หลงเหยียนรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน เขาปล่อยคนชราไป จากนั้นก็ทะยานไปยังตำแหน่งที่สตรีคนนั้นรออยู่ทันที
เมื่อได้เห็นนาง เขาก็เตรียมจะลากนางหนีไปจากที่นี่อย่างไม่รีรอ
“หลงเอ้าอวีตายได้อย่างไร? แถมยังใส่ร้ายว่าข้าเป็นคนฆ่าอีก? เจ้าคนอายุสั้นนั่น เอาเถิด… ตายก็ตาย ช่างปะไร อย่างไรเสียตอนนี้ตนก็ออกมาจากตระกูลหลงแล้ว แค่ไปให้ไกลจากที่นี่ก็น่าจะไม่มีปัญหา หลงเอ้าอวีชอบรังแกตนเป็นประจำ โดนเช่นนี้ก็สมควร”
เขาดึงมือของไป๋รั่วอี แล้วมุ่งหน้าไปที่เขาหยุนอู่อย่างรีบร้อน ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด ภูเขาสูงชัน หน้าผาสูงลิบ เส้นทางอันตราย ต่อให้คนพวกนั้นจะตามไปที่นั่น ก็ยากที่จะหาพวกเขาพบอยู่ดี
วิ่งไปนานแสนนาน หลงเหยียนถึงหันกลับไปมองเมืองมังกรที่ตนเติบโตมา
“หลงเอ้าอวีตาย เกรงว่าต่อไป คงเป็นเรื่องยากที่จะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้ง ทั้งยังไปที่งานประลองไม่ได้แล้ว นอกเสียจากตนจะมีพลังที่แข็งแกร่ง จนสามารถเอาชนะทุกคน แล้วได้รับความโปรดปรานจากท่านปู่”
เดินต่อไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เขาก็พบกับร่างที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่ง ร่างผอมบางมีห่อสัมภาระมาด้วย เขาแบกสัมภาระไว้ด้านหลัง สวมชุดสีเรียบ น่าจะมาที่นี่เพื่อรอพวกเขานั่นเอง
หลงเหยียนมาที่นี่ด้วยเส้นทางลัด เส้นทางนี้มีแค่พวกเขาสองพี่น้องเท่านั้นที่รู้ มันเป็นเส้นทางที่พบเข้าโดยบังเอิญเมื่อครั้นที่ยังเป็นเด็ก
หลงเหยียนรีบเข้าไปหาน้องสาว ใบหน้าของหลงหยุนฉี บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา เมื่อเห็นว่าหลงเหยียนมาถึงก็พุ่งเข้ามากอดเขาแน่น ต่อมาจึงสังเกตเห็นไป๋รั่วอีที่มากับหลงเหยียน เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงผละออกไปในที่สุด
นางเช็ดน้ำตาพลางพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านต้องไปที่เขาหยุนอู่แน่ ข้า… ข้ามาที่นี่เพื่อรอท่าน” ขณะกำลังพูด สายตาก็แอบลอบมองไปยังไป๋รั่วอีที่งดงามไม่น้อยไปกว่าตน
หลงเหยียนมีท่าทีดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าก่อนไป ยังมีโอกาสเจอกับหลงหยุนฉีอีกครั้ง
“หยุนฉี ในตระกูลของเราเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ๆ พี่ชายของเจ้าก็ตายจากไปเล่า แถมทุกคนยังคิดว่าข้าเป็นคนทำ และออกตามจับข้าไปทั่วอีก”
“พี่เหยียน เซียวกงเป้าเป็นคนฆ่าพี่ชายแล้วใส่ร้ายท่าน วันนั้น พวกเขาเพิ่งออกมาจากหอรวมจิต เซียวกงเป้าพบว่าเซียวปิงหลานกับพี่ชายทะเลาะกันอยู่ในห้อง ก็เลยฆ่าพี่ชายในนั้น ข้าไปหาพี่ชายพอดีจึงมองเห็นเหตุการณ์ทางหน้าต่าง ข้าอยากรีบไปบอกท่านพ่อ แต่ตอนที่หาท่านพ่อเจอก็พบว่าเซียวกงเป้าไปอยู่ข้างกายท่านพ่อแล้ว ไม่นานก็มีข่าวกระจายออกไป บอกว่าท่านเป็นคนฆ่าพี่”
“หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นกับตา ป่านนี้ก็คงหลงเชื่อข่าวนั้นแล้ว ต่อมาข้าถึงรู้ว่าท่านก็เพิ่งทะเลาะกับท่านพ่อและคนอื่นๆ ในหอรวมจิต พวกเขาให้หัวหน้าตระกูลเข้ามาตัดสินเรื่องนี้ อาสามโมโหมากที่ได้ยินเช่นนั้น ก็เลยส่งคนออกมาตามจับท่าน” พูดจบก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“ชั่วช้าเสียจริง!” หลงเหยียนกัดฟันกรอด ฝ่ามือกำแรงจนมีเหงื่อท่วมไปหมด “คิดไม่ถึงว่าเซียวกงเป้าจะอำมหิตถึงเพียงนี้ กล้าฆ่าคนกลางตระกูลหลงเชียวหรือ”
“พี่เหยียน… ท่านกลับไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีใครฟังคำอธิบายจากท่านแน่ ท่านไม่มีทางรอด นี่เป็นของใช้จำเป็นที่ข้าแอบเอาออกมาให้ แล้วยังมีสมุนไพร ยาบำรุงอีกเล็กน้อย มีทั้งยาบุหรง ยาซวนตัน ยามลาย ยาเกล็ดมณี ยาธาตุวิญญาณ” นางพูดพลางหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย
“พี่เหยียน ต่อไปข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วใช่ไหม”
หลงเหยียนมองหยุนฉี เขาชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวนางอย่างแผ่วเบา “วางใจเถิด ข้าจะกลับตระกูลแน่ มิใช่เรื่องยากเย็นอะไร สักวัน ข้าจะคิดบัญชีนี้กับเซียวกงเป้าด้วยตนเอง พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าข้าไม่ได้ฆ่าใคร เจ้ากลับไปเถิด มิเช่นนั้น หากฟ้ามืดแล้ว ลุงสองจะโกรธเจ้าได้”
หลงหยุนฉีมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างหลงเหยียนเป็นครั้งสุดท้าย ในที่สุดนางก็พยักหน้าแล้วกลับไปโดยดี
“นี่ เจ้าดูไม่ออกหรือว่าเด็กคนนั้นอยากไปกับเจ้า?”
“ข้ารู้ แต่อยู่กับข้า นางจะเป็นอันตราย แค่เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้หลงจ้านเพิ่งเสียลูกชายไป เขาต้องปกป้องหลงหยุนฉีอย่างดีแน่”
เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว ที่ท่านพ่อส่งคนมาตาม ก็เพื่อจับตนกลับไปรับโทษในตระกูล เขาก็อดผิดหวังและเสียใจในตัวบิดาหัวโบราณอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ช่วยนางเอาไว้ในโรงสุรา
นึกถึงความขัดแย้งระหว่างหลงเอ้าอวีกับเซียวปิงหลาน และตอนที่หลงเอ้าอวีถูกฆ่าตาย ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง ดูท่าเขาคงกลับตระกูลหลงไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่
ทั้งสองมุ่งหน้าไปที่เขาหยุนอู่ต่อ…
หลงเหยียนดูดซับวิญญาณมังกรที่แข็งแกร่งเข้าไป จึงมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวและแม่นยำ ทว่าจู่ๆ วิญญาณมังกรที่อยู่ในร่างของไป๋รั่วอีก็สะดุ้งตกใจ ลากหลงเหยียนเข้าไปซ่อนในพงหญ้าอย่างรีบร้อน
“อย่าขยับ ดูเหมือนมีใครกำลังตามเรามา” คิดไม่ถึงว่านางจะมีประสาทสัมผัสที่แม่นยำกว่าเขา
ทั้งสองกินยาเข้าไปแล้วเก็บซ่อนกลิ่นอายของพลังเอาไว้ จากนั้นก็นอนแอบอยู่ในพงหญ้าอย่างสงบ ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็ตามมาทางด้านหลังอย่างที่คิดไว้จริงๆ
หลงเหยียนพบว่าผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็คือเซียวปิงหลานที่น่ารังเกียจคนนั้นเอง เขาโกรธแค้นจนแทบจะมีไฟลุกอยู่ในดวงตาแล้ว
‘แค่วันเดียว ร่างกายของเจ้านี่ก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วหรือ เขาต้องมียาบำรุงที่แข็งให้พละกำลังสูงมากแน่ ดูท่าตระกูลเซียวไม่ธรรมดาเลย มาได้ตรงเวลาพอดี ในเมื่ออีกฝ่ายตามมาจนถึงตรงนี้แล้ว ตนยังต้องหลบซ่อนไปเพื่ออะไร’
คิดได้ดังนั้น หลงเหยียนก็เตรียมออกจากที่ซ่อน แต่เหนือหัวกลับมีแสงสีขาวลอยผ่านไปอย่างกะทันหัน จากนั้นเซียวปิงหลานและคนอื่นๆ ก็วิ่งตามแสงดวงนั้นไปทันที
ไป๋รั่วอีตบไหล่หลงเหยียน “เกรงว่าเป้าหมายของคนพวกนี้ไม่ใช่เจ้า แต่พวกเขาอาจมาเพราะแสงประกายดวงนั้น เจ้าต้องชิงแสงนั่นมาให้ได้ ไม่แน่มันอาจเป็นสมบัติล้ำค่า”
“ข้าจะไปล่อคนพวกนั้นออกไปก่อน จากนั้นเจ้าค่อยไปหาคนสกุลเซียว” ขณะที่หลงเหยียนกำลังชะงักอยู่นั้น นางก็ลอยตัวออกไปแล้ว
นางลอยเข้าไปใกล้คนติดตามคนหนึ่งของเซียวปิงหลาน ประทับฝ่ามือลงที่ด้านหลังเขา ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เซียวปิงหลานก็รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามา แต่เขากลับไม่สนใจ ทุกอย่างเป็นอย่างที่คิด ผู้ติดตามของเซียวปิงหลานติดกับ วิ่งตามไป๋รั่วอีกันหมด
หลงเหยียนยิ้ม ในใจอดนับถือวิธีการรับมือของนางไม่ได้ ตอนนี้ร่างสุริยะของเขาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ดูดซึมธาตุพลังหยางเข้ามาเป็นพลังปราณ ทำให้พละกำลังแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย ไม่นานก็ตามเซียวปิงหลานได้แล้ว
คล้ายระลอกแสงสีขาวบนท้องฟ้านั้นมีชีวิต ไม่นานแสงสีขาวก็ค่อยๆ จางลง หลงเหยียนพบว่ามันเป็นอัญมณีชิ้นหนึ่ง ที่ใสและงดงาม
อัญมณีสามารถลอยเองได้ ไม่แน่มันอาจเป็นสมบัติที่ล้ำค่าก็ได้ ไม่สนแล้ว ชิงมาก่อนค่อยว่ากัน
“เจ้าเซียวปิงหลาน ช่างบังอาจจริงๆ เขาต้องนึกไม่ถึงแน่ว่าข้าจะมาโผล่ข้างหลังเขาเช่นนี้” เดินตามหลัง แล้วหลงเหยียนก็ย่อตัวลงเล็กน้อย “ไม่ได้ จะให้ดีข้าไม่ควรเผยตัวตนที่แท้จริงกับเขา มิเช่นนั้น หากสังหารเขาไม่สำเร็จ ข้าอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
หลงเหยียนใช้ผ้าสีดำผืนหนึ่งบังใบหน้า ต่อให้เขาจะจำได้ตนก็ไม่มีทางยอมรับ จากนั้นก็เปลี่ยนชุดที่หลงหยุนฉีนำมาให้แล้วตามเข้าไปใกล้
“ตอนนี้พลังข้าเหนือกว่าเขาสามเท่าได้ ถ้าเทียบกันด้วยพละกำลัง ข้าคงนำเขาไปไกลแล้ว”
เซียวปิงหลานพุ่งเข้าไปในเขาหยุนอู่ ด้านหน้าเป็นเหวที่ตัดลึกลงไป ส่วนอัญมณีใสก็หล่นบนยอดเหว
แววตาเซียวปิงหลานเต็มไปด้วยความโลภ ในที่สุดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้อนหินอยู่ตรงหน้า ขอแค่ตนพยายามพุ่งขึ้นไปให้ถึงยอดเหว ยกมือขึ้นไปคว้าก็คงได้มาครอบครอง
ด้านหลัง แววตาของหลงเหยียนเปี่ยมไปด้วยแสงแวววับ เขาสัมผัสได้ว่าอัญมณีก้อนนั้นหลอมไปด้วยพลังที่แสนประหลาด
เซียวปิงหลานพูดอย่างภาคภูมิใจ “มันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่ ถ้าเก็บกลับไปได้ เอาไปศึกษาดีๆ ไม่แน่อาจช่วยตระกูลของเราได้ ถึงตอนนั้นข้าเองก็คงได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย”
ความคิดของเขาสมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม ขณะที่เซียวปิงหลานกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น จู่ๆ พลังที่แข็งแกร่งระลอกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เมื่อเขารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว
หลงเหยียนชกไปที่ด้านหลังของเขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจ เมื่อล้มลง หลงเหยียนก็ออกแรงเหยียบร่างเซียวปิงหลานอย่างแรง แล้วใช้กริชจ่อเข้าที่คอ….
“ถ้าเจ้ากล้าขยับ ข้าจะฆ่าเจ้าทันที” หลงเหยียนกดเสียงต่ำ แล้วพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม
——————–