มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน – ตอนที่ 7 วิญญาณมังกร

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

        หลงจ้านร่วมมือกับคนนอก คิดจะลอบสังหารท่านลุงหลงห้าว ซึ่งหลงเหยียนไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่ เขากำหมัดแน่น หัวใจอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น

        “ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ท่านพ่อทราบโดยด่วน” ถ้าหลงห้าวเป็นอะไรไปจริงๆ ละก็ หลงเหยียนรู้ดีว่าหากตนเอาแต่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไรสักอย่าง ตนต้องรู้สึกผิดมากแน่

        ขณะเตรียมจะจากไป จู่ๆ หลงจ้านที่ยืนอยู่ในศาลากลางน้ำก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพลังอันแสนเลือนราง นั่นทำให้เขาพบตัวหลงเหยียนจนได้

        “นั่นใคร?” เขาพุ่งเข้าไปหาหลงเหยียนด้วยความเร็วสูง เสียงลมราตรีพัดผ่าน ส่งเสียงดังขึ้นเป็นระลอก หลงเหยียนสะดุ้งตกใจ ไม่ได้การแล้ว หากถูกจับได้ เขาต้องตายอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ

        ยอดฝีมือระดับชีพมังกรขั้นที่แปดทั้งสองคนพุ่งตามมาติดๆ ด้วยความเร็วปานสายฟ้า หลงเหยียนเหงื่อแตกเพราะความตกใจ และเร่งความเร็วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชีวิตทันที

        “ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าต้องถูกตามทันแน่” ยังไม่ถึงสามลมหายใจด้วยซ้ำ หลงจ้านกับเซียวกงเป้าก็ตามเข้ามาใกล้จนอยู่ห่างจากหลงเหยียนเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น หลงเหยียนรีบคิดหาทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่นานก็พุ่งหนีไปทางบึงน้ำแทน

        ในขณะเดียวกัน จู่ๆ หลงเหยียนก็พบว่าที่ริมฝั่งมีหญิงสาวที่สวมชุดสีขาวสะอาดยืนอยู่ เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืน สตรีผู้นี้จึงทำให้หลงเหยียนตกใจยิ่งกว่าเดิม

        “ล้อกันเล่นใช่ไหม ดันมาเจอผีสาวในตำนานในเวลาเช่นนี้เสียได้ ข้ายิ่งเป็นคนที่เชื่อในเรื่องแบบนี้อยู่เสียด้วย”

        ด้วยแสงจากจันทรา ไม่นานเขาก็พบว่าหญิงสาวคนนี้มีเงาสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ทว่าเท่าที่เขารู้มา ผีไม่มีทางมีเงาอย่างแน่นอน

        “หรือนางจะเป็นคน แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลาเช่นนี้ได้?”

        เพราะเป็นช่วงจังหวะคับขัน เขาจึงไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมาย แต่วิ่งตรงไปทางหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว

        ระหว่างนั้น เมื่อหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่ห่างจากตนเพียงไม่ถึงห้าสิบเมตรเท่านั้น เขาสะดุ้งตกใจ ความหวาดกลัวทำให้เหงื่อมากมายเปียกชุ่มไปทั่วร่างกาย “หลงจ้าน เจ้ามันสมควรตายจริงๆ”

        เพราะตื่นตระหนกเกินไป เขาจึงเดินสะดุดจนเสียหลัก ล้มลงไปกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง

        “อ๊าก… หรือสวรรค์ลิขิตให้ข้าตายวันนี้?” หลงเหยียนยังไม่อยากจบชีวิตลงเพียงเท่านี้ คนเรา เมื่อถึงคราวซวย แม้แต่ดื่มน้ำก็ยังตายได้สินะ คำพูดนี้ ตรงกับหลงเหยียนในตอนนี้เหลือเกิน

        เขารีบลุกขึ้นมาจากพื้น ศีรษะถูกกระแทกจนบวมเป่ง เขาไม่มีเวลาโอดครวญกับความเจ็บปวด รีบกัดฟันวิ่งหนีต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะเดียวกัน ความเคียดแค้นในหัวใจก็ค่อยๆ เข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

        คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกตามล่าจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ แม้รอบด้านจะเหลือเพียงความมืดสนิท แต่เขาก็ยังไม่กล้าวางใจ ไม่แน่ใจว่าหลงจ้านหยุดตามมาหรือยัง

        กลิ่นอายแห่งพลังเป็นสิ่งที่แกะรอยได้ง่ายมาก โดยเฉพาะสำหรับยอดฝีมือระดับชีพมังกรขั้นที่แปดเช่นพวกเขา

        “ดูสิว่าเจ้ายังจะหนีไปไหนได้อีก?” หลงจ้านร้องคำรามเสียงระงม

        ห่างเพียงไม่ถึงสามเมตรแล้ว มือใหญ่คู่หนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง สถานการณ์อันตรายมากขึ้นไปทุกที

        “แม่นาง อย่าคิดสั้นเด็ดขาดเลย”

        หลงเหยียนกระโดดทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างฉับไว เขากอดร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างกะทันหัน บัดนี้ สติถูกอารมณ์เข้าครอบงำจนหมดสิ้น ร่างของคนทั้งสองลอยถลาออกไป และจมลงไปในบึงน้ำด้านหลังทันที

        ไออุ่นที่กระจายออกมาจากร่างบางของหญิงสาวถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของบุรุษจากหลงเหยียน ทันใดนั้น ร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นหายใจ พลางแหงนหน้าขึ้นไปมองหลงจ้านกับเซียวกงเป้าที่ยืนอยู่บนฝั่งโดยอาศัยแสงสว่างอันน้อยนิดจากดวงจันทร์

        หัวใจเต้นแรงผิดปกติ เมื่อครู่ เขารอดผ่านความตายมาอย่างเฉียวฉิวเท่านั้น!

        สตรีที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยน นางมองมาที่เขาด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ สีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่มีทั้งทุกข์และสุข

        “สหายหลง คนผู้นี้ต้องตามท่านมาอย่างแน่นอน เกรงว่าท่านคงจะรู้แล้วสินะว่าเขาคือใคร?”

        เซียวกงเป้าแผ่รังสีอำมหิตขึ้นทางแววตา พลันรังสีสังหารแสนรุนแรงก็กระจายออกมาจากร่างกายอย่างฉับพลัน ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

        แม้แต่หลงเหยียน เมื่อเห็นดังนั้นร่างกายก็ยังสั่นเทาขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

        ไม่นานผิวน้ำก็กลับสู่ความสงบ หลงจ้านถอนหายใจออกมาเบาๆ “หากเดาไม่ผิด คงจะเป็นเจ้าเด็กคนนั้น พวกเรากลับกันเถิด เจ้าเด็กนั่นหนีไม่รอดแน่”

        พูดจบทั้งสองก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะหายเข้าไปในความมืดของราตรีอย่างรวดเร็ว

        หลงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่นี่ไม่ปลอดภัย เขาต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว ใต้น้ำ หลงเหยียนกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้พลางว่ายไปยังอีกฝั่งของบึงน้ำ ซึ่งอยู่ห่างออกไป

        เมื่อครู่ เขาเกือบจะไม่รอดแล้วเชียว จะว่าไป สตรีคนนี้มีร่างกายที่นุ่มนิ่ม น่าสัมผัส นางต้องเป็นหญิงงามที่เลอโฉมอย่างแน่นอน

        หลังดำน้ำออกไปไกล ในที่สุดหลงเหยียนก็โพล่ออกมาจากผิวน้ำโดยอุ้มร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน อาภรณ์ของทั้งสองเปียกโชก เสื้อผ้าเปียกๆ แนบติดไปกับเนื้อหนังของหญิงสาว ผ้าบางสีขาวไม่สามารถบดบังสัดส่วนอันไร้ที่ติ ส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าหลงใหล และผิวขาวเนียนบนร่างกายของนางได้แม้แต่น้อย

        เขารู้สึกกระสับกระส่ายหัวใจจนแทบจะทนไม่ไหว หลงเหยียนก่นด่าตนเองที่มีความคิดเช่นนี้ในใจ แต่อีกด้าน เขาก็เป็นหนุ่มเลือดร้อนธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะมีความคิดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

        พลังปราณกระจายออกมาจากร่างกาย ไอร้อนลูบผ่าน ทำให้เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มกลับมาแห้งสนิทได้ในเสี้ยววินาที

