ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ – ตอนที่ 16 เหมือนว่าคุณเซลิสจะโกรธแล้วนะ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ตอนที่ 16 เหมือนว่าคุณเซลิสจะโกรธแล้วนะ

 

ผมมองขนมปังในมือ

 

มองตาเป็นมัน

 

ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด

 

ตัดสินใจรับประทานยัดเข้าปาก

 

นี่ไม่ใช่ว่าเพราะผมหิวหรอกนะ

 

คะ แค่รักษามารยาทเท่านั้น

 

“…”

 

“คือ”

 

“แค่นิดหน่อย”

 

“คงไม่เป็นอะไรมั้ง?”

 

มือทั้งสองข้างของผมเริ่มขยับก้อนขนมเข้าใกล้

 

เตรียมยัดเข้าปากกัดกินลิ้มรสชาติ

 

ในระหว่างที่ขนมปังกำลังเข้าปาก

 

ตอนนั้นเองที่ทุกคนในห้องต่างร้องเสียงหลงออกมา

 

พยายามร้องขอบอกให้หยุดก่อน

 

“หยุดก่อน!”

 

“รอก่อนฟางข้าว!”

 

“ขอร้องล่ะ!”

 

“…”

 

ผมกะพริบตามองด้วยความสงสัย

 

พอถอยเจ้าขนมปังออกห่าง

 

สุ้มเสียงทั้งหมดก็เงียบลง

 

แต่พอจะเอาขนมปังเข้าปากอีกครั้ง

 

สุ้มเสียงที่เคยเงียบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

““หยุด!””

 

“…”

 

““เดี๋ยวก่อน!””

 

“…”

 

““อย่า!””

 

“…”

 

น่าสนุกจัง~

 

ผมทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง

 

บอกกล่าวตามตรง

 

นิสัยไม่ดีเลยแบบนี้

 

อย่าทำตามนะครับ

 

รู้ล่ะ

 

ที่ทุกคนร้องออกมา

 

นั่นก็เพราะอยากจะให้ผมแบ่งให้ใช่ไหม?

 

ว่าแต่แค่ขนมปังก้อนเดียว

 

ทำไมทุกคนถึงอยากได้ขนาดนั้น

 

ผมทำเองอร่อยกว่าต้องเยอะ

 

อะ ผมไม่ได้อิจฉานะ

 

ไม่ได้อิจฉาเลยแม้แต่น้อย

 

 

ยอมรับครับว่าอิจฉา

 

แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ

 

แค่นิดเดียว…

 

.

 

.

 

.

 

พอตัดสินใจได้

 

ผมก็ยื่นขนมปังให้

 

พร้อมกล่าวถามเบาบาง

 

“…”

 

“เอาไหมครับ?”

 

“ผะ ผมแบ่งให้”

 

“จะ จะแบ่งจริงเหรอ?”

 

“แน่นอนครับ”

 

“แต่ก้อนไม่เยอะมาก”

 

“บางทีทุกคนอาจได้ไม่เยอะ—”

 

““ไม่เป็นไร!””

 

เสียงร้องดังออกมาพร้อมกัน

 

ทุกคนในห้องตอนนี้เหมือนฉลาดได้กินเลือด

 

ต่างพุ่งเข้ามาแย่งขนมปังในมือของผม

 

หนึ่งคน หนึ่งส่วนเล็กน้อย

 

แม้จะเล็กน้อย

 

แต่พอโดนคนหลายสิบคนจิกแบ่งชิ้นส่วน

 

จากก้อนใหญ่ในมือผม

 

ก็หลงเหลือเพียงก้อนเท่าปลายนิ้วก้อย

 

มันช่าง…

 

หิวขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

ผมถอนหายใจ

 

ขณะจ้องมองเจ้าขนมปังเบื้องหน้า

 

“…”

 

“ขนมปังของผม”

 

“คือ”

 

“มันหิวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

“…”

 

น่าเสียดายที่คำถามของผมไม่มีใครตอบ

 

สาเหตุหลักใหญ่ใจความสำคัญที่ไม่มีใครตอบ

 

นั่นก็เพราะทุกสายตาต่างจดจ้องมองก้อนขนมปังในมือของผมต่อ

 

คล้ายต้องการบอกกล่าวว่ายังไม่เพียงพอ

 

ยังต้องการแย่งชิงอีก

 

ผมที่เห็นสายตากระหายเลือดทั้งหลาย

 

รีบซ่อนขนมปังชิ้นสุดท้ายทันที

 

ไม่ซ่อนมีหวังโดนแย่งหมดแน่

 

“มะ ไม่ได้นะ”

 

“ห้ามเด็ดขาด”

 

“เป็นส่วนของผม”

 

“…”

 

“ฟางข้าวเดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่”

 

“เพราะฉะนั้นเอามาให้ผมเถอะ”

 

“ขนมปังสกปรก—”

 

“มะ หมายถึงขนมปังก้อนที่อยู่ในมือของฟางข้าว”

 

“มันอาจไม่ได้สะอาดอย่างที่เห็น”

 

“เดี๋ยวผมซื้อให้”

 

“ส่งมาเถอะ”

 

น้ำเสียงขณะกล่าวช่างนุ่มนวลเหลือเกิน

 

ผิดกับแววตาที่ดำมืดขุ่นมัวขั้นสุด

 

ไม่ใช่แค่คุณเจ้าของปากกาที่เคยช่วยเหลือผม

 

แต่ยังรวมไปถึงคนอื่น

 

ต่างพยายามหยิบยื่นความหวังดี(?)ให้

 

พยายามร้องขอบอกให้ผมยกขนมปังชิ้นสุดท้ายให้

 

แน่นอนว่าคำตอบของผมคือ

 

ไม่!

 

ไม่เด็ดขาด!

 

ผมรีบยัดขนมปังเข้าปากทันที

 

“ม่ายยยยยย!”

 

ทุกคนในห้องต่างร้องออกมาเหมือนกันหมด

 

ทำหน้าเหมือนกับวันสิ้นโลก

 

คล้ายชีวิตได้สูญสิ้นไปแล้วเรียบร้อย

 

แค่ขนมปังก้อนเดียวอะไรจะขนาดนั้น

 

อีกอย่างมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแปลกใหม่

 

อย่างมากก็แค่อร่อยปรกติธรรมดา

 

ของผมยังอร่อยกว่าเยอะ

 

ทำไมถึงอยากได้อยากกินขนมปังที่อยู่ในมือผมขนาดนั้น

 

อยากกินจนถึงขนาดที่ต้องออกไปซื้อของใครคนอื่นมาแทน

 

เพื่อที่จะได้กินขนมปังในมือของผม

 

หึ ผมไม่ได้อิจฉานะ

 

ที่เห็นใครคนอื่นอยากกินขนมปังในมือของผม

 

มากกว่าขนมปังที่ทำผมเอง

 

มะ ไม่ได้อิจฉาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ก็แค่

 

ครับ

 

นั่นแหละ

 

 

เอาเป็นว่าผมไม่พูดละกัน

 

===

 

“กินเข้าไปได้ไง?!”

 

“คายออกมามันสกปรก”

 

“ของแบบนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพหรอก”

 

“กลืนเข้าไปแล้วจะให้คายได้ไง?”

 

“…”

 

หลายต่อหลายคนเริ่มโวยวาย

 

อยากจะให้ผมคายเอาขนมปังที่กลืนเข้าไปแล้วคายออกมา

 

บอกกล่าวตามตรง

 

ผมคงทำให้ไม่ได้

 

ทำให้ไม่ได้แน่นอน

 

ระหว่างที่ทุกคนกำลังเกลี้ยกล่อมให้ผมยอมทำตาม

 

หนึ่งเพื่อนร่วมห้องของผม

 

ซึ่งผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่ออะไร

 

เขาก็ยัดก้อนขนมปังเท่าปลายนิ้วก้อยเข้าปาก

 

“…”

 

“อือ~”

 

“รสชาติก็ปรกติธรรมดานิ”

 

“ไม่เห็นจะดีตรงไหน—”

 

“อึก!”

 

“นะ น้ำ”

 

“สกปรกรีบดื่มเร็ว!”

 

“ขะ ขอบคุณ”

 

สุ้มเสียงทั้งหมดจางหายไม่มีหลงเหลือ

 

เนื่องจากขนมปังที่ยัดเข้าไปดันติดคอ

 

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก้อนเท่าปลายนิ้วก้อย

 

มันจะไปติดคอได้ยังไง

 

ว่าแต่คอแห้งจัง

 

“…”

 

“น้ำ—”

 

“นี่ค่ะ”

 

“น้ำ”

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

“กำลังอยากดื่มอยู่พอดี”

 

“หือ?”

 

“อะ?”

 

ผมกะพริบตามองเจ้าแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า

 

แต่ไม่ได้คว้าหยิบจับทันทีเลยนะ

 

แค่ชะงักมองแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

 

ไม่มีขยับเคลื่อนไหวทำอะไร

 

ก่อนสุ้มเสียงในห้องทั้งหมดจะเงียบลง

 

ผมมองแก้วในมืออันคุ้นหน้าคุ้นตา

 

พร้อมเลิกคิ้วขึ้นสูง

 

เพราะมันเป็นแก้วของคุณเซลิส

 

เป็นแก้วน้ำของคุณเซลิสแน่นอน

 

พอผมเงยหน้ามองก็เห็น

 

เห็นใบหน้าของคุณเซลิสที่อยู่ไม่ห่าง

 

“…”

 

“น้ำไงคะ?”

 

“ไม่ดื่มเหรอ?”

 

เซลิสกำลังยิ้มหัวเราะเบาบาง

 

ขณะถือแก้วพร้อมยื่นส่งมาให้ผม

 

ผมสะดุ้งเล็กน้อยพอแก้วถูกยื่นมาให้

 

มะ มาอยู่นี่ได้ไง

 

ไม่ใช่ว่าออกไปกับพี่ชายหนุ่มหล่อคนนั้นหรอกเหรอ

 

ผมที่รู้สึกตัวรวดเร็วยิ่งยวด

 

รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“มะ ไม่ได้”

 

“ไม่ดีกว่าครับ”

 

“…”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”

 

“ไม่ต้องเกรงใจ”

 

“แค่เรื่องเล็กน้อย”

 

“…”

 

“ผม—”

 

จุม!

 

สีหน้าคุณเซลิสแข็งค้าง

 

ไม่ใช่เพียงแค่คุณเซลิสคนเดียว

 

แต่รวมไปถึงผมด้วย

 

ผมก้มหน้ามองก้อนขนมปังที่ลอยอยู่ในแก้ว

 

มันเป็นก้อนขนมปังที่ผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

ใช่ครับ

 

เป็นก้อนที่ผมพึ่งจะได้รับนั่นเอง

 

เหมือนว่าใครบางคนจะโยนมันเข้ามา

 

แถมยังเข้ามาในแก้วน้ำอีกต่างหาก

 

ยอมรับเลยว่าแม่นมาก

 

แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะครับ

 

คุณเซลิสที่ยืนมองตาค้างในตอนแรก

 

แววตาเริ่มแปรเปลี่ยน

 

บะ บอกกล่าวตามตรง

 

ผม…

 

ผมรู้สึกกลัว

 

ขณะเดียวกันทุกคนในห้องแทนที่จะตำหนิคนกระทำ

 

กับหัวเราะสนุกสนานหน้าตาเฉย

 

นะ นี่มันไม่ดีเลย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“สมน้ำหน้า!”

 

“คิดยุ่งกับฟางข้าวเหรอยังเร็วไปยะ!”

 

“…”

 

คุณเซลิสกำแก้วในมือแน่น

 

พร้อมหันสายตามองทุกคนในห้องด้วยแววตาอาฆาต

 

ก่อนจะกล่าวออกมาดังลั่น

 

“สารเลว!”

 

“…”

 

ด้วยสัญชาตญาณของผม

 

มันกำลังบอกให้ผมออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด

 

ไม่งั้นชะตาชีวิตของผมอาจจะขาดสะบั้น

 

หะ จะบอกว่าผมกลัวจนต้องหนีไปเหรอ?!

 

กล้าพูดออกมาได้ไง?!

 

ผมเนี่ยนะที่กลัวจนต้องหนีน่ะ

 

ไม่มีทาง

 

ถึงจะรู้สึกกลัวจริงก็เถอะ

 

แต่กลัวจนถึงขนาดที่ต้องหนีหน้า

 

มันก็ออกจะเกินเลยไปหน่อยนะ

 

.

 

.

 

.

 

“ตาย!”

 

“…”

 

“คิดว่าเก่งนักเหรอ?”

 

“แค่สวยหน่อยเดียวอย่ามาทำเป็นเยอะ”

 

“ฟางข้าวเป็นของพวกเราต่างหาก”

 

อะ เอาเป็นว่า

 

ครับ

 

หนีดีกว่า

 

เผ่นให้เร็วเลย!

 

 

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

ดะ เดี๋ยวก่อน คุณเซลิสครับ เลิกตามผมสักทีเถอะครับ

Status: Ongoing
เพื่อนร่วมห้องของผม คุณเซลิส เธอคือคนแปลกประหลาด ทั้งยังเป็นสาวงามที่สวยที่สุดในโรงเรียนอีกต่างหาก หากจะให้อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน อธิบายให้เข้าใจ ผมคงไม่พ้นต้องเป็นเหยื่อ ส่วนเธอก็คือนักล่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท