จากนั้น ต้นโพธิ์ก็หายเข้าไปในนรกอย่างรวดเร็ว!
วิญญาณร้ายกลับคืนสู่ทะเลเลือดอย่างเงียบงัน ขณะอาบอยู่ใต้แสงแห่งพระพุทธคุณ
ดอกไม้แห่งพระพุทธเจ้าดอกยักษ์บานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางทะเลเลือดอันกว้างใหญ่ราวกับไร้ที่สิ้นสุด
มันดูงดงามชวนให้ตกตะลึง
จูเก่ออวิ๋นนึกถึงคำทำนายจากครั้งโบราณขึ้นมาได้ทันทีที่เขาเห็นภาพนี้
มันเป็นคำทำนายที่พระศากยมุนีเคยกล่าวเอาไว้
ว่ากันว่าก่อนที่พระศากยมุนีจะกลายเป็นพระอรหันต์ เขาเคยช่วยปลดปล่อยสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ได้พ้นทุกข์มาก่อน ตอนนั้นเขากำลังเดินทางผ่านภูเขาปู้โจว และเห็นวิญญาณร้ายที่อยู่ในทะเลเลือดเข้า
จากนั้นเขาจึงตั้งจิตอธิษฐานด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าจนหกภพภูมิถึงกับสั่นสะเทือน ในตอนนั้นเขาประกาศว่า ”ตราบใดที่ทะเลเลือดยังเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ข้าขอให้สัจจะว่าข้าจะไม่บรรลุสู่การเป็นพระพุทธเจ้า!”
ในอดีต เขาทำให้ทะเลเลือดว่างเปล่าด้วยการกระโดดลงไปในท้องทะเลอันเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายและสัมผัสกับความทุกข์ทรมานของพวกมัน
ท้ายที่สุด วิญญาณร้ายเหล่านั้นก็รู้สึกประทับใจในการกระทำของพระศากยมุนี ดังนั้นพวกมันจึงปล่อยวางความเคียดแค้นและกลับคืนสู่เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ เพื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ก้านโพธิ์ก้านนั้นกำลังทำในสิ่งเดียวกันหรือ
ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในสมองของจูเก่ออวิ๋นเมื่อเขาเห็นหงส์เพลิงยืนนิ่งและจ้องมองทะเลเลือดจากตรงนั้น สายตาของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่พึมพำออกมาว่า ”ต้นโพธิ์ ศากยมุนี”
เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังสนั่นขึ้นมาจากก้นนรก บุตรแห่งราชานรกที่อยู่นอกเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายกำลังจะหันหน้ากลับไปหัวเราะใส่จิ่งอู๋ซวง แต่เขาก็พูดขึ้นก่อนว่า ”เจ้าเห็นนั่นหรือเปล่า นั่นล่ะคือหงส์เพลิงตัว…”
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ เขาก็เห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีขาวร่วงหล่นลงไปจากกำแพงเมือง
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นจากภายในร่างของชายหนุ่ม ราวกับหมายที่จะแผดเผาเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนพลันปรากฏขึ้นในสมองของเขา
มันเป็นภาพของภูเขาซวีหมีอันหนาวเย็น ที่ที่ภิกษุทุกรูปจะต้องเดินผ่านเขา
แต่มีแค่คนคนนั้นเพียงคนเดียวที่หยุดคุยกับเขา เล่าปัญหาทั้งหมดของตัวเองให้เขาฟัง และยังยอมเสียน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปเพื่อรดร่างของเขา
นกศักดิ์สิทธิ์บินอยู่บนฟ้า จากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงก็ถอนหายใจออกมา
เขาเงยหน้าขึ้น และเอ่ยว่า ”ข้าไม่เสียใจขอรับ”
แม้เขาจะเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นนาง แต่เขาก็จะไม่เสียใจ
แม้จะเลือนราง แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นร่างที่ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างถึงที่สุดร่างนั้นเดินอยู่บนบันไดมุ่งสู่สวรรค์ได้
พระพุทธองค์ถามว่าเขาปรารถนาสิ่งใดอีกหรือไม่
เขาตอบว่าเขาอยากเห็นใบหน้าของคนคนนั้น
ตอนนี้ ในที่สุดความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง…
จิ่งอู๋ซวงค่อยๆ หลับตาลงในระหว่างที่เขาหล่นลงสู่พื้นด้วยความเร็วแสง
”บัดซบ!” บุตรแห่งราชานรกรีบวิ่งเข้าไปหาเขาโดยไม่สนใจปีศาจที่อยู่ด้านหลังแม้แต่ตัวเดียว เขาขยับนิ้วแล้วรีบใช้เสื้อคลุมสีดำของตัวเองคลุมร่างของจิ่งอู๋ซวงเอาไว้
ปีศาจน้อยตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของมันแดงก่ำขณะเอ่ยว่า ”นายท่านขอรับ”
มันรู้ว่าเวลาของผู้เป็นนายมาถึงแล้ว
พระสารีริกธาตุจากแก่นวิญญาณดั้งเดิมอยู่ห่างจากร่างกายของเขานานเกินไป
ยิ่งกว่านั้น ผู้เป็นนายของเขาก็เคยได้รับบาดเจ็บจากทัณฑ์สวรรค์มาก่อน...
มันรู้มาตลอดว่าสักวันหนึ่ง วันนี้จะต้องมาถึง เพราะผู้เป็นนายของมันสุขภาพไม่ดีมาตลอด
แต่มันก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้ ไม่ใช่ตอนนี้หงส์เพลิงเพิ่งกลับมา
นายท่านยังไม่ได้เห็นนางเลย
ครั้งหนึ่งนายท่านเคยบอกว่า ความหวังเดียวของเขาคือการได้เห็นคนคนนั้น
ปีศาจน้อยกระตุกเสื้อคลุมของชายหนุ่ม มันยึดชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่นอย่างดื้อรั้นทั้งที่ยังถือขวดน้ำเต้าขวดใหญ่เอาไว้ในมือ
บุตรแห่งราชานรกถูกใจต้นโพธิ์อย่างมาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นวาสนาต่อพระพุทธศาสนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงทิ้งเอาไว้บนโลก
”เฮ้ย ปีศาจน้อย เจ้าหยุดดึงเสื้อเขาได้แล้ว ทำไมปีศาจเด็กๆ อย่างเจ้าถึงทำเช่นนี้กันอยู่เรื่อยเชียวนะ”
เขาน่าจะคิดออกเร็วกว่านี้ เพราะคนที่จะเป็นเจ้านายของปีศาจน้อยได้ย่อมต้องมีหัวใจแห่งการรู้แจ้งอย่างแท้จริง
เหมือนกับคนแซ่ตู้ที่เขารู้จัก
แล้วก็ต้นโพธิ์
แต่ต้นโพธิ์…
”เขายังไม่ทันได้เห็นหงส์เพลิงตัวจริงเลย!” ปีศาจน้อยพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง เด็กๆ มักจะดื้อรั้นกับเรื่องบางเรื่องเป็นพิเศษ
บุตรแห่งราชานรกชะงักมือ แล้วก้มหน้าลงมองมัน ”ปีศาจน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่อาบแสงแห่งพระพุทธคุณเพื่อลบล้างชื่อเสียงอัปมงคลให้กับหงส์เพลิงตอนที่อยู่ในนรกเป็นใคร”
”เป็นพระศากยมุนี” ปีศาจน้อยตอบพร้อมกับสะอื้นออกมา
บุตรแห่งราชานรกพยักหน้า ”ใช่ เป็นพระศากยมุนีนั่นเอง ดังนั้นต้นโพธิ์ย่อมเคยเห็นหงส์เพลิงมาก่อน เพราะเขาคือวาสนาต่อพระพุทธศาสนาที่พระศากยมุนีทิ้งเอาไว้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงได้สรรสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้น เวลานี้ทะเลเลือดว่างเปล่า พระศากยมุนีย่อมหวนกลับมาในวันใดวันหนึ่ง หงส์เพลิงเอาชนะจุดผกผันในชะตากรรมของตัวเองได้แล้ว และนั่นย่อมเป็นสิ่งที่ต้นโพธิ์อยากเห็น”
จากนั้นเขาจึงหยิบเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออก นอกจากประกายแสงอันริบหรี่ ก็ไม่มีร่างของจิ่งอู๋ซวงปรากฏให้เห็นแต่อย่างใด
ปีศาจน้อยรู้ว่าผู้เป็นนายจากไปแล้ว
จากเวลานี้เป็นต้นไป ผู้เป็นนายของเขาจะไม่ได้มีตัวตนอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นในท้องทะเล หรือบนสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นที่ภพภูมิทั้งหกหรือในทะเลทรายทั้งแปด เพราะพระสารีริกธาตุของเขาจมหายไปในนรกเสียแล้ว
จะไม่มีทะเลเลือดอยู่บนภูเขาปู้โจวอีกต่อไป…
ซ่า!
ทุกคนเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เดิมเคยยืนอยู่ริมฝั่งกระโดดลงไปในทะเลเลือด!
วิญญาณร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนปรี่เข้าไปหานางในทันใด พวกมันกางกรงเล็บอันแหลมคมใส่นาง
แต่นางกลับไม่สนใจพวกมัน และทุ่มสมาธิให้กับการค้นหาอะไรบางอย่าง ในที่สุดนางก็เห็นก้านโพธิ์ที่สูญเสียพลังแห่งพระพุทธคุณไปจนหมดสิ้นนอนอยู่ที่ก้นทะเลซึ่งว่างเปล่าไปกว่าครึ่ง
นางพยายามยื่นมือออกไปหาก้านโพธิ์ก้านนั้น แต่กลับเอื้อมไม่ถึง
ตอนนี้นี่เองที่ร่างสูงร่างหนึ่งโอบนางไว้ในอ้อมแขนเพื่อปกป้องนางเอาไว้จากกรงเล็บของวิญญาณร้ายเหล่านั้น พร้อมกับคว้าก้านของต้นโพธิ์ไว้ จากนั้น เขาก็พานางขึ้นจากทะเลเลือดอย่างรวดเร็ว
ทะเลเลือดค่อยๆ หายไป อีกทั้งในเวลานั้นก็ยังไม่มีใครสามารถใช้อาคมได้แม้แต่คนเดียว การจะทำให้ทะเลเลือดว่างเปล่าได้นั้นจำเป็นต้องใช้หัวใจที่พร้อมปลดปล่อยสรรพสัตว์จากความทุกข์ทั้งปวง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำการล้างบางวิญญาณร้ายพวกนั้นได้อีก
แผ่นหลังของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเต็มไปด้วยบาดแผลแห่งชัยชนะอันน่าสะพรึงกลัวและยังมีคราบเลือดเปรอะอยู่หลายแห่ง เขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยแม้กระทั่งถูกมีดบาด แต่ตอนนี้เขากลับใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดเพื่อปกป้องนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม น้ำหยดลงมาตามผมของนางและร่วงลงสู่พื้นดิน แต่ดวงตาของนางกลับยังงดงามและเฉียบคม
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ถามว่าทำไมนางถึงกระโดดลงไปในทะเลเลือด แต่เขากลับยื่นพระสารีริกธาตุของต้นโพธิ์ให้นาง จากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยท่าทางสง่างามตามแบบฉบับของตัวเองว่า ”ที่จริงข้าก็อยากให้เขาหายไปทั้งอย่างนั้น แต่ข้ารู้ว่าถ้าเขาหายไปเช่นนั้น เจ้าก็จะยิ่งจำเขาได้นานขึ้น เฮ่อเหลียนเวยเวย ข้าจะตอบแทนหนี้บุญคุณนี้แทนเจ้า บนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ คนที่เจ้าจะสามารถติดหนี้บุญคุณได้มีแค่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
สรุปว่าเขาหึงนี่เอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มให้เขาผ่านดวงตา แล้วจูบริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่นนั้น
นางยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากต้นโพธิ์ที่อยู่ในมือได้ หลังจากทะเลเลือดว่างเปล่า และนรกปิดลงแล้ว เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ของภพภูมิทั้งหกจึงกลับคืนสู่สภาวะปกติ
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งก้านโพธิ์และแสงแห่งพระพุทธคุณของนางให้กับปีศาจน้อย พร้อมกับเอ่ยว่า ”เขาจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานมากทีเดียวถึงจะกลับมาได้ เจ้าช่วยดูแลเขาให้ข้าได้หรือไม่”
ปีศาจน้อยพยักหน้า แล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง มันตอบว่า ”ข้าจะไปไหว้พระทุกวัด และขอให้พระพุทธองค์อนุญาตให้นายท่านกลับมา”
”พระพุทธองค์จะต้องตอบรับคำอธิษฐานของเจ้าอย่างแน่นอน” เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบศีรษะของปีศาจน้อย แล้วมองกลับไปที่เมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่กลับคืนมาสู่สภาวะปกติเป็นที่เรียบร้อยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
บุตรแห่งราชานรกมองชายหนุ่มที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แล้วจึงเยาะขึ้นว่า ”เจ้าใช้อาการบาดเจ็บเอาชนะใจนางอีกแล้วหรือ ตอนนี้เจ้าเป็นปีศาจ ไม่ใช่เทพเสียหน่อย! เจ้าสามารถสลับร่างจากปีศาจกลับไปเป็นเทพเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บจากทะเลเลือดได้มิใช่หรือ! ช่างหน้าด้านเสียจริง!”