        “อะแฮ่ม… คือว่า… แม่นาง เมื่อครู่นี้ ต้องขออภัยด้วย ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังคิดสั้น เพราะอยากช่วยชีวิตเจ้า ก็เลยทำเช่นนั้นลงไป แต่ข้าหลงเหยียนขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าข้าไม่ได้มีความคิดอื่นกับเจ้าอย่างแน่นอน”

        หลงเหยียนมองสำรวจสตรีตรงหน้าอย่างจริงจัง ผิวพรรณขาวเนียนดั่งหยกชั้นดี สัดส่วนสมบูรณ์แบบราวกับเทพธิดามาจุติ โฉมหน้างดงามจนยากจะเทียบเทียม คล้ายคนตรงหน้าสลัดตัณหาและความโลภออกจนหมดสิ้น จึงแลดูสูงส่งคล้ายดั่งเทพเซียนที่ห่างจากทางโลก ใบหน้างดงามแถมยังแลดูบริสุทธิ์หมดจด น่าเสียดายที่ผิวพรรณซีดเผือดไปสักหน่อย

        “ไม่เป็นไร! เจ้าเองก็คงทำไปเพราะอยากหนีเอาชีวิตรอด”

        นอกจากจะมีโฉมหน้าที่เย็นชาแล้ว น้ำเสียงของนางก็ไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ เช่นกัน

        “แกรก!”

        นี่มันอะไรกัน ที่หลงเหยียนทำไปทั้งหมด ก็เพื่อช่วยชีวิตนางต่างหาก

        ท่าทางของสตรีที่เย็นชาทว่าก็ดูสูงส่งคล้ายละจากทางโลกแล้วตรงหน้า ทำให้หลงเหยียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ…

        “แม่นาง พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด ไม่แน่ พวกนั้นอาจจะวนกลับมาอีกก็ได้”

        หญิงสาวมองดูหลงเหยียน ใบหน้าของนางซีดเผือด พลันร่างกายก็เซไปด้านหลัง ก่อนจะทรุดลงอย่างหมดแรง

        หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่อ่อนล้าเต็มที “เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่ข้าได้เห็นก่อนตาย ความจริง ข้าป่วยด้วยโรคร้ายแรง ร่างกายแทบจะไม่ไหวเต็มทีแล้ว เอาคัมภีร์ลับเล่มนี้ไป ข้าขโมยมันมาจากสำนักบงกชมาร เดิมที ข้าเตรียมจะฝึกมันเอง แต่กลับพบว่ามันเป็นวิชายุทธ์สำหรับบุรุษเท่านั้น ข้าเป็นสตรี มิอาจฝึกได้ ข้าอยากกระโดดน้ำเพื่อจบชีวิตตนเอง แต่ก็ถูกเจ้าช่วยเอาไว้เสียก่อน เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ ข้าขอมอบมันให้เจ้า เพื่อเป็นการตอบแทนแล้วกัน” นางหยิบคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้หลงเหยียน

        《วิชากายสุริยะ》

        พูดจบ แขนเล็กก็ค่อยๆ คล้อยลงบนพื้นดิน เพียงชั่วพริบตา หญิงตรงหน้าก็สิ้นลมหายใจลง

        หลงเหยียนร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เขามองสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

        “ไม่จริงใช่ไหม สตรีที่งดงามเช่นนี้ กลับสิ้นชีวิตลงง่ายๆ งั้นหรือ ต้องเป็นเพราะนางจมน้ำเมื่อครู่แน่!” หลงเหยียนลองใช้มืออังที่ปลายจมูกเพื่อรับรู้ถึงลมหายใจของนาง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ดูท่า เขาคงต้องผายปอดให้นางเสียแล้ว

        “นี่… แม่นาง… แม่นาง ฟื้นเร็ว ถ้ายังไม่ฟื้นข้าจะลงมือจริงๆ แล้ว”

        ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นปะทุขึ้นกลางนภา ชั้นเมฆถูกแหวกออก ก่อนกลุ่มควันสีขาวจะลอยออกมาและกระจายไปทั่วอากาศอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองที่หลงเหยียนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกได้เข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบอย่างฉับพลัน

        กลิ่นอายระลอกนั้นแทรกเข้าไปในร่างของหญิงสาว ทว่าหลงเหยียนกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เขาเขย่าร่างบางหลายครั้ง ไม่นานดวงตาที่เคยหลับพริ้มก็เปิดขึ้นอีกครั้ง แล้วจ้องมาที่หลงเหยียนด้วยความโกรธเกรี้ยว

        “เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ เขย่าจนข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว หลีกไป…” ร่างบางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็แตกต่างไปจากเดิมราวกับเป็นคนละคน นางเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว จากนั้นก็มองไปยังท้องนภากว้าง แล้วประกายรอยยิ้มบางๆ ขึ้นที่มุมปาก

        หญิงสาวหันกลับมามองหลงเหยียน “ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที คิกๆ … เอาล่ะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เพราะข้า การผจญภัยในครั้งนี้จะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน”

        หลงเหยียนพูดขึ้น “แม่นาง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว เมื่อครู่ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ เพราะเจ้าไม่เหลือลมหายใจแล้ว…”

        หญิงสาวหันกลับมามองหลงเหยียนอย่างรวดเร็ว นางมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ หวังว่าต่อไป เจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

        คำพูดของนางช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน หลงเหยียนไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว

        “เรื่องบางเรื่อง เอาไว้ข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด มีคนมาทางนี้แล้ว” พูดจบนางก็มองข้ามท่าทีประหลาดใจของหลงเหยียนแล้วเตรียมจะหลบหนีไปทันที

        “นี่! เจ้าจะมอบคัมภีร์กายสุริยะให้ข้าจริงๆ หรือ ไหนเจ้าบอกว่าขโมยมา แล้วไหนจะโรคร้ายอะไรนั่นอีก?”

        หญิงงามไม่สนใจคำถามของเขา ในตอนนั้นเองที่หลงเหยียนสังเกตเห็นรอยสักรูปดอกพลับพลึงสีแดง*ที่แขนของนาง

        (*หรือที่รู้จักกันว่าดอกฮิกันบานะ)

        ท่านพ่อเคยบอกว่าสตรีที่สักลายพลับพลึงสีแดง ล้วนเป็นสมาชิกของสำนักบงกชมารทั้งสิ้น และสำนักบงกชมารก็มีแต่สตรีเช่นกัน พวกนางโหดเหี้ยมอำมหิต และไม่ติดต่อกับบุรุษภายนอกโดยเด็ดขาด มิน่าล่ะ นางถึงดูเย็นชาและเยือกเย็นขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นคนของสำนักบงกชมารนี่เอง

        ได้ยินว่าเจ้าสำนักของสำนักบงกชมารเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามจนไร้ที่ติคนหนึ่ง ดอกพลับพลึงสีแดงเป็นตัวแทนของคู่รักที่ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เกรงว่าเจ้าสำนักคงจะเคยเจ็บปวดเพราะชายที่รัก จึงสั่งให้สตรีในสำนักตนสักดอกพลับพลึงสีแดงติดตัวไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ชายใดที่กล้าย่างกรายเข้าไปในสำนักบงกชมาร ล้วนต้องตายสถานเดียว

        พวกเขาเพิ่มพลังของตนโดยการดูดธาตุพลังในตัวบุรุษนั่นเอง

        หญิงสาวลากให้หลงเหยียนเดินตามออกไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เบื้องหน้าก็มีไฟจากคบเพลิงจำนวนมากปรากฏขึ้น ดูเหมือนดวงไฟเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

        หลงเหยียนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย ไม่นานเขาก็พบว่าผู้ที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็คือหลงเอ้าอวีนั่นเอง

        “ที่แท้ก็เป็นเจ้านั่นเองหรือ ดูท่าหลงจ้านจะจำข้าได้สินะ ถึงได้ส่งคนออกมาตามหาข้าเช่นนี้ เอาเถิด สั่งสอนเจ้านั่นให้รู้จักเข็ดหลาบเสียวันนี้เลยก็แล้วกัน จะได้ยอมตายใจเสียที”

        ครั้งนี้ หลงเหยียนไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป เขาดึงหญิงสาวไปหลบอยู่หลังตน จึงไม่เห็นรอยยิ้มได้ใจที่แฝงอยู่บนใบหน้าของนาง

        ไม่นานหลงเหยียนก็เผชิญหน้ากับหลงเอ้าอวี

        “หยุดนะ เจ้าคิดจะหนีไปไหนอีก”

        “ฮึๆ … ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้าขี้แพ้ ที่เคยพ่ายแพ้ให้ข้านั่นเอง” หลงเหยียนสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนที่ติดตามหลงเอ้าอวีมาด้วย หาใช่คนจากตระกูลหลงไม่

        ที่ตนเสียฟันไปถึงสองซี่ ทำให้พูดไม่ชัดอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเพราะหลงเหยียนทั้งนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลงเอ้าอวีก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม

        “เจ้าคนไร้ประโยชน์ ครั้งก่อนเจ้าชนะไปได้เพราะโชคช่วยเท่านั้น”

        หลงเหยียนแสยะยิ้มพลางคิดขึ้นในใจ ‘ถ้าใช้วิชาหมัดลงทัณฑ์กับเจ้านี่ต้องสนุกมากแน่ ถือเป็นการทบทวนวิชาหมัดไปในตัวด้วย ใช้เจ้านี่เป็นตัวซ้อมหมัดหน่อยเสียแล้วกัน’

        หลงเอ้าอวีไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาร้องคำรามเสียงดัง “วันนี้ข้าจะเอาชีวิตเจ้าให้ได้ คอยดูเถิด” พลังปราณปะทุออกมาจากร่างกาย กล้ามเนื้อแข็งแกร่งและเส้นเลือกในตัวปูดเกร็งขึ้นอย่างฉับพลัน เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด หลงเอ้าอวีพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ดั่งเสือร้ายที่พุ่งเข้าหาเหยื่อของตน

        “ครั้งนี้ เจ้าบ้าหลงเหยียนต้องตายอย่างแน่นอน!” กลุ่มคนเบื้องหลังพูดระคนหัวเราะ

        ทว่า…

        หลงเหยียนประกายรอยยิ้มขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่หลับตาลงแล้วรับรู้ถึงพลังหมัดที่พุ่งเข้ามาหาตนอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นเขาก็เบิกตาขึ้นแล้วรับหมัดนั้นได้อย่างง่ายดาย

        การกระทำของเขาถือเป็นการหยามฝีมือของหลงเอ้าอวีอย่างมิอาจให้อภัย หลงเอ้าอวีสะดุ้งตกใจ “พลังของเจ้าบ้านี่ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย” ในขณะเดียวกัน เขาก็เปลี่ยนหมัดให้กลายเป็นกรงเล็บ แล้วจับหัวไหล่ของหลงเหยียนเอาไว้ด้วยความเร็วที่มากยิ่งขึ้น

        “แตกสลายลงเสีย!” หลงเอ้าอวีประกายความได้ใจออกทางสายตา เขาส่งพลังวิญญาณไปที่ฝ่ามือ พลังที่น่าหวาดกลัวนี้สามารถบดขยี้หินแกร่งได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับกระดูกมนุษย์

        เขามั่นใจว่าในครั้งนี้ตนต้องเอาชนะหลงเหยียนได้อย่างขาดลอยแน่ ผู้คนรอบด้านเห็นดังนั้นก็พากันชูคบเพลิงในมือขึ้น เตรียมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้

        “ฮึ!” แทนที่จะโมโห แต่หลงเหยียนกลับแสยะยิ้มออกมาแทน

        “อะไรกัน?” มือที่จับไหล่ของหลงเหยียนถูกโจมตีด้วยพลังอันแข็งแกร่งระลอกหนึ่ง พลังนั้นผลักให้เขาเซถอยออกไปอย่างไม่อาจตั้งตัว ราวกับถูกไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น ตุบ… ร่างของเขาล้มลงไปกระแทกกับพื้นดิน พลันความเจ็บปวดแสนมหาศาลก็กระจายไปทั่วฝ่ามือ

        กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของหลงเอ้าอวีชะงักอึ้งไปตามๆ กัน

        “การโจมตีของเจ้าช่างอ่อนแอยิ่งนัก ไยไม่ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าล่ะ ข้าเองก็รู้กระบวนท่าของหมัดลงทัณฑ์เช่นกัน เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ เรามาแข่งว่าพลังหมัดของใครแข็งแกร่งมากกว่ากันดีหรือไม่?” หลงเหยียนมองหลงเอ้าอวีที่นอนอยู่บนพื้นพลางพูดอย่างเยาะหยัน

        “หลงเหยียน ข้าจะเอาชีวิตเจ้าให้ได้ วันนี้ เจ้าต้องตายสถานเดียว” แววตาของเขาอัดแน่นไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาซัดฝ่ามือลงบนพื้นดินเพื่อเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โจมตีหลงเหยียนอีกครั้ง

        ครั้งนี้ เขาส่งพลังวิญญาณทั้งหมดที่มีไปที่หมัดของตนเอง

        “หมัดลงทัณฑ์”

        หลงเหยียนเองก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และส่งหมัดขวาออกไปเต็มแรงเช่นกัน

        “หมัดลงทัณฑ์”

        “โครม!”

        หมัดทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน พลังหมัดของหลงเหยียนกลายเป็นมังกรใหญ่สีเขียวที่แสนแกร่ง พุ่งเข้าไปกระแทกกับหมัดของหลงเอ้าอวีอย่างรุนแรง

        “ตูม!” หลงเอ้าอวีถูกกระแทกจนลอยลิ่วไปไกลกว่าสิบเมตร ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ

        ครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าเดิมนับสิบเท่า

        “พรวด!” เลือดสดไหลกระฉูด ดวงตาของหลงเอ้าอวีเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและไม่อยากยอมแพ้ สีหน้าก็ระเบิดความอำมหิตและเลือดเย็นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

        ไม่ใช่แค่กลุ่มคนเบื้องหลังหลงเอ้าอวีเท่านั้นที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่สตรีที่ยืนอยู่เบื้องหลังหลงเหยียนก็ตกใจจนอ้าปากค้างเช่นกัน

        พอแค่นี้หรือ? ไม่… นั่นไม่ใช่นิสัยของหลงเหยียน

        หลงเหยียนร้องคำรามเสียงดัง เขาระเบิดความเหี้ยมเกรียมขึ้นทางแววตา ก่อนร่างกายจะทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ตีลังกา แล้วมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลงเอ้าอวี

        เขาดึงคอเสื้อของหลงเอ้าอวีและยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาจากพื้นพลางพูดด้วยเสียงเหี้ยม “ข้าที่มีพลังระดับชีพมังกรขั้นที่สอง กลับเอาชนะเจ้าที่มีพลังระดับชีพมังกรขั้นที่สามได้ คงชัดเจนแล้ว ว่าใครกันแน่ที่ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้ายอมแพ้อย่างไร้ข้อกังขาอีก”

        หมัดของเขาแฝงไปด้วยระลอกแสงอันบางเบา หมัดที่สองของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งและมากกว่าหมัดอื่นเป็นไหนๆ เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ร่างของหลงเอ้าอวีกระแทกกับพื้นดินเป็นครั้งที่สอง ร่างของหลงเอ้าอวีในตอนนี้โชกไปด้วยเลือด สภาพแทบดูไม่ได้

        “และนี่ก็คือจุดจบของคนที่กล้ามามีเรื่องกับข้า”

        หลงเอ้าอวีมองไปยังหลงเหยียนด้วยความตกตะลึง จู่ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สลายหายไป แต่กลับประกายรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากแทน

        “หลงเหยียน เจ้าตายแน่…”

        ——————–

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

Status: Ongoing
ในช่วงเวลาคับขันของชีวิตมักทำให้ได้พบกับสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนไว้อยู่เสมอ ในชีวิตของ ‘หลงเยียน’ ผู้ไร้พลังวิญญาณก็เช่นกัน การพลัดตกลงเหวลึกทำให้เขาค้นพบกับซากอสูรมังกรสิ้นชีพ โดยพลังจากชิ้นส่วนวิญญาณมังกรเพียงเสี้ยวเดียวก็สามารถทำให้เขามีพลังวิญญาณยุทธขึ้นมาได้ มันจึงเป็นที่มาของการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการพิสูจน์ตัวตนโดยมีตำแหน่งจอมยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานเป็นเดิมพัน! เขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการรวบรวมลูกแก้วแห่งมังกรหกลูกที่กระจายอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่ หากเขาสามารถรวบรวบพลังวิญญาณมังกรทั้งหมดไว้ได้ หนทางสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนจักรพรรดิมังกรก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท