมองไปที่มันอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มหมอกที่เคยเป็นสีดำและสีขาวในตอนแรกได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ โดยปนเปื้อนไปด้วยสีเทา ประหนึ่งว่ามีแมลงวันไร้หัวนับไม่ถ้วนกำลังบินวนเวียนอยู่เหนือหลุมศพด้วยความสับสน

 

ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฮวงจุ้ยที่นี่ได้เปลี่ยนจากสถานะดั้งเดิมของโชคลาภที่ไม่ธรรมดามาเป็นลางบอกเหตุร้ายเรียบร้อยแล้วในตอนนี้

 

หากตำราจื่อคังที่บ่งบอกถึงความโชคร้ายและความสุขของชีวิตเป็นเรื่องจริง ก็จะสามารถเปลี่ยนฮวงจุ้ยของที่อยู่อาศัยให้เกิดพลังหยินได้ ซึ่งแน่นอนว่าหยางต้าหมิงและครอบครัวสามารถนอนรอความโกลาหลได้เลย…หืม!

 

***

 

“เอ่อ…”

 

ขณะที่เดินลงมาจากภูเขาหยางซือเหมยก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากบริเวณพุ่มไม้เตี้ย ๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด

 

ทำให้เธอไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้ จึงค่อย ๆ เดินย่องเข้าไป แต่ก่อนที่จะเข้าใกล้เธอก็สัมผัสได้ถึงมวลของพลังหยินอันเยือกเย็นที่แผ่กระจายออกมาทำให้เธอเกิดอาการหนาวสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

มีการฆาตกรรมที่นี่เหรอ?

 

เธอคิดพลางกวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบอย่างประหม่า โดยที่ขณะนั้นสภาพแวดล้อมเงียบสงบมาก และมีเพียงเสียงนกร้องที่ดังเป็นจังหวะอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

 

แต่ทันใดนั้นเองได้มีมือยื่นออกมาจากบริเวณพุ่มไม้นั้น และเห็นว่ามือนั้นมีนิ้วเรียวที่เล็บถูกตัดแต่งอย่างสะอาด แต่ทว่าตอนนี้มันซีดมากจนเกือบเขียวซึ่งอาจทำให้ใครบางคนตกใจได้กับภาพตรงหน้านี้

 

เธอจึงรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะเข้าหาและใช้มือแหวกพงหญ้าบริเวณนั้น จึงพบว่ามีชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงในชุดสีดำนอนอยู่ในนั้น ซึ่งดูเหมือนจะอายุประมาณสิบห้าปี

 

ผมของเขาเป็นสีดำสนิทตกลงมาปิดใบหน้าซีดเซียวบางส่วน แต่ยังคงสามารถสังเกตเห็นได้ว่าตำแหน่งสำคัญทั้งห้าบนใบหน้านั้นหม่นหมองมาก ด้วยคิ้วคมเหมือนดาบและมีจมูกทรงสูงบวกกับริมฝีปากบางสองข้างที่ปิดแน่น อีกทั้งในยามหลับตาเช่นนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าดวงตาคู่นี้มีลักษณะที่แคบแต่ยาวเรียว ขณะที่ขนตายาวนั้นมีความเปียกชื้นและสั่นเล็กน้อย

 

หยางซือเหมยมีข้อสงสัยบางอย่างในใจว่า อยู่ดี ๆ ทำไมเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จึงมาปรากฏตัวที่ภูเขาในป่าลึกเช่นนี้ได้? และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้มวลของพลังหยินที่เย็นยะเยือกนั้นได้แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้

 

เมื่อหยางซือเหมยถูกบังคับโดยแก่นแท้อันเย็นยะเยือกนั้นจึงรีบก้าวถอยหลังพลางเพ่งสายตามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า และเห็นว่าบริเวณเหนือศีรษะของชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของกลุ่มหมอกหนาทึบสีดำ

 

โดยมันเป็นแก่นแท้ของพลังหยินที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในศรีษะของเขา ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เกิดอาการมึนงงและเจ็บปวด

 

ตอนนี้ในหัวใจของหยางซือเหมยกำลังมีความขัดแย้งเกิดขึ้นว่าควรจะเข้าไปยุ่งกับเขาหรือไม่?

 

เพราะในการสลายแก่นแท้ของพลังหยินนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะ ขณะที่เธอไม่เคยใช้มันมาก่อนเลย แต่มันไม่เพียงแค่นั้น่ะสิ เพราะอาจารย์เคยกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณของเธอ

 

ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจิตวิญญาณของเธอในตอนนี้ยังไม่เสถียรเท่าที่ควร และหากความแข็งแกร่งของเธอไม่เพียงพอก็อาจได้รับผลกระทบที่ถูกตอบโต้กลับได้

 

ไม่เป็นไร! อย่างนั้นไปตามอาจารย์มาที่นี่ดีกว่า!

 

หลังจากก้าวเท้าออกมาหลายก้าวเธอก็ได้ยินเสียง “ฮัก…” จากทางด้านหลังจึงหันหลังกลับไปมองทันที ปรากฎว่าชายหนุ่มรูปงามกำลังมีเลือดออกมาทางปาก ทำให้ปากนั้นแดงฉานพร้อมนัยน์ตาสีดำที่เบิกว่าง โดยที่ผิวของเขานั้นดูซีดเซียวมากยิ่งขึ้น

 

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าขณะนี้แก่นแท้ที่ร้ายกาจของพลังหยินกำลังแผ่ซ่านเข้าสู่ส่วนลึกของหัวใจเขา และหากไม่ได้รับการช่วยชีวิตในตอนนี้ก็จะคงไม่มีทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว

 

และถึงแม้ชายคนนี้จะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า แต่เธอก็คงไม่ใจดำพอที่จะปล่อยให้เขาตายไปต่อหน้าต่อตา เพราะคงจะรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิต

ท้าทายลิขิตสวรรค์

ท้าทายลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
ในชาติที่แล้วครอบครัวของเธอต้องพังพินาศและจบลงด้วยการกลายเป็นคนเร่ร่อนจรจัด ซึ่งสิ่งนี้หล่อหลอมให้เธอเป็นคนเจ้าเล่ห์เพื่อความอยู่รอด เพราะเธอไม่มีการศึกษาและไม่มีความสามารถทางด้านใดเลยสุดท้ายเธอต้องถูกทำร้ายจนตายแต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งจึงพบว่าตนเองได้ย้อนกลับไปในตอนที่มีอายุเพียงแค่ห้าขวบขณะที่มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับเธอ นั่นคือหญิงสาวมีดวงตาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถมองเห็นอดีตของผู้อื่น และยังสามารถช่วยแก้ไขภัยพิบัติให้คนผู้นั้นได้ไม่เพียงแค่นั้น! เธอยังมีทักษะพิเศษในการมอบโชคลาภให้แก่ผู้คน อีกทั้งยังล่วงรู้แม้กระทั่งวันตายของคนอื่นในชีวิตนี้เธอจะท้าทายสวรรค์เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมและเอาความสุขกลับคืนมาในชีวิตที่แล้วเธอไม่มีอะไรเลย ไม่มีการศึกษาหรือทักษะ จึงทำให้คนอื่นดูหมิ่นและถูกมองด้วยสายตาแห่งความเหยียดหยามในชีวิตนี้เธอพยายามที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหยั่งรู้ฟ้าดินที่แท้จริง เพื่อต้องการยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลก ซึ่งมันจะกลายเป็นตำนานที่โลกต้องจดจำไปชั่วกัลปาวสาน…ผู้ที่เป็นหนี้เธอทุกคนจะต้องชดใช้ให้สาสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท