โน้ตจากผู้แต่ง : โดดข้ามไทม์ไลน์มาแล้วนะ
“อ๊ากกกกก!”
“ท- ทำไม ผมดำอย่างแกถึงใช้เวทมนตร์ได้ยังไง!?”
“เฮ้อ ดูเหมือนพวกเหยียดสีผมแบบสุดขั้วจะมีเดินกันยั้วเยี้ยได้ทุกเมืองเลยนะ…”
ที่นี่อยู่ไกลออกมาจากเขตเทียไลท์
ประเทศที่เราอยู่กันตอนนี้―――เขตเซเอน พื้นที่ที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันอย่างคับคั่ง ตั้งอยู่ทางใต้ของอาณาจักรเอโดรัม
ฉันอยู่ในเมืองเดียวกับที่เจ้าผู้ครองที่อยู่ แล้วก็เหมือนกับทุกทีนั่นแหละ มีคนมาตามรังควานฉันอีกแล้ว
“บ้าเอ๊ย! ใช้เวทมนตร์ไม่ได้! นี่มันเรื่องบ้าอะไรฟะเนี่ย!”
“ด- เดี๋ยวนะ ข้าเคยได้ยินข่าวลือแว่วๆ มา…”
2 คนนี้พุ่งเข้ามาใส่ฉันโดยไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น ฉันก็แค่ใช้เวทมนตร์สายความมืดลบพลังเวทของพวกเขาไปหมด แล้วทุกอย่างก็จบลงแค่นั้น
ผ่านมา 3 ปีแล้ว ความสามารถของฉันมันก็พัฒนาขึ้นมาได้พอควรเลย
“น- นึกออกแล้ว ครอบครัวขุนนางที่กำลังมาแวะเยี่ยมเยียนที่เมืองนี้มาจากตระกูลเคานต์เทียไลท์นี่ ลูกสาวของท่านเคานต์ โนอามารี เทียไลท์ ผู้ใช้เวทย์ผมบลอนด์ทอง เจ้าของเวทมนตร์สายแสงสว่างเพียงคนเดียวของอาณาจักร… ต- แต่ ไม่ใช่แค่นั้น ที่ข้างกายของท่านจะมีเด็กหญิงผมดำที่ราวกับเป็นคู่ตรงข้ามของท่านอยู่ด้วย คนที่ใช้เวทมนตร์ปริศนาบางอย่างที่จะขโมยพลังเวทออกไป อะไรที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเลยนั่นน่ะ…!”
ข่าวลือที่เล่ากันปากต่อปากนี่มันแพร่ไปเร็วจริงๆ เลยนะ
ฉันแค่จัดการเจ้าคนพวกนั้นที่เข้ามาตอแยกับฉันเหมือนเจ้าพวกนี้เท่านั้นเอง แต่ถึงงั้น ข่าวลือเรื่องเวทมนตร์สายความมืดของฉันก็ดูเหมือนจะแพร่ออกไปแล้วนะ
พูดให้ถูกคือ เวทมนตร์สายความมืดของฉันไม่ได้ ‘ขโมย’ หรอก แต่จริงๆ มัน ‘ลบล้าง’ ต่างหาก แต่ว่า ในมุมมองของคนที่เห็นแล้วเนี่ย มันก็อาจจะดูเหมือนว่าพลังเวทโดนขโมยไปนั่นแหละ
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันต้องหาวิธีไกล่เกลี่ยก่อนว่าจะจัดการกับเจ้า 2 คนนี้ยังไงดี
“อ่า ให้ตายสิ ฉันต้องรีบกลับไปหาท่านโนอะให้เร็วที่สุดด้วยเนี่ย พวกนายต้องทำให้ฉันมาลำบากกับแปัญหาพวกนี้อีก…”
“เฮ่! มีเรื่องวุ่นวายอะไรกันน่ะฮะ!”
“อ๊ะ คุณตำรวจมาได้เวลาเหมาะเจาะเลยแฮะ”
ตำรวจ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สำหรับคนทั่วไปเข้ามาปกป้องเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้ทันเวลาพอดีเลย
“ห- เห้ย! จับมันเลย! จู่ๆ มันก็มาทำร้ายพวกข้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยซะงั้น!”
“ไม่ใช่เลยค่ะ ต่อให้จะเป็นเรื่องจริง เรื่องที่ว่าพวกคุณถูกเด็ก 8 ขวบจัดการจนแพ้ราบคาบก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่ไปไหน แบบนี้จะดีเหรอคะ?”
แต่ก็นะ โลกนี้น่ะโหดร้ายกับผมสีดำอย่างฉันอยู่แล้ว และพวกจตุรธาตุก็จะได้รับการให้ความสำคัญมากกว่าอยู่ตลอดนั่นแหละ
“ว่าไงนะ!? ยัยนั่นมันเป็นไอ้โจรชั่วในคราบเด็กหญิงตัวเล็กเท่านั้นแหละ! จับมันเลย!”
“3 ปีมานี่ ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้มากี่รอบแล้วเนี่ย…”
ตำรวจเชื่อคนกระทำผิดพวกนั้นอย่างง่ายๆ เลย
“ค่ะ นี่”
“หือ? อะไรเนี่ย จะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้อลังก―――น- นี่มัน เหรียญตราประจำตระกูลเทียไลท์นี่!?”
พอซักทีเถอะ ฉันเบื่อรูปแบบซ้ำซากนี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย
แรกๆ มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ ยังกับเป็นมิโตะ โคมงเลย แต่พอต้องมาทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก มันก็ชักจะเริ่มน่าหงุดหงิดแล้ว
TN: 水戸 黄門 (Mito Komon) หรือชื่อจริง “โทคุกาวะ มิตสึคุนิ” (徳川 光圀 / Tokugawa Mitsukuni) ผู้ครองแคว้นคนที่ 2 ของแคว้นมิโตะในสมัยเอโดะ เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ และยังเป็นละครชุดทางโทรทัศน์เกี่ยวกับการเดินทางของเขาที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเศรษฐีเก่า พร้อมด้วยซามูไรไร้อาวุธอีกสองคนที่ปลอมตัวเป็นผู้ติดตามของเขา เขาจะต้องพบกับปัญหาในทุกๆ ที่ที่เขาไป และเขาจะต้องเป็นผู้แก้ปัญหาและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ฉากที่ตราตรึงมาจนถึงปัจจุบันก็คือการชูตรานั่นเอง
ละครเรื่องนี้ฉายตลอดปี 1969 ถึง 2011 เป็นละครย้อนยุคญี่ปุ่น (時代劇 : Jidaigeki) ที่ฉายยาวนานที่สุดประวัติศาสตร์เลย
“ฉันเป็นข้ารับใช้ของท่านโนอามารี บุตรีแห่งตระกูลเทียไลท์ มีชื่อว่าคุโระค่ะ”
“เอ๊ะ? ยินดีครับ”
การตอบกลับแบบนี้ ฉันก็เบื่อที่ต้องมาเจอเหมือนกัน
แปลกใจที่เห็นฉันใช้ภาษาไม่สมกับเป็นเด็กล่ะสิ
เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้วล่ะนะ จะยกเว้นก็แค่ท่านโนอะคนเดียวเอง
แต่ฉันพูดให้ฟังแล้วดูเหมือนเด็ก 8 ขวบไม่ได้เลย
ก็ฉันชินแบบนี้แล้วนี่นา
“เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ฉันแค่ป้องกันตัวหลังจากที่ถูกชาย 2 คนนี้เข้ามทำร้ายหลังจากเห็นสีผมของฉันค่ะ ยิ่งกว่านั้น เมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้าทำร้ายผู้ได้รับตราประจำตระกูลเทียไลท์ด้วยแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่านี่คือการสร้างความเสียหายต่อตระกูลเทียไลท์ ต้องรบกวนให้ทำการลงโทษพวกเขาอย่างจริงจังด้วยค่ะ”
“ร- รับทราบแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องรีบไปหานายเหนือหัวของฉันแล้วค่ะ ขอตัว”
ฉันออกมาจากตรอกหลังอาคาร ได้ยินเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดรวดร้าวดังลอยไล่หลังมาด้วย ก่อนที่ฉันจะรีบวิ่งเลียบตามถนนใหญ่ไป
ผมสีดำของฉันมันคอยดึงดูดพวกคนพวกนี้มาตลอดนั่นแหละ แต่ฉันก็ชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้วล่ะนะ
ปลายทางของฉันคือโรงแรมที่หรูที่สุดในเมือง ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในเมืองด้วย
การสร้างลิฟต์ขึ้นมาอีกด้วยเวทมนตร์สายวายุนี่สบายสุดๆ ไปเลย แถมแม้แต่อาหารที่เสิร์ฟที่นี่เองก็อร่อยด้วย
ฉันเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วก็บอกกับพนักงานกดลิฟต์ผมเขียวไปว่า “ชั้นบนสุดค่ะ”
แล้วตู้ลิฟต์ก็ถูกยกด้วยเวทมนตร์ ขึ้นมาจนถึงเป้าหมายของมันได้ในไม่กี่วินาที
“ถึงชั้นบนสุด โซนห้องสวีทแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเร่งฝีเท้าตัวเอง หลังจากที่ยืนหอบหายใจอยู่พักนึง ฉันก็เคาะประตูห้องๆ นึงที่อยู่ตรงสุดปลายทางเดินของชั้นบนสุด จากที่ทั้งชั้นมีอยู่แค่ 4 ห้อง
*―――ก็อก ก็อก*
“ท่านโนอะคะ คุโระค่ะ”
”เข้ามาเลยยย”
พอเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ต้อนรับฉันอยู่ตรงหน้าก็คือห้องกว้างโอ่อ่า เหมือนพวกห้องพักในอุดมคติที่ฉันได้แค่ดูผ่านทีวีในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อชาติที่แล้วเลย
ที่บอกไว้ด้วยว่าเป็นของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเนี่ยก็เพราะในบ้านฉันมันไม่มีทีวีล่ะนะ
แล้วตรงนั้น บนเตียงขนาดคิงไซส์ที่ต้องอยู่ริมห้องข้างหน้าต่างบานนึง ก็มีใครบางคนกำลังนอนอ่านคัมภีร์เวทอย่างเรื่อยเฉื่อยอยู่ด้วย
“สายแปลกๆ นะ คุโระ ครั้งนี้เธอมาถึงตามตารางเป๊ะเลย กับคนแบบเธอที่ทำทุกอย่างก่อนเวลา 5 นาทีอยู่ตลอดด้วยแล้วนี่ หายากนะ”
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ เจอเหตุติดขัดนิดหน่อย”
เอาเถอะ ท่าทีไม่ยี่หระนั่นแหละ นิสัยของเจ้านายฉัน ท่านโนอามารี เทียไลท์ล่ะ
“หื~ม ได้จัดการลงโทษพวกนั้นเป็นอย่างดี ในนามของตระกูลเทียไลท์แล้วใช่มั้ย?”
“แจ้งให้ตำรวจที่ผ่านมาไปจัดการต่อเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แบบนั้นล่ะดีแล้ว ทำแบบนี้ จะได้เป็นการย้ำเตือนให้คนอื่นๆ ได้ รู้ด้วยว่าการหมายหัวคนผมดำของตระกูลเทียไลท์ จะต้องเจอกับอะไรตามมา”
“ดูเหมือนจะมีลือออกไปแล้วนะคะ เรื่องที่ว่าคนรับใช้ของท่านโนอามารีแห่งตระกูลเทียไลท์ใช้เวทมนตร์ประหลาดน่ะ”
“ดีแล้วนี่ ถ้าข่าวลือพวกนั้นกระจายไป พวกโง่พวกนั้นอาจจจะได้ไม่กล้ามาหมายหัวเธอด้วย”
ท่านโนอะปิดหนังสือ ก้าวลงมาจากเตียง ก่อนจะย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ตังข้างๆ เตียงแทน
“ช่วยอะไรหน่อยสิคุโระ ชงชาให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”
“ได้ทันทีเลยค่ะ”
ระหว่างที่เตรียมน้ำชา ฉันก็ไม่ลืมที่จะเอาขนมกินคู่กับน้ำชาออกมาด้วย
“นี่ค่ะ”
“ขอบใจนะ คุโระเองก็เริ่มจะสมกับการผู้รับใช้ที่เพรียบพร้อมแล้วเหมือนกันนะ”
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องนั้น…”
ได้เห็นท่านโนอะเพลิดเพลินกับน้ำชาได้แบบนี้ หน้าของฉันมันก็ยิ้มออกมาเองเลย
“ทำไมเธอไม่นั่งแล้วมาดื่มชาด้วยกันล่ะ คุโระ? ฉันอยากคุยกันแบบสบายๆ มากกว่านะ”
“ได้ค่ะ”
ฉันนั่งลงตรงข้ามกับท่านโนอะ แล้วก็ยกชาขึ้นจิบ
อืม อร่อยจัง
“มาที่หัวข้อหลักกันดีกว่า เจอเบาะแสอะไรบ้างมั้ย?”
“ไม่เลยค่ะ ไม่มีเลยในบริเวณที่ฉันไปออกค้นหาวันนี้ ฉันวางแผนไว้ว่าจะออกค้นหาต่อวันพรุ่งนี้นะคะ”
“น่าหงุดหงิดจริงๆ เลยนะ ทำไมพวกเส้นผมชั้นต่ำถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้เนี่ย”
“ค่ะ น่าหงุดหงิดจริงๆ แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ฉันก็หาไม่เจอซักคนเลยนะตะ คนที่มีเวทมนตร์หายากหรือเส้นผมหายากน่ะ”
ฉันมาอยู่ที่เขตเซเอนนี่ด้วยเหตุผลด้านการวางแผนในอนาคตของพ่อท่านโนอะ (หรืออันที่จริงก็คือการวางแผนของท่านโนอะเองนั่นแหละ) โดยการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อที่จะเปิดโลกกว้างให้กับท่านโนอะ
แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นการเดินทางออกค้นหาคนที่มีพรสวรรค์อย่างเวทมนตร์หายากในตัว แต่ว่า ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ ท่านโนอะเป็นชนชั้นสูง ท่านเลยเลี่ยงการพบปะกับเหล่าเจ้าผู้ครองที่ในบริเวณนี้ไม่ได้
เพราะงั้น พอท่านโนอะเคลื่อนไหวเองไม่ได้ มันเลยตกเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องทำการค้นหาเอง
“เหลือที่ไหนอีกที่ยังไม่ได้หา?“
”3 วันที่ผ่านมานี่ เราก็ออกค้นหากันเกือบจะเสร็จแล้วนะคะ ทั้งส่วนที่อยู่อาศัยชั้นสูง ทั้งย่านใจกลางเมือง ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแค่―――”
ฉันชี้ไปที่บริเวณนึงในแผนที่ของเมืองนี้ที่กางอยู่ตรงหน้าฉัน
“ย่านสลัมตรงนี้ค่ะ”
“อีกฝากของเมืองที่ดูแสนจะมั่งคั่งนี่เลยสินะ ที่รวมตัวกันของพวกที่ไม่มีทั้งเงินทองทั้งพรสวรรค์”
“ค่ะ แต่เพราะที่นี่เป็นย่านที่อันตราย แม้แต่เจ้าครองที่เองก็ยังไม่มีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในย่านเลยด้วยซ้ำ แล้วก็เป็นอย่างที่ท่านโนอะพูดเลยค่ะ ที่นี่คือที่ของพวกเหลือขอมารวมตัวกัน หรือก็คือ―――”
“การจะเจอตัวผู้ครอบครองเวทมนตร์หายากที่ถูกมองข้าม โดนดูถูกเหยียดหยามในฐานะเส้นผมชั้นต่ำ และเชื่อว่าตัวเองไร้พรสวรรค์ ไม่ได้น่าแปลกเลยสินะ”
“ใช่ค่ะ”
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เราเดินทางไปหลายต่อหลายเมืองแล้วนะ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไปเจอทางตันเข้าทั้งนั้นเลย ไม่เจอใครที่มีเส้นผมชั้นต่ำเลยซักคน
ว่าตามตรง ความเป็นไปได้ในครั้งนี้มันก็ต่ำเหมือนกัน แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากลองต่อไปแบบนี้
รวบรวมนักเวทย์หายากมา และใช้พลังของพวกเขายึดครองโลกใบนี้ นั่นแหละคือเป้าหมายแสนทะเยอทะยานของท่านโนอะ นายเหนือหัวของฉัน ที่ท่านให้ความสำคัญกับมันยิ่งกว่าชีวิตของท่านเองซะอีก
“พรุ่งนี้ ฉันจะไปดูค่ะ”
“ไม่ได้”
“เอ๊ะ?”
“ที่นั่นไม่เหมือนกับย่านตัวเมืองที่เราเคยไปมาก่อนหน้านี้นะ ครั้งนี้มันคือย่านสลัม การจะเจอคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อแค่จะเอาชีวิตรอดน่ะเห็นได้ไม่ยากเลย ต่อให้เธอจะใช้เวทมนตร์สายความมืดได้นะ คุโระ มันก็ยังอันตรายอยู่ดี”
“ด- ดีใจมากเลยค่ะที่ท่านเป็นห่วงข้ารับใช้อย่างฉันด้วย แต่นอกจากฉันแล้วก็ไม่มีใครคนอื่นที่จะออกเคลื่อนไหวได้แล้วนะคะ”
“ฉันจะไปด้วย”
“อ๋า แบบนี้เอง แบบนั้นก็ด-… ว่าไงนะคะ?”
“วันนี้ ตารางงานที่ฉันต้องจัดการเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปกับเธอด้วย”
“…หาาาาาา!?”
TN: สัมผัสได้ว่าเรื่องราวมันส์ๆ กำลังจะเกิดขึ้น 555