มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน – ตอนที่ 12 หยุนฉีห้ามปราม

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

        ในตระกูลหลง หลงอวี่ซีอถือเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ทุกคนต่างก็ยอมรับ นางมีนิสัยหยิ่งทะนงตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ไม่เคยรังแกหลงเหยียน แต่ก็ไม่เคยออกหน้าห้ามปรามใครที่กำลังรังแกน้องชายคนนี้มาก่อนเช่นกัน

        เบื้องหลังนางยังมีหลงเซ่าโหยว น้องชายแท้ๆ ของนาง ยังมีเด็กอัจฉริยะในตระกูลอีกหนึ่งคน นั่นก็คือหลงห่าวเทียน

        หลงเหยียนเห็นพวกเขาสามคนเดินเข้ามา ความสนพุ่งไปยังหลงห่าวเทียนครู่หนึ่ง เขาคือบุตรชายของอาหญิงหลงเซวี่ยซาง เมื่อก่อนเคยรังแกหลงเหยียนหลายครั้ง แต่ต่อมาถูกหลงเซวี่ยซางสั่งสอนไปหนึ่งครั้ง เขาจึงหยุดการกระทำนั้น

        เมื่อเห็นความโหดร้ายในแววตาหลงเหยียน แถมยังเห็นสภาพของเซียวปิงหลานที่ถูกอัดจนน่าอนาถ ทั้งยังมีการถูกเหยียดหยามที่รุนแรง เมื่อนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่ตนเคยรังแก ในใจก็เกิดความกลัว ถอยไปหลบอยู่หลังหลงอวี่ซีผู้เป็นพี่สาว

        ก่อนอื่นต้องรู้ว่าเจ้าหมอนี่มีพละกำลังสูงกว่าหลงเหยียน มีพลังชีพมังกรขั้นที่ห้าเชียวนะ

        หลงเหยียนนึกในใจ ‘เหอะ กระจอก’

        “พี่อวี่ซี ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ได้ เหตุใดถึงใช้สายตาที่โกรธเคืองมองข้าเช่นนี้ หรืออาจเป็นเพราะข้าหล่อเหลา อยากหอมสักฟอด?” หลงเหยียนตั้งใจพูดหยอกล้อหลงอวี่ซี

        “อะไรนะ? เจ้าหลงเหยียนนั่นกล้าเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่เห็นพี่ใหญ่ที่มีพลังสูงสุดในคนอายุน้อย ยังกล้าพูดหยอดพี่ใหญ่อีก แบบนี้มันรนหาที่ตายชัดๆ”

        หลงอวี่ซียื่นนิ้วมือที่ขาวเนียนประดุจหยกออกมา ชี้ไปยังหลงเหยียน “เจ้าบังอาจมาก ไม่รู้หรือว่าวันนี้คนของตระกูลเซียวมาในฐานะแขก แต่เจ้ายังกล้าอัดเขาจนมีสภาพเช่นนี้?”

        “นี่ พี่ใหญ่ รบกวนช่วยทำความเข้าใจกับสถานการณ์สักครู่ได้หรือไม่ ท่านดูสิ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าหมอนี่พาหลงเอ้าอวีมาหาเรื่องข้า ข้าก็ไม่อยากทำแบบนี้เช่นกัน หากพวกเขาทำร้ายข้าแล้วข้าไม่มีสิทธิ์เอาคืนเลยหรือ?”

