มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน – ตอนที่ 3 หมัดทะลวงพิภพ

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

        หลงเหยียนหลับตาลง เขาอยู่ระหว่างการทำสมาธิเพื่อให้บรรลุถึงพลัง ฝืนควบคุมพลังปราณครึ่งหนึ่งในตัวได้ พลังอุ่นๆ ถูกหล่อเลี้ยงในจุดรวมปราณอย่างต่อเนื่อง หลงเหยียนสามารถสัมผัสถึงพลังวิญญาณจากสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวชัดเจนมากขึ้น

        “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คาดว่าข้าคงลองได้แล้วว่าจะทะลุขั้นชีพมังกรที่หนึ่งได้หรือยัง พลังปราณมหาศาลเช่นนี้คงมากเพียงพอ” หลงเหยียนกัดฟัน แล้วร่างกายก็สั่นอย่างรุนแรง

        “ข้าต้องสำเร็จแน่”

        หลงเหยียนควบคุมพลังปราณ เริ่มส่งพลังปราณจากจุดรวมปราณไปยังชีพมังกรขั้นที่หนึ่ง ชีพจรมังกรในร่างกายถูกเติมเต็มไปด้วยพลังปราณ ร่างหลงเหยียนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาแหงนหน้าคำราม “ครั้งแรกยังเจ็บถึงเพียงนี้ ขอแค่ข้าทนข้ามผ่านไปให้ได้ ข้าต้องสำเร็จแน่”

        ทันใดนั้น ชีพจรบนตัวหลงเหยียนก็นูนขึ้นมา เริ่มถูกเติมเต็มด้วยพลังปราณ คล้ายภายในร่างเกิดคลื่นพายุลูกใหญ่ พลังปราณทั้งหมดพุ่งเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังพุ่งเข้าไปนั้น ชีพจรของหลงเหยียนก็ถูกฉีกอย่างต่อเนื่อง

        “ทนไว้ ข้าต้องทนให้ได้” เมื่อนึกถึงคนที่คอยหยามตนเองมาตลอด หลงเหยียนก็ไม่กล้าถอดใจ ปล่อยให้พลังปราณบุกเข้าชีพจรอย่างบ้าคลั่ง

        “แกรก!”

        หลงเหยียนลืมตาขึ้น จากนั้นก็คายไอเสียในร่างกายออกมา ครั้งนี้ คล้ายหลงเหยียนได้ผ่านพ้นความเป็นความตายมาแล้วเช่นนั้น พลังปราณพุ่งเข้าสู่เส้นพลังทั้งหมด ส่วนพลังปราณในเส้นพลังก็เริ่มไหลเวียน ไหลกลับเข้าสู่จุดรวมปราณทั้งหมด เมื่อไหลเวียนทั่วร่างหลายครั้ง ในที่สุดร่างหลงเหยียนก็ทรุดฮวบลงพื้น

        ฝึกชีพมังกรเส้นที่หนึ่งสำเร็จ ตอนนี้หลงเหยียนอยู่ในระดับชีพมังกรขั้นที่หนึ่ง เพียงไม่นานหลงเหยียนก็พบว่า พลังปราณที่มากกว่าเดิมในจุดรวมปราณเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พลังปราณที่มหาศาลเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

        “อะไร? ยังเหลือเยอะปานนี้เลย?” คล้ายมันเป็นพลังปราณที่ไม่มีวันหมด

        “ได้ งั้นเราก็มาเริ่มกันต่อเลย ข้าจะใช้โอกาสนี้ลองฝึกขั้นที่สองดู” เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งก่อน หลงเหยียนก็หลับตาลงอีกครั้ง เริ่มใช้จิตควบคุมพลังปราณ ควบคุมการไหลเวียนของพวกมัน เมื่อฝึกขั้นที่หนึ่งสำเร็จ ครั้งนี้หลงเหยียนจำเป็นต้องใช้พลังปราณที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

        ถึงกระนั้น หลงเหยียนก็รู้ดีว่าการฝึกยุทธ์จำเป็นต้องเคร่งครัดในระเบียบวินัยจึงจะสำเร็จ เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์จากครั้งแรก แต่ก็ต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเป็นการฝึกที่ยากขนาดไหน

        ณ เมืองมังกร เพื่อเลื่อนระดับพลัง ผู้แข็งแกร่งทุกคนใช้ทรัพยากรไปมาก หลายปีผ่านไปถึงเลื่อนระดับขึ้นได้หนึ่งขั้น แค่นี้หลงเหยียนก็ทำได้ดีมากแล้ว

        พลังปราณเสมือนเสือที่หลุดจากป่า เป็นพลังที่น่ากลัวมาก หลงเหยียนทะลุเส้นพลังขั้นที่สองสำเร็จ อ๊าก! เสียงดังก้องในตัว ครั้งนี้นับว่าเขาสามารถข้ามผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าพลังปราณก็ยากจะเดินหน้า มันก้าวหน้าไปแค่นิดเดียวเท่านั้น เมื่อนึกถึงคนที่เคยรังแกตน หลงเหยียนฝืนทนความเจ็บปวด น้ำตาคลอเบ้า

        “ไม่ ข้าไม่มีทางยอมแพ้หรอก ข้าจะถอดใจไม่ได้เด็ดขาด ข้าต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งให้ได้” เมื่อความเด็ดเดี่ยวอยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งล้วนไม่สำคัญทั้งนั้น สำหรับเขาแล้ว ความเจ็บปวดแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่ต้องทน เปรียบไม่ได้กับตอนที่เขาถูกหยามศักดิ์ศรีเลยสักนิด

        “มาเลย เข้ามาเลย ถ้าจะมาก็เข้ามาทีเดียวเลย” หลงเหยียนกัดฟันกรอด เส้นพลังเลื่อนขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ คล้ายกระดูกในตัวของหลงเหยียนผ่านการชำระล้างมาแล้ว หลงเหยียนรีบหลับตาลง หลงเหยียนสามารถรับรู้ถึงพลังวิญญาณที่มาจากรอบตัวได้ทั้งหมด

        “แกรก!”

        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ชีพจรเส้นที่สองของเขาถูกเติมเต็มด้วยพลังปราณ พลังปราณทั้งหมดเสมือนน้ำป่าที่กำลังไหลทะลัก พังเขื่อนกั้นน้ำ พุ่งทะลุชีพจรเส้นใหญ่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง พลังปราณกระจายไปทั่วทั้งร่าง เวลานี้หลงเหยียนรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก

        ในที่สุดเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

        “อ๊าก!”

        หลงเหยียนชกแรงๆ ไปข้างหน้า ห้วงอากาศสั่นสะเทือน ทำให้เกิดระลอกพลัง นี่แหละพลัง พลังที่แท้จริง

        “คิดว่าตอนนี้ข้าคงมีพละกำลังมากแล้วสินะ”

        “หลงเอ้าอวี เจ้าคงจะนึกไม่ถึง รอข้าก่อนเถอะ เจ้าต้องตกใจมากแน่”

        “ไม่เสียแรงที่เป็นถึงวิญญาณมังกร แกร่งมากจริงๆ พลังปราณที่ก่อในตัวข้านั้นพิเศษมาก ข้ารู้สึกได้ว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ รอบตัวกำลังเคลื่อนไหว พลังการโจมตีที่น้อยนิดของพวกมันไม่มีค่าเมื่อเทียบกับพลังที่ข้ามีในตอนนี้ มันน้อยจนไม่อยากเอ่ย”

        ในเมืองมังกร มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับผู้อาวุโสในตระกูลหลงเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของคนอื่น

        หลงเหยียนเข้าใกล้กระต่ายตัวหนึ่ง โจมตีมันจนตาย ไม่นานนักพลังวิญญาณที่ถูกโจมตีก็ออกจากร่าง หลงเหยียนแผ่พลังปราณออกมาห่อหุ้มพลังวิญญาณไว้

        “เก็บ!”

        พลังวิญญาณถูกดูดเข้าสู่ร่างกายหลงเหยียน สลายกลายเป็นพลังปราณ ส่วนจุดรวมปราณก็เป็นเหมือนค่ายหลักของพลังปราณ สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณจากสิ่งมีชีวิต มีพลังปราณไหลเข้าสู่จุดรวมปราณอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เกิดจากวิญญาณมังกรในร่างหลงเหยียน ดูแล้ว ระยะเวลาในการฝึกไม่ได้เร็วธรรมดา ระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน เขาก็ทำลายเส้นพลังสองเส้นได้สำเร็จ

        เมื่อรวบรวมพลังปราณที่แกร่งกล้า หลงเหยียนกระตุกยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินไปตามทางกลับบ้าน

        เขาสัมผัสถึงพลังของฝ่ายตรงข้ามได้เพียงคนที่มีพลังต่ำกว่าตนเท่านั้น พลังวิญญาณแกร่งจนทำให้เขาเลื่อนไปถึงระดับชีพมังกรที่ขั้นสอง พละกำลังสามารถเพิ่มขึ้นได้ผ่านไหวพริบและประสาทการรับรู้ ทำให้ประสาทสัมผัสของหลงเหยียนกว้างขึ้น

        หลงเหยียนกลับมาถึงตระกูลหลงแล้ว เขายังคงระมัดระวังตัว ในเมื่อหากเทียบพละกำลังที่ตนมีกับคนอื่นในตระกูลแล้ว พลังที่ตนมีไม่ได้นับว่าสูงหรือแกร่งเลย หลงเหยียนเข้าทางประตูหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นทันทีก็พบว่าผู้อาวุโสตระกูลหลงยืนอยู่ไม่ไกล คล้ายกำลังรอเขาอยู่

        “เหยียนเอ๋อ เจ้ามานี่หน่อย” ผู้อาวุโสแห่งตระกูลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลงเหยียนรู้ดี ด้วยพละกำลังของผู้อาวุโส เขาสามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวภายในตระกูลหลงได้ การเคลื่อนไหวของทุกคนหนีสายตาเขาไม่พ้น

        “ท่านปู่” หลงเหยียนเดินเข้าไปใกล้ เห็นเพียงผู้อาวุโสที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น “พลังวิญญาณเจ้าแกร่งมาก เจ้าเจออะไรมาหรือไม่?”

        “อ้อ ข้าไปที่ภูเขาหยุนอู่ เก็บผลไม้ได้แล้วกินเข้าไป จากนั้นร่างกายก็เริ่มรู้สึกร้อน…”

        “งั้นหรือ…” เรื่องที่หลงเหยียนเล่านั้นมิอาจหลอกผู้อาวุโสได้ แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ ทว่าผู้อาวุโสกลับไม่ได้เค้นถาม

        ทันใดนั้น หลงเหยียนถูกผู้อาวุโสยกร่างขึ้น ผ่านการทดสอบ พบว่าพลังวิญญาณในร่างกายหลงเหยียนอยู่ในระดับกลาง ทำให้เขาสะดุ้งโหยง แต่กลับไม่ได้ถามถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

        “น่าประหลาด ยอดฝีมือบางส่วนมักใช้วิชาดูดพลังวิญญาณจากปีศาจอสูร ใช้ให้มันกลายวิญญาณอสูร เป็นต้นกำเนิดของพลังในร่างกาย ใช้วิญญาณอสูรหลอมจนกลายเป็นพลังปราณของตน พลังปราณของวิญญาณอสูรดุร้ายมากกว่า การโจมตีแข็งแกร่งมากกว่า อีกทั้งยังมีต้องมีต้นกำเนิดมาจากวิญญาณอสูรอยู่แล้ว แถมต้องผ่านวิธีการควบคุมปีศาจอสูรที่หลากหลาย เขาหยุนอู่ยังมีปีศาจอสูรที่แข็งแกร่งอยู่อีกหรือ หรือเป็นเพราะว่าข้ายังหาไม่เจอ?” ผู้อาวุโสกำลังพูดลองเชิง

        “เหยียนเอ๋อ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ดีมาก ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าวิญญาณยุทธ์ในตัวเจ้ามาได้ยังไง แต่เจ้าต้องระวังตัวด้วย พลังปราณในกายเจ้ามีมาก ต้องมีวิญญาณอสูรเข้าไปแน่ แถมวิญญาณอสูรพวกนั้นต้องแข็งแกร่งจนสามารถดูดวิญญาณอสูรอื่นๆ มาเป็นพื้นฐานการฝึกกาย ใช้ปีศาจอสูรมาเปลี่ยนกายเดิม ระดับพลังจะเลื่อนขึ้นเร็วมาก แต่วิญญาณอสูรที่แข็งแกร่งอาจควบคุมจิตใจคนได้ในตอนสุดท้าย เจ้าต้องระวังให้มากขึ้น อีกอย่าง อย่าดูดกลืนสิ่งที่ไม่ควร ผู้แข็งแกร่งดูดพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก เป็นไปได้สูงที่ร่างจะระเบิดตาย”

        หลงเหยียนสะดุ้ง เขารู้สึกตกใจมาก จ้องผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงแล้วถาม “ดูเหมือนข้าคงปิดท่านปู่ไม่ได้แล้ว ในตัวข้ามีวิญญาณยุทธ์จริงๆ ซึ่งตัวข้าเองก็ยังไม่เข้าใจ แต่ข้ายังมีข้อสงสัย”

        “ถ้าวิญญาณยุทธ์ในตัวข้าคือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นไปได้หรือไม่ หากข้าดูดรับวิญญาณยุทธ์ของมันทั้งหมดเข้าไป แล้วข้าจะกลายเป็นตัวมัน? หรืออาจกลายเป็นตัวแทนของมัน”

        ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงมีนามว่าหลงกงฉู่ หลงกงฉู่ส่ายหน้า “งั้นก็คงต้องดูภายในตัวเจ้าแล้ว ว่าวิญญาณยุทธ์ออกจากร่างมันตอนยังมีชีวิต หรือเข้าสู่ร่างกายเจ้าหลังจากตายแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นอสูรที่ผ่านความตาย พวกมันจะสูญเสียความทรงจำ เป็นเพียงวิญญาณตนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้จะเข้าสู่ร่างกายคนก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง”

        “อ๋อ ข้าทราบแล้วท่านปู่” ถ้าเป็นวิญญาณที่ตายแล้ว เช่นนั้นก็นับว่าหลงเหยียนโชคดีอย่างที่สุด

        “จริงด้วย เจ้าเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้ไปหาพ่อเจ้าเลยสินะ อย่าเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมาจำใส่ใจเลย ก่อนประสบความสำเร็จก็ต้องผ่านความตรากตรำทั้งนั้น ทำอะไรต้องใจกว้าง ขอแค่จิตใจผ่าเผย ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครจะมองเราเช่นไร”

        “ยิ่งไม่ต้องรอให้คนอื่นมารังแกแล้วเจ้าค่อยหาวิธีรับมือ ลงมือในเวลาที่เหมาะสม จะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนจะมีการจัดงานประลองยุทธ์ประจำตระกูล! ถึงตอนนั้น เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์จากตระกูลจะได้เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่” หลังจากพูดจบหลงกงฉู่ก็เดินจากไป

        หลังจากหลงกงฉู่จากไปแล้ว แววตาของหลงเหยียนก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ท่านปู่วางใจเถอะ หลานจะจำคำสอนของท่าน ตอนนี้ท่านพ่อต้องอยู่ในหอรวมจิตเป็นแน่ หอรวมจิตเป็นสถานที่รวมตัวของคนในตระกูลหลง ปกติแล้ว ส่วนใหญ่จอมยุทธ์มักเข้ามาเยี่ยมเยือนตระกูลหลงในเวลานี้”

        เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว เวลานี้ก็มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เขา

        หลงเหยียนสามารถรับรู้ได้ด้วยจิตสัมผัส ฟิ้ว… ใบหน้าหลงเหยียนหยุดอยู่ตรงหน้าคนคนนั้น

        เขาก็คือหลงเอ้าอวีที่เมื่อวานอยากขับไล่หลงเหยียนออกจากตระกูลเป็นคนแรกนั่นเอง เขาแอบเดินเข้ามาหาหลงเหยียน มองประเมินหลงเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า

        “น่าสนใจจริงๆ เพิ่งไปเมื่อวาน วันนี้คนไร้ค่าอย่างเจ้าก็กล้ากลับเข้ามาทางประตูหลังแล้วงั้นหรือ? นี่เจ้ากลับมาให้คนอื่นซ้อมสินะ” หลังหลงเอ้าอวีพูดจบก็มองซ้ายมองขวา

        ก่อนจะพูดคล้ายกำลังเยาะเย้ย “ไม่มีคนอื่น แหะๆ งั้นก็ขอโทษด้วย ข้าต้องทำให้เจ้ารู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าพิการ ไร้ประโยชน์ของจริง”

        หลงเหยียนมีพละกำลังแล้ว ตอนนี้ ใบหน้าเขาแสดงถึงความเบื่อหน่าย “ไสหัวไปซะ หลังจากข้าไปพบท่านพ่อแล้ว เจ้าไม่ต้องมาหาข้าหรอก ข้าจะไปหาเจ้าเอง”

        “อยากใช้ข้ออ้างนี้หนีไปอีกแล้วสินะ?” หลงเอ้าอวีก้าวมาข้างหน้าเพื่อขวางไม่ให้หลงเหยียนจากไป

        หลงเหยียนคือคนที่ไม่ยอมแพ้ให้ใครมาก่อน ครั้งนี้เขาไม่ได้ถอย ยืนเผชิญหน้าหลงเอ้าอวี ทั้งคู่กำลังข่มฝ่ายตรงข้าม

        “เจ้าบังคับข้าเองนะ” เสียงดังเล็ดลอดผ่านซอกฟัน

        หลงเหยียนถอยหลังไม่กี่ก้าว พลังปราณในมือเริ่มถูกรวบรวม จากนั้นก็ชกโจมตีไปยังหลงเอ้าอวีที่อยู่ตรงหน้า

        หลงเอ้าอวีมีพละกำลังขั้นที่สาม สามารถหลบหมัดนี้ได้ด้วยความว่องไว จากนั้นก็หัวเราะเย้ย “สุนัขก็คือสุนัข บีบมันหน่อยก็ทนไม่ได้ เริ่มกัดคนแล้วสินะ ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเห็นพลังทะลวงฟ้าที่แท้จริง วางใจเถอะไอ้น้อง พี่ชายไม่ซ้อมเจ้าจนตายหรอก มากสุดก็แค่ซ้อมจนพิกลพิการ วันนี้แหละ เจ้าจะได้เป็นสุนัขของจริง”

        หมัดพุ่งไปกลางอากาศ หลงเหยียนไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด ต่อให้ตนจะอยู่ในระดับชีพมังกรขั้นที่สอง แต่ก็มีพลังปราณที่มหาศาล แถมยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามด้วย และนี่ก็คือโอกาสที่เขาจะฝึกฝนตนเองด้วยเหมือนกัน

        “ถ้าเป็นไปได้ ข้าต้องทำให้เจ้ารู้ว่าการมีเรื่องกับข้า สุดท้ายจะมีจุดจบแบบไหน” หลงเหยียนร่างกะพริบอีกครั้ง พลังปราณรวมอยู่กลางฝ่ามือ หมัดขนาดใหญ่ฟาดไปตรงหน้า

        ครั้งนี้หลงเอ้าอวีไม่ขยับ ในเวลาเดียวกัน พลังปราณก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ เขามีพลังระดับชีพมังกรขั้นที่สามมาสามปีแล้ว พลังปราณที่มหาศาลทำให้เขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน

        “หมัดทะลวงฟ้า”

        “ตูม!”

        หมัดทั้งสองปะทะกัน พลังปราณระเบิด จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกแยกออกจากกัน หลงเหยียนเซถอยหลังสองก้าว

        เมื่อเห็นหลงเหยียนมีพลังปราณไม่น้อยไปกว่าตน หลงเอ้าอวีรู้สึกประหลาดใจมาก “อะไรกัน นี่เจ้าไม่ล้มเลยเหรอ เจ้าไปเอาพลังปราณมาจากไหน! ไม่เจอกันแค่วันเดียว พละกำลังเจ้าเพิ่มขึ้นมาก แถมยังมีวิญญาณยุทธ์แล้ว มิน่าล่ะ คำพูดคำจาเจ้าจึงต่างไปจากเมื่อก่อนมาก”

        พลังปราณของเขารวมกับพลังจากหมัดทะลวงฟ้า พูดได้เลยว่าความน่ากลัวของมันถูกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทว่ากลับมิอาจล้มหลงเหยียนได้ และนั่นก็ทำให้หลงเอ้าอวีพิโรธ

        ——————–

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

Status: Ongoing
ในช่วงเวลาคับขันของชีวิตมักทำให้ได้พบกับสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนไว้อยู่เสมอ ในชีวิตของ ‘หลงเยียน’ ผู้ไร้พลังวิญญาณก็เช่นกัน การพลัดตกลงเหวลึกทำให้เขาค้นพบกับซากอสูรมังกรสิ้นชีพ โดยพลังจากชิ้นส่วนวิญญาณมังกรเพียงเสี้ยวเดียวก็สามารถทำให้เขามีพลังวิญญาณยุทธขึ้นมาได้ มันจึงเป็นที่มาของการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการพิสูจน์ตัวตนโดยมีตำแหน่งจอมยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานเป็นเดิมพัน! เขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการรวบรวมลูกแก้วแห่งมังกรหกลูกที่กระจายอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่ หากเขาสามารถรวบรวบพลังวิญญาณมังกรทั้งหมดไว้ได้ หนทางสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนจักรพรรดิมังกรก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท