ตอนที่ 850 การศึกษาของโต้วโต้ว
หลังจากดูข่าวในตอนเย็นจบ สองสามีภรรยาก็ขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ในตอนนี้เองโต้วโต้วก็ได้วิ่งมาหาพวกเขา
หลินม่ายถาม “มีอะไรเหรอ?”
โต้วโต้วลังเลอยู่นานและบอกว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมผู้ปกครอง และต้องให้ผู้ปกครองเดินทางเข้าร่วม
หลินม่ายมองไปยังฟางจั๋วหรานทันที
โต้วโต้วสอบได้แย่มาก หากไม่มีผู้เข้าร่วมงานประชุมในครั้งนี้ หล่อนจะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากครูประจำชั้นแน่นอน
ฟางจั๋วหรานผายมือ “พรุ่งนี้ผมมีตารางการผ่าตัดเต็มวัน ผมคงไปไม่ได้”
หลินม่ายถอนหายใจ จากนั้นเธอก็เป็นคนเดียวที่ไป
เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดในวันจันทร์ หลินม่ายก็ขอลาครูที่ปรึกษา โดยบอกว่าเธอต้องเข้าร่วมการประชุมผู้ปกครองของลูกสาวเวลา 15:30 น.
ที่ปรึกษาตกตะลึง หลินม่ายกำลังตั้งครรภ์ลูกอยู่หนึ่งคน และยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคนที่อยู่ชั้นประถมแล้ว
เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่า การพาโต้วโต้วไปโรงเรียนครั้งล่าสุดทำให้เกิดความปั่นป่วน ในการไปประชุมผู้ปกครองครั้งนี้ หลินม่ายจึงสวมหมวกและหน้ากากอนามัยไม่ให้ใครรับรู้
ก่อนการประชุมผู้ปกครอง ครูใหญ่ของโต้วโต้วจึงหยิบรายชื่อและถามทีละคน “พ่อแม่ของหวังเหว่ยมาถึงหรือยังครับ?”
พ่อแม่ของหวังเหว่ยตอบทันที “เรามาแล้วครับ”
ครูประจำชั้นถาม “พ่อแม่ของหลินเจียโต้วมาหรือยังครับ?”
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนขึ้นและตอบ “มาแล้วค่ะ”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่เธอ
ผู้ปกครองบางคนกระซิบกับผู้ปกครองคนอื่น ๆ “แม่ของเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นเป็นดาราดัง”
หลินม่ายรู้สึกละอายใจ เธอเพียงร้องเพลง จะกลายเป็นดาราดังได้อย่างไร?
หลังจากการเรียกขาน ครูใหญ่ก็แนะนำสถานการณ์การเรียนรู้ของทั้งชั้น และรายงานคะแนนของนักเรียนแต่ละคน
ตอนนั้นหลินม่ายรู้แล้วว่าโต้วโต้วไม่เพียงได้อันดับท้ายสุดของชั้นเรียนเท่านั้น แต่คะแนนยังห่างจากสองอันดับท้ายสุดอีกด้วย
หลังจากการประชุมผู้ปกครอง หลินม่ายถูกครูใหญ่ทิ้งไว้ข้างหลัง
ว่ากันว่าผลการเรียนของโต้วโต้วแย่จริง ๆ และเธอกลัวว่าลูกจะให้คะแนนซ้ำแบบนี้อีก
ครูใหญ่ยังกล่าวด้วยว่าหลินม่ายเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา และลูกสาวของเธอจะต้องไม่น้อยหน้าใคร
หลินม่ายไม่เคยคิดว่าโต้วโต้วจะต้องเป็นให้ได้อย่างเธอ เธอเพียงหวังว่าผลการเรียนของลูกจะไม่ตกต่ำแบบนี้อีก
ประเทศเริ่มใช้การศึกษาภาคบังคับในปี 1986 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักเรียนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนซ้ำชั้นในช่วงการศึกษาภาคบังคับ
แต่ก่อนการศึกษาภาคบังคับ นักเรียนเรียนซ้ำชั้นได้
ไม่เร็วเกินไปที่โต้วโต้วจะไปโรงเรียน และหล่อนจะมีอายุเจ็ดขวบหลังจากวันปีใหม่
แต่หากหล่อนเรียนซ้ำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หรือหากมีผลการเรียนต่ำในอนาคต หล่อนจะไม่จบการศึกษาจากโรงเรียนประถมตอนอายุสิบสี่หรือสิบห้าหรือ?
โต้วโต้วจะอับอายเมื่อหล่อนไปโรงเรียนหรือไม่?
หลินม่ายกังวลใจ
สิ่งที่ครูประจำชั้นหมายถึงโดยการพูดคำเหล่านี้คือ ให้หลินม่ายให้ความสนใจกับการเรียนของโต้วโต้ว
นอกเหนือจากการยินยอมอย่างเชื่อฟังแล้ว หลินม่ายจะสามารถทำอะไรได้อีก?
เธอยอมรับว่าเธอและสามีไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนของโต้วโต้วมากนัก
ความคิดของพวกเขาคือการปล่อยให้โต้วโต้วเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข พอจะเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต
เป็นเพราะความคิดแบบนี้ทำให้สองสามีและภรรยาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการศึกษาของโต้วโต้ว
ความรู้ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นั้นง่ายมาก ทำไมถึงต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ด้วย?
แต่โต้วโต้วใช้ผลการเรียนของหล่อนมาพิสูจน์ว่าแนวคิดการเรียนเพื่อวัดคะแนนยังจำเป็นอยู่
หลินม่ายได้รับการศึกษาจากครูประจำชั้นนานกว่าครึ่งชั่วโมงและในที่สุดเธอก็เตรียมจะจากไป
แต่ครูใหญ่หยิบสมุดบันทึกออกมาและขอให้หลินม่ายเซ็นชื่อ
หลินม่ายลงนามและจากไป
ก่อนจะเดินออกจากสำนักงาน เธอมองออกไปข้างนอก
โต้วโต้วกำลังรออยู่ข้างนอกเพื่อกลับบ้านกับเธอ แต่เมื่อได้เห็นผู้เป็นแม่ จึงกล่าว “แม่ เพื่อนร่วมชั้นของหนูและพ่อแม่ของพวกเขาหมดความอดทนและออกไปก่อนเวลาแล้ว”
จากนั้นหลินม่ายเดินออกจากสำนักงานอย่างกล้าหาญและพาโต้วโต้วกลับบ้าน
ระหว่างทาง เธอบอกโต้วโต้วให้ตั้งใจเรียน ไม่จำเป็นต้องเก่งจนได้อันดับที่หนึ่งของชั้นเรียน ขอเพียงมีผลการเรียนที่ดีขึ้นก็พอ
เพราะหากต้องซ้ำชั้นคงเป็นเรื่องน่าอายไม่น้อย!
หลินม่ายให้เหตุผลกับลูกสาว แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าเด็กหญิงเข้าใจสิ่งที่แม่พูดหรือไม่
เธอถอนหายใจอย่างเงียบงันพลางกล่าว “จากวันนี้ไป หากแม่อยู่บ้าน แม่จะช่วยลูกทำการบ้านนะ”
โต้วโต้วตอบรับด้วยเสียงต่ำ
หลังอาหารเย็น หลินม่ายไปยังห้องของโต้วโต้วเพื่อช่วยหล่อนทำการบ้าน
เด็กหญิงเก่งภาษาจีนมากกว่าคณิตศาสตร์ หลินม่ายจึงเริ่มสอนภาษาจีน
เริ่มสอนจากง่ายไปยาก โต้วโต้วจะมีความต้านทานน้อยลง
ไม่มีเด็กคนไหนโง่ มีแต่เด็กที่ไม่ชอบเรียน
แม้ว่าโต้วโต้วจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้ แต่หล่อนก็ยังพอไล่ตามเพื่อนร่วมชั้นได้ ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังไม่ชอบการเรียนรู้อยู่ดี
หลินม่ายต้องการปลูกฝังความสนใจในการเรียนให้กับหล่อน เมื่อลูกสาวมีความสนใจในการเรียนรู้เท่านั้น หล่อนจึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระ
การสั่งสอนใครสักคนให้เรียนรู้เป็นสิ่งที่เจ็บปวด
ประสบการณ์ของหลินม่ายที่สอนสองสาวตระกูลเซี่ยนั้นยากจะลืมเลือน
แต่ไม่คิดว่าการสอนโต้วโต้วจะเจ็บปวดมากไปกว่านั้นอีก
หลินม่ายเริ่มมีโทสะขึ้นเรื่อยๆ ขณะสอนโต้วโต้ว และเสียงตะโกนของเธอก็ดังไปทั้งลาน
แน่นอนว่าโดยปกติแล้วผู้เป็นแม่จะใจดี แต่เมื่อต้องใช้ความอดทนในการสอนหนังสือลูก ผู้เป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะโมโห
หลินม่ายมีบุคลิกเย็นชา นิสัยหัวร้อนของเธอนั้นแทบไม่เกิดขึ้น หายากยิ่งสำหรับเธอที่จะสูญเสียความสงบเช่นนี้
ฟางจั๋วหรานซึ่งกำลังเอนกายอยู่บนเตียงและอ่านหนังสือ ได้ยินเสียงตะโกนของหลินม่ายจากห้องของโต้วโต้วก็ขมวดคิ้ว วางหนังสือทางการแพทย์ในมือลงและไปที่ห้องของโต้วโต้ว
แม้หลินม่ายจะไม่ได้ตะโกนอีกต่อไป แต่เธอก็โกรธมาก ขณะนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ของโต้วโต้วและหายใจหอบ
โต้วโต้วน้ำตาไหล ขณะรู้สึกผิดและมองไปที่หลินม่ายด้วยความละอายใจ
ฟางจั๋วหรานเอ่ยกับโต้วโต้ว “ดูสิ ลูกกำลังทำให้แม่โกรธแล้ว”
เขาหันกลับมาบอกหลินม่ายด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณอย่าโกรธไปเลย ระวังลูกในท้องของคุณด้วย ออกไปเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
หลินม่ายไม่ยอมออกไป “แล้วการบ้านของโต้วโต้วล่ะ?”
“ผมมาแล้ว คุณกลับห้องไปนอนเถอะ”
ฟางจั๋วหรานส่งหลินม่ายกลับไปยังห้องของเธอ จากนั้นเขาก็นั่งลงและช่วยสอนการบ้านโต้วโต้ว
แม้ว่าเขาจะไม่เสียอารมณ์เท่า แต่เขาก็เหนื่อยทั้งกายและใจหลังจากติวการบ้านให้เด็กน้อย
เลี้ยงลูกสมัยนี้ยากขนาดนี้เชียวหรือ?
ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ที่ดูแลเรื่องเรียนก็ไม่ได้เรียนเก่งทุกคน
หลังจากสอนโต้วโต้วแล้ว ฟางจั๋วหรานก็กลับไปที่ห้องนอนของเขาและภรรยา
หลินม่ายนอนอยู่บนเตียง มองเพดานด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก
เมื่อได้ยินเสียงของฟางจั๋วหรานเข้ามา เธอก็กลอกตาถาม “คุณสอนเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?”
“อือ” ฟางจั๋วหรานปิดประตูเพื่อกันความเย็น
หลินม่ายกังวล “โต้วโต้วเรียนรู้ไม่ได้หรือมีความบกพร่องทางการเรียนรู้หรือเปล่า?”
“ไม่” ฟางจั๋วหรานกล่าว “หล่อนแค่ไม่อยากใช้สมองและไม่ชอบเรียน พูดตรง ๆ คือใช้ชีวิตไร้กังวลเกินไป”
“แล้วต้องทำยังไง?”
“หาคุณครูสอนพิเศษ เปลี่ยนให้คนแปลกหน้ามาสอนหล่อน มันคงจะให้ผลจะดีกว่าพ่อแม่สอนหล่อน”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งเธอและฟางจั๋วหรานต่างก็ยุ่ง และไม่มีเวลาสอนการบ้านของโต้วโต้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตามหาครูสอนพิเศษเท่านั้น
ฟางจั๋วหรานนั่งลงข้างหลินม่ายและลูบหัวของเธอ “อย่ากังวลเรื่องการเรียนของโต้วโต้วไปเลย ผมอยู่นี่แล้ว”
สองวันต่อมา ฟางจั๋วหรานได้ว่าจ้างนักศึกษาชายคนหนึ่งให้เป็นครูสอนพิเศษของโต้วโต้ว
โดยให้เขามาที่บ้านวันเว้นวันเพื่อสอนโต้วโต้วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
เขามีข้อกำหนดเพียงสองข้อสำหรับครูสอนพิเศษ ตราบใดที่โต้วโต้วมีความก้าวหน้าเล็กน้อยในการศึกษา เขาจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น
แต่หากโต้วโต้วทำได้ไม่ดีก็จงอย่าวิพากษ์วิจารณ์ แต่จงให้กำลังใจและบอกว่าหล่อนทำได้
หลังจากหาครูสอนพิเศษได้ ฟางจั๋วหรานก็ไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อบอกหลินม่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลินม่ายนั่งอยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ดื่มซุปไก่ที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้เธอจากร้านซุปตุ๋นและถามงุนงง “ทำไมคุณถึงจ้างครูสอนพิเศษผู้ชายล่ะคะ?”
ในความเห็นของเธอ เด็กผู้หญิงควรจ้างครูสอนพิเศษผู้หญิง และเด็กผู้ชายควรจ้างครูสอนพิเศษผู้ชาย เพราะการสื่อสารระหว่างเพศเดียวกันนั้นง่ายกว่า
ฟางจั๋วหรานตอบกลับ “ครูผู้หญิงมีความอ่อนโยนเกินกว่าจะยับยั้งโต้วโต้วได้ ครูผู้ชายจะทำให้โต้วโต้วกลัวเล็กน้อยและศึกษาอย่างจริงจังมากขึ้น
เขาตักข้าวเข้าปากพลางกล่าว “ผมจะจัดการเรื่องเรียนของโต้วโต้วเอง คุณกำลังท้องอยู่ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนเป็นครูได้นี่ต้องใจเย็นแบบมากๆ เลยนะคะเนี่ย ยิ่งเด็กที่สอนยากสอนเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวยิ่งแล้วใหญ่
ไหหม่า(海馬)