        หลงอวี่ซีมีรูปโฉมงดงาม เรือนร่างมีรังสีหยิ่งทะนงแต่เกิด เกรงว่าคงไม่มีชายคนใดกล้าปฏิเสธความงามของนาง นางคือหญิงสาวที่มีรูปงามและถือดีโดยธรรมชาติ

        “ทำร้ายคนอื่น แล้วยังกล้าแก้ตัวอีกหรือ” หลงอวี่ซีไม่พูดพร่ำทำเพลง เตรียมพุ่งเข้ามาจับหลงเหยียน นำตัวไปส่งมอบให้ผู้นำตระกูลจัดการ

        หลงเหยียนดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่านางต้องการทำอะไร จึงยื่นมือมาจับเซียวปิงหลานที่นอนบนพื้น ใช้ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขามาบีบให้หลงอวี่ซีถอยอีกครั้ง

        “น่ารังเกียจจริงๆ”

        หลงเหยียนระเบิดเสียงคำราม “ช้าก่อน ถ้ายังเข้ามาอีก ข้ารับประกันว่าจะตัดหนอนน้อยเขาทิ้งซะ ได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี่รังแกหญิงสาวมามาก แต่กลับรักท่านจริง ส่วนท่านก็คงคิดอยากแต่งงานกับเขาเหมือนกันใช่หรือไม่?”

        หลงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น ไม่เห็นหลงอวี่ซีอยู่ในสายตาแต่เพียงนิด

        “เจ้าพูดอะไร?” นางเพิ่งระเบิดโมโห จู่ๆ หลงเซ่าโหยวที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวมาข้างหน้า จ้องหน้าหลงเหยียน

        “เจ้าอยากตายหรือ? กล้าดียังไงมาพูดกับพี่ใหญ่ข้าแบบนี้?”

        หลงเหยียนไร้ซึ่งความกลัว ยืดตัวตรง แล้วจ้องกลับไปอย่างดุดัน

        “ทำไม? เจ้าอยากขู่ข้า? หรือเพราะเจ้ามีพละกำลังแกร่งหน่อยเลยสามารถกดข้าได้ตลอดงั้นหรือ? เมื่อก่อนพวกเขาทำเช่นนี้กับข้า ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรแล้ว จะให้ดี อย่ามามีเรื่องกับข้าเสียดีกว่า มิเช่นนั้น รอข้าแกร่งขึ้นเมื่อใด ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงคำว่าเสียใจ”

        รังสีที่แกร่งกล้าระเบิดแผ่ซ่านออกมาจากตัวหลงเหยียน แววตาดุร้ายอย่างมิอาจเปรียบ พริบตาเดียวก็ทำให้หลงเซ่าโหยวรู้สึกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรออกมาจากมนุษย์ คล้ายเป็นรังสีที่มาจากวิญญาณเช่นนั้น

        เขาเกิดความรู้สึกอยากทรุดเข่าลงทันที นี่มัน… มันเรื่องอะไรกันแน่?

        ไม่นานหลงเซ่าโหยวก็สงบสติได้ จ้องหลงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วคิดในใจ ‘ต่อให้เขาจะน่ากลัวแค่ไหน แต่ก็เป็นได้แค่คนไร้ค่าในตระกูลหลงเท่านั้น เป็นไอ้ขี้แพ้ ไม่ว่าอย่างไรก็อยู่ต่ำกว่าตนอยู่ดี’

        จากนั้นเขาก็กระชากคอเสื้อของหลงเหยียนขึ้น

        “เจ้าลองพูดอีกครั้งดูสิ? ถ้ามิใช่เพราะเห็นแก่หน้าอาสาม วันนี้ข้าคงกำจัดเจ้าทิ้งไปแล้ว”

        พวกเขาสองคนแผ่กระจายรังสีพิโรธ หลงอวี่ซีผลักหลงเซ่าโหยวออกแล้วจ้องหน้าหลงเหยียน วันนี้ ความเย็นชาที่นางสร้างมาตลอดได้พังทลาย ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความโมโห

        “ข้าไม่เอาเรื่องเจ้าที่ไปทำร้ายหลงเอ้าอวี แต่ตระกูลเซียวมาตระกูลหลงในฐานะแขก เซียวกงเป้ามีตำแหน่งอะไร เจ้าบังอาจเช่นนี้ ไม่เคยคิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นในตระกูลบ้าง? เรื่องนี้จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล เจ้าไม่เข้าใจหรืออย่างไร?”

        ขณะที่หลงอวี่ซีพูดนั้น ร่างนางสั่นเล็กน้อย ท่าทางเหมือนโมโหจนแทบทนไม่ไหว ตอนนี้เซียวปิงหลานถูกซ้อมจนจ็บหนัก จำเป็นต้องจับตัวหลงเหยียนกลับไปมอบให้ผู้นำตระกูลจัดการ

        นางจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม แต่แน่นอนว่าหลงเหยียนไม่มีทางยอมไปกับนางแน่

        “เซียวกงเป้ามาหาเรื่องตระกูลหลงเพื่อลูกชายได้ แล้วตระกูลหลงของเราต้องยอมงั้นหรือ เพราะอะไรต้องกลัวเขาด้วย?”

        หลงอวี่ซีถามกลับ “แล้วเจ้าคิดว่าพ่อเจ้าจะออกตัวแทนเจ้าหรือ? เป็นถึงผู้นำตระกูล มีหรือจะยอมเป็นศัตรูกับตระกูลเซียวเพราะเรื่องส่วนตัว?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในใจหลงเหยียนก็ปะทุ เขารู้ดีว่าบิดาของตนเป็นคนอย่างไร

        เขาต้องลงโทษตนอย่างสาหัสแน่

        ถ้าหลงเหยียนถูกจับกลับไป จุดจบต้องเป็นไปตามที่คาดแน่ ทุกคนต่างก็เดาได้ เวลานี้ทุกคนซ่อนตัวอยู่หลังหลงอวี่ซี ใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็กน้อย โดยเฉพาะหลงเอ้าอวีที่เมื่อครู่เพิ่งหวาดผวา เวลานี้เขากลับมามีความสุขแล้ว

        “พี่ใหญ่ เมื่อครู่เจ้าหมอนี่ขู่ข้า จะให้ข้าตัดของลับของพี่หลาน”

        หลงเหยียนมองไปทางหลงเอ้าอวีด้วยแววตาเยือกเย็น จากนั้นก็หันกลับไปมองหลงอวี่ซี “ข้าไปกับท่านก็ได้ แต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นคนมาหาเรื่องข้าเอง เรื่องนี้ต้องจบลงแบบนี้ เป็นถึงพี่ใหญ่ คงมองเรื่องนี้ออกใช่หรือไม่ ข้าทำร้ายเซียวปิงหลานจริง แต่พวกเขามาเย้ยหยันข้าก่อน ข้าก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้น”

        หลงอวี่ซีจ้องหลงเหยียนด้วยความเย็นชา “แต่ความจริงที่ข้าเห็นคือเจ้าทำร้ายเขา ต่อให้ข้ารู้ว่าพวกเขามาหาเรื่องจ้า แต่เรื่องนี้ก็ต้องตัดสินด้วยผู้นำตระกูล”

        ขณะที่พูดนั้น กลิ่นอายพลังระลอกใหญ่ก็ปรากฏโดยฉับพลัน มันพุ่งมาทางหลงเหยียน ฝ่ามือที่ผอมบางจับไหล่หลงเหยียนแน่น คล้ายเป็นกรงที่ขังหลงเหยียนเอาไว้

        หลงเหยียนขยับไม่ได้ ต้องยอมรับว่าเมื่อพละกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า เขาก็เป็นเหมือนมดน้อยๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น นี่คือความแตกต่างระหว่างขั้นพลัง

        “ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า ท่านทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว หรือท่านมองไม่เห็นหรือว่าปกติพวกเขาก็รังแกข้าทุกวันอยู่แล้ว ข้าไม่เคยเห็นท่านออกมาห้ามปรามเลยสักครั้ง ปล่อยข้า”

        แต่จะมีความหมายหรือ? หลงเหยียนอยู่ต่อหน้าพละกำลังระดับชีพมังกรขั้นที่หก จึงไม่สามารถดิ้นหลุด อีกทั้งหลงเซ่าโหยวและหลงห่าวเทียนที่มีพลังชีพมังกรขั้นที่ห้าอยู่ข้างกาย คอยเป็นลูกมือให้นางเสมอ

        ‘พละกำลัง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพละกำลังทั้งสิ้น หากมีกำลังที่แกร่งมากพอ นางคงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับตน เมื่อไม่มีกำลัง สุนัขมันยังไม่มองเลย’

        “หลงอวี่ซี เจ้ามันก็เป็นแค่หญิงร้ายคนหนึ่ง ฟังเอาไว้ วันนี้เจ้าจับข้ากลับไป ข้าจะจำแค้นนี้เอาไว้ อย่านึกว่าเป็นสตรีแล้วข้าจะไม่กล้าสู้ วันนี้ข้าล้มเซียวปิงหลานได้ วันหน้าข้าก็กดเจ้าไว้ใต้ตัวข้าได้เช่นกัน”

        ขณะที่ทุกคนกำลังผยอง หลงเหยียนก็ถูกจับไปแล้ว เงาบางร่างหนึ่งวิ่งโซเซเข้ามาทางนี้อีกคน เวลานี้นางร้องไห้จนตาบวมเป่ง

        หลงหยุนฉีพุ่งเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา นางเห็นหลงอวี่ซีจับตัวหลงเหยียนไปแล้ว เพียงไม่นานนางก็ใช้ร่างกายแสนเล็กบางไปยืนบังตรงหน้า

        “พี่ใหญ่ ท่านจะเอาตัวพี่เหยียนไปมอบให้ท่านผู้นำไม่ได้ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ พี่เหยียน พี่เหยียนทำแบบนี้ก็เพราะข้า เขาทำเพื่อข้า”

        หลงเอ้าอวีเห็นน้องสาวของตนปรากฏตัวที่นี่ รอยยิ้มที่มีในตอนแรกหายไป สีหน้าแน่นิ่งไปทันที

        “หยุนฉี กลับไปเดี๋ยวนี้ เจ้าจะออกมาก่อเรื่องใดอีก ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้า”

        หลงหยุนฉีมองพี่ชายตัวเองแวบหนึ่ง นางไม่สนใจ หันกลับไปมองหลงอวี่ซีอีกครั้ง แล้วกัดริมฝีปากแรงๆ

        ทว่าหลงเหยียนกลับตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ “ไม่นะ หยุนฉี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะไปกับพวกเขาเอง เจ้ารีบกลับไปเถอะ” หลงเหยียนคำรามเสียงดัง

        เขารู้จักนิสัยของนางดีที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโต มีนางคนเดียวเท่านั้นที่ยังมองเขาเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง จิตใจมีเมตตา แต่กลับถูกรังแกง่ายที่สุด และหลงเหยียนก็รู้ดีว่าเวลานี้นางต้องการพูดอะไร

        ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้น ยื่นมือชี้ไปที่เซียวปิงหลานอย่างมั่นใจและแน่วแน่

        “พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะบอก…”

        ——————–

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

Status: Ongoing
ในช่วงเวลาคับขันของชีวิตมักทำให้ได้พบกับสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนไว้อยู่เสมอ ในชีวิตของ ‘หลงเยียน’ ผู้ไร้พลังวิญญาณก็เช่นกัน การพลัดตกลงเหวลึกทำให้เขาค้นพบกับซากอสูรมังกรสิ้นชีพ โดยพลังจากชิ้นส่วนวิญญาณมังกรเพียงเสี้ยวเดียวก็สามารถทำให้เขามีพลังวิญญาณยุทธขึ้นมาได้ มันจึงเป็นที่มาของการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการพิสูจน์ตัวตนโดยมีตำแหน่งจอมยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานเป็นเดิมพัน! เขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการรวบรวมลูกแก้วแห่งมังกรหกลูกที่กระจายอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่ หากเขาสามารถรวบรวบพลังวิญญาณมังกรทั้งหมดไว้ได้ หนทางสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนจักรพรรดิมังกรก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท