ตอนที่ 855 ตรวจรักษาที่บ้าน
เพื่อสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าสี หลินม่ายได้ซื้อของขวัญและอาหารเสริมระดับไฮเอนด์มากมายมาให้เขา
ฟางจั๋วหรานเห็นว่ามีหลายสิ่งหลายอย่าง และกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องลำบากสำหรับเธอที่จะหอบหิ้วขึ้นไปชั้นบน ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรเกิดอุบัติเหตุใดๆ
ดังนั้นเขาจึงอาสาเป็นคนขับรถและหอบหิ้วของเหล่านั้นไปส่งให้ที่ชั้นบน
สองสามีภรรยาขับรถไปรับคุณหมอเหรินก่อน
หลินม่ายยังเตรียมของขวัญและอาหารเสริมระดับไฮเอนด์มากมายสำหรับคุณหมอเหรินด้วย
คุณนายเหรินรับเอาของขวัญเหล่านั้นอย่างร่าเริง ทั้งยังชื่นชมว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนมีมารยาท
ทั้งสามขึ้นรถและขับไปที่บ้านของหัวหน้าสี ฟางจั๋วหรานส่งของขวัญให้หลินม่ายลงที่หน้าประตูบ้านของหัวหน้าสี จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปและรอพวกเขาในรถ
หลินม่ายเคาะประตูบ้านของหัวหน้าสี
คนที่เปิดประตูคือหลานสาวของหัวหน้าสี ซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถม
เด็กอายุประมาณสิบขวบรู้จักติดตามดาราแล้ว
หลานสาวหัวหน้าสีเปิดประตู เมื่อเห็นหลินม่ายก็จำได้ทันที หล่อนดูตื่นเต้นมาก
หล่อนตื่นเต้นจนลืมทักทายแขกและวิ่งเข้าไปในบ้านพลางตะโกนลั่น “คุณปู่ คุณย่า ดาราดังมาแล้ว!”
หัวหน้าสีและภรรยาถามด้วยความสงสัย “ดาราดังคนไหน?”
“ดาราดังที่ร้องเพลง ‘ชีวิตที่เบ่งบาน’ ไงคะ” เด็กน้อยหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
ผู้นำสีและภรรยาไม่ติดตามดารา พวกเขาจึงไม่รู้ว่าใครร้องเพลง ‘ชีวิตที่เบ่งบาน’
ทั้งคู่ไปที่ประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินม่ายรีบพยักหน้าให้ภรรยาของเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะแนะนำตัวเองและคุณหมอเหริน
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายที่กำลังท้องโตพาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพบเขา หัวหน้าสีก็รู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้น และพวกเขาก็ปล่อยให้หลินม่ายและคุณหมอเหรินเข้าไปในห้องอย่างกระตือรือร้น
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว หัวหน้าสีจะมีทัศนคติที่เย็นชาต่อผู้ที่ขอให้เขาทำอะไรบางอย่างให้
แต่เมื่อได้เห็นคุณหมอเหรินที่ผมขาวทั้งหัวมาหาเขาถึงที่ เขาก็ไม่กล้าละเลย
เขาขอให้ภรรยาแสดงประวัติการรักษาต่อคุณหมอเหรินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คุณหมอเหรินโบกมืออย่างมั่นใจ “ไม่ต้องให้ผมดูเวชระเบียนหรอก แต่ให้ผมจับชีพจรของคุณก่อน หลังจากที่ได้จับชีพจรแล้ว ผมจะทำการวินิจฉัยโรค แล้วค่อยดูว่าสิ่งที่ผมพูดเหมือนกับที่เขียนไว้ในเวชระเบียนของคุณหรือเปล่า”
ท้ายที่สุดเขาก็ทำการจับชีพจรของหัวหน้าสี
เขาตรวจชีพจรที่มือซ้ายและขวาจนผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง
คุณหมอเหรินกล่าว “สิ่งที่คุณมีคือแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น อาการปวดมักเกิดขึ้นขณะท้องว่างหรือตอนกลางคืน และภายในหนึ่งชั่วโมงหลังอาหาร และแผลในกระเพาะอาหารของคุณยังรุนแรงอยู่ น่าจะมีหนองไหลออกมาหลายจุด แผลในลำไส้เล็กส่วนต้นมักเกิดขึ้นที่ผนังด้านหน้าของหลอดลำไส้เล็กส่วนต้น แต่ของคุณค่อนข้างพิเศษ มันเกิดขึ้นที่มุมของกระเพาะอาหาร สิ่งที่ผมพูดตรงกับในเวชระเบียนของคุณหรือไม่?”
ก่อนที่หัวหน้าสีจะพูด คุณนายสีพูดอย่างตื่นเต้น “เหมือนกันทุกอย่างเลยค่ะ”
นางถามอย่างมีความหวัง “สามารถรักษาให้หายได้หรือเปล่าคะ?”
คุณหมอเหรินยิ้มและตอบกลับ “แม้ว่าปัญหากระเพาะของคุณสีจะค่อนข้างร้ายแรง แต่ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ ตราบใดที่คุณยืนยันที่จะรับประทานยาจีนเป็นเวลาหนึ่งปี คุณก็มีโอกาสที่จะหายเป็นปกติได้”
คุณนายสีไม่อยากจะเชื่อ “หายง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ? สามีของฉันไปหาหมอมามากมายและทานยามามากมาย แต่ก็ไม่ได้ผลสักที”
คุณหมอเหรินพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่เขียนใบสั่งยา “สามีของคุณอาจเคยไปพบแพทย์แผนตะวันตก ซึ่งรักษาตามอาการ แต่ไม่ใช่ที่ต้นเหตุ หลังจากการรักษาแต่ละครั้ง อาการปวดท้องจะหยุดลงชั่วขณะ แต่มันก็จะกลับมาอีกครั้ง และไม่หายขาดแต่อย่างใด หากสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปเช่นนี้ มันจะก่อตัวเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรัง และการรับประทานยาตะวันตกก็จะไม่มีประโยชน์มากนัก”
คุณนายสีพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่หัวหน้าสีไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้
หลินม่ายเห็นว่าคุณหมอเหรินตรวจหัวหน้าสีเสร็จแล้วจึงพาคุณหมอเหรินลุกขึ้นและจากไป
หัวหน้าสีกำลังเจ็บปวด การพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับงานจะทำให้เขารู้สึกกระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับเธอ
ต้องรอให้หัวหน้าสีอาการดีขึ้นก่อน
หัวหน้าสีและภรรยาไปส่งหลินม่ายและคุณหมอเหริน
ทันทีที่เขาเปิดประตู หลินม่ายก็เห็นหัวหน้าคนงานหูและผู้ปฏิบัติงานร่างท้วมที่เธอเห็นในโรงแรมครั้งก่อนถือของขวัญมากมาย และพวกเขากำลังจะเคาะประตูบ้านของหัวหน้าสี
ทันใดนั้นใบหน้าของหัวหน้าสีก็พลันหม่นลง
เขาพูดกับชายร่างท้วมด้วยความโกรธ “เสี่ยวฉี คิดจะทำอะไร ทำไมถึงพาชายคนนี้มาที่บ้านฉันอีก?”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินม่ายก็รีบบอกลาหัวหน้าสีและภรรยาของเขาด้วยรอยยิ้ม และช่วยพยุงคุณหมอเหรินเดินลงไปชั้นล่างอย่างระมัดระวัง
หัวหน้าผู้รับเหมาหูหันศีรษะและมองไปที่ด้านหลังของหลินม่ายพร้อมกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการดูแลโครงการ เธอมักจะเข้ามามีส่วนร่วมเสมอ
เธอได้ฉกชิงพื้นที่ชุมชนครอบครัวพนักงานไปรษณีย์ไปแล้ว ยังคิดยังจะคว้าโครงการของการรถไฟอีกหรือ?
ชายพุงพลุ้ยนามสกุลฉีเป็นลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของหัวหน้าสี
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าสีกำลังโกรธ เขาหัวเราะและกล่าว “อย่าเพิ่งโวยวายไปเลย เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะครับ” หลังจากพูดจบ เขาก็พาหัวหน้าคนงานหูเข้าไปบ้าน
หัวหน้าสีหยุดเขาและพูดด้วยความไม่พอใจ “ฉันกำลังเป็นโรคกระเพาะ และไม่มีอารมณ์ที่จะรับแขก ออกไปได้แล้ว!”
หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในบ้านพร้อมกับภรรยาและปิดประตูดังโครม
ครั้งสุดท้ายที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาพาหัวหน้าผู้รับเหมาหูไปที่บ้านและได้รู้ตัวตนของหัวหน้าผู้รับเหมาหู เขาก็เบื่อหน่ายอย่างมาก
แม้ว่าอีกฝ่ายต้องการใช้ประโยชน์จากเขาในฐานะลูกพี่ลูกน้อง แต่เขาไม่สามารถแนะนำหัวหน้าคนงานหูที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของเมืองหลวงให้เขาได้
เขากำลังคิดจะบีบบังคับหัวหน้าสีอย่างนั้นเหรอ?
ลูกพี่ลูกน้องของเขาคิดไม่ซื่อ ดังนั้นหัวหน้าสีจึงไม่ให้การต้อนรับ
ข้างนอกประตู เสี่ยวฉีอธิบายกับหัวหน้าผู้รับเหมาหูด้วยความลำบากใจ “ผมทำข้อตกลงกับลูกพี่ลูกน้องของผมแล้ว และเขาตกลงที่จะมอบโครงการให้คุณ แต่เขาเปลี่ยนใจด้วยเหตุผลบางอย่าง กลับไปก่อนเถอะครับ แล้วผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมลูกพี่ลูกน้องของผมในภายหลัง”
เขาตบไหล่หัวหน้าคนงานหูและปลอบโยน “อย่ากังวลนะครับ โครงการนี้เป็นของคุณ และไม่มีใครสามารถเอามันไปได้”
หัวหน้าผู้รับเหมาหูรู้สึกไม่พอใจในใจ แต่ยังคงมีท่าทางสุภาพ “เจ้าหน้าที่ฉี ถ้าอย่างนั้น… ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ!”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นใคร!” ทั้งสองคุยกันแล้วเดินตามกันไปข้างล่าง
หลินม่ายและคุณหมอเหริน คนหนึ่งท้องโตและอีกคนชราภาพ ทั้งสองเดินลงไปชั้นล่างอย่างเชื่องช้า
แต่หัวหน้าผู้รับเหมาหูและลูกพี่ลูกน้องฉีอยู่ในช่วงชีวิตที่แข็งแรงที่สุด พวกเขาจึงตามทันหลินม่ายและคุณหมอเหรินเพิ่งเดินไปที่ด้านข้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์
หัวหน้าผู้รับเหมาหูดูฟางจั๋วหรานพยุงหลินม่ายเข้าไปในรถ ใบหน้าของเขาพลันหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อไม่นานมานี้ ลูกพี่ลูกน้องสีบอกว่าเขาทำข้อตกลงกับลูกพี่ลูกน้องแล้วว่า หัวหน้าสีจะมอบโครงการให้กับหัวหน้าผู้รับเหมาหู แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจ
จะมีเหตุผลอื่นได้อีก นอกจากแผนการของนังสารเลวตัวน้อยหลินม่ายนี่
ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจอย่างมาก เธอต่อต้านเขาทุกที่ นี่เธอพยายามจะฆ่าเขาเหรอ?
ณ บ้านตระกูลสี
คุณนายสีถือใบสั่งยาที่เขียนโดยคุณหมอเหรินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อรับยา”
หัวหน้าสีโบกมือ “ขนาดยาตะวันตกยังรักษาไม่ได้ ยาจีนจะรักษาได้ดีได้อย่างไร อย่าไปสนใจเลย”
คุณนายสีกล่าวอย่างจริงจัง “คุณหมอเหรินไม่ใช่แพทย์แผนจีนธรรมดา เป็นศาสตราจารย์เชียวนะคะ”
หัวหน้าสีตะคอกอย่างเย็นชา “ศาสตราจารย์แล้วยังไง? ยาจีนเป็นเพียงเรื่องโกหก ไม่เคยรักษาใครให้หายได้ มีแต่ทำลายชีวิต”
“ฉันไม่คิดว่าคุณหมอเหรินจะโกหกหรอกค่ะ” คุณนายสีเถียง “เขาจับชีพจรคุณและเขาก็พูดตรงตามการวินิจฉัยของแพทย์แผนตะวันตกเป๊ะ”
หัวหน้าสีดูถูก “มันเหมือนกับการวินิจฉัยทางการแพทย์ของตะวันตก นั่นก็แสดงว่าศาสตราจารย์แพทย์แผนจีนเป็นคนโกหก”
คุณนายสีฉงน “คุณพูดอย่างนั้นได้อย่างไร?”
“ต้องเป็นเพราะเสี่ยวหลินแอบหาคนมาตรวจอาการของผมแน่ แล้วก็เอาไปบอกอาจารย์แพทย์แผนจีน แพทย์แผนจีนแก่ ๆ คนนั้นกล้าเล่นตลกต่อหน้าผมเหมือนกับแพทย์แผนจีนคนอื่น ๆ หากยาจีนดีขนาดนั้น ใคร ๆ ก็ไปหาแพทย์แผนจีนกันหมดแล้ว ไม่ไปหาแพทย์ตะวันตกหรอก และในความเป็นจริง คนป่วยมากมายก็ต่างไปพบแพทย์แผนตะวันตก น้อยคนนักที่จะเห็นแพทย์แผนจีน”
เขาชักสีหน้าอย่างเห็นชัด “ผมคิดว่าเสี่ยวหลินเป็นเด็กที่จริงใจ แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะมีแผนการที่แยบยลถึงขนาดนี้!”
คุณนายสีเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหัวและกล่าว “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะคะ หากเสี่ยวหลินแอบสอบถามเกี่ยวกับอาการของคุณอย่างลับ ๆ และบอกศาสตราจารย์เหริน มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ได้ว่าแผลในกระเพาะอาหารของคุณเน่าเสียตรงไหน คุณเป็นโรคนี้มาหลายปี คุณไม่รู้เหรอว่าแผลในกระเพาะอาหารของคุณอยู่ตรงจุดไหน?”
หัวหน้าสีนิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าแผลในกระเพาะอาหารของเขาอยู่ที่ใด
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ขอดูประวัติทางการแพทย์และใบตรวจของผมหน่อย”
หลังจากที่หัวหน้าสีตรวจสอบเวชระเบียนและใบตรวจอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกล้ำ
หากแผ่นฟิล์มเอกเรย์บ่งบอกว่ามีแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์จะเขียนตำแหน่งเฉพาะของแผลในกระเพาะอาหารลงในใบตรวจ
อย่างไรก็ตามในเวชระเบียนไม่ได้เขียนไว้อย่างละเอียด ระบุเพียงว่ามีรอยโรค
แม้ว่าหลินม่ายจะแอบส่งคนไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอาการของเขา แต่ก็สามารถค้นหาเนื้อหาของเวชระเบียนได้ในแผนกเวชระเบียนของโรงพยาบาลเท่านั้น
ผลลัพธ์และฟิล์มเอกซเรย์ต่าง ๆ จะไม่ถูกเก็บถาวรในแผนกเอกสารสำคัญ ดังนั้นจึงไม่สามารถค้นหาได้
แต่คุณหมอเหรินสามารถบอกตำแหน่งของแผลได้แม่นยำมาก หรืออาจเป็น… ฝีมือที่แท้จริงของเขา?
คุณนายสีพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ ฉันจะลองดู คุณต้องให้ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นฉันจะเทยาลงในหม้อและเผาไปพร้อมกับคุณจนตาย!”
หัวหน้าสีเงียบ และพยักหน้าเห็นด้วยจากใจจริง
โรคกระเพาะรุมเร้าเขามาหลายปี เขายังต้องการรักษาหมอที่ดีมาช่วยรักษาอาการนี้ให้หายขาด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หมอฝีมือเทพมาก ตรวจชีพจร ดูลักษณะภายนอกแล้วบอกได้หมดเลยว่ารอยโรคอยู่ตรงไหน
ไหหม่า(海馬)