ตอนที่โทริโกะแวะไปเข้าห้องน้ำ ฉันก็เรียกเก็บเงินตอนนี้ก็เลย 2 ทุ่มมานิดหน่อย เพราะเรามาถึงที่นี่เร็ว ก็เลยเลิกเร็วเหมือนกัน
“ขอโทษที่ให้รอ”
โทริโกะกลับมาที่โต๊ะแล้ว ดูเหนื่อยนิดหน่อยด้วย
“ฟิ่ว กินไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย แล้ว ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
“9,504 เยน”
TN: ตีคร่าวๆ ก็ประมาณ 2,200 บาทกว่าๆ ครับ
ครั้งนี้ โทริโกะไม่ได้หลับแบบคราวก่อนก็จริง แต่เธอก็ยังสั่งมาเยอะไปอยู่ดี แล้วก็กินไม่หมดด้วย ฉันก็เลยต้องพยายามกินส่วนที่เหลือให้หมด นี่ถ้าเธอยั้งตัวเองไว้ซักหน่อย ก็คงประหยัดไปได้ซักพันเยนล่ะมั้ง แถมเธอก็ดื่มแบบไม่ยั้งตัวเองเลยด้วยเนี่ยสิ
“พวกเรากินไปแพงเหมือนกันเนอะ”
“อย่าพูดเหมือนไม่ใช่ปัญหาของเธอสิ”
ฉันเอ็ดใส่เธอกลับไป
ฉันไม่รู้ของทางโทริโกะหรอกนะ แต่สำหรับนักเรียนจนๆ อย่างฉันเนี่ย นี่ไม่ใช่ปริมาณเงินที่ควรจะเอามาจ่ายในมื้อๆ เดียวเลย ฉันมีเงินอยู่ในมืออยู่ก็จริงตอนนี้ แต่ก็มาจากแหล่งที่ลำบากมาก แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาผลาญใช้แบบนี้ด้วย เธอนี่ กลับกันเลย…
พอโทริโกะเห็นนั่งโยกไปเยกมานิดหน่อยอยู่ตรงที่นั่งของเธอ ฉันก็มองดูเธอแบบสงสัย
“เธอไหวใช่มั้ย? จะกลับบ้านคนเดียวได้เหรอเนี่ย?”
“Probably… Maybe! (ก็อาจจะ… มั้งนะ!)”
โทริโกะยืนยันกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับที่ตัวโอนซ้ายเอนขวา
ในตอนที่ฉันคิดว่า อ้อ หรอ? พนักงานในร้านคนนึงก็เอาเงินทอนมาให้พวกเราพอดี เขาวางใบเสร็จกับเหรียญลงกับโต๊ะ ก่อนจะพูด
“กลัวจะถูกรัดคอ แล้วอีกาน้ำมันกำลังจะมา”
…เหมือนเขาจะว่าแบบนั้นนะ
“หา?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ไม่เข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไรกันแน่
“อีกาน้ำมันกำลังมา”
เขาพูดซ้ำแบบเดิมอีกรอบนึง น่ารำคาญชะมัดเลย พอสังเกตดีๆ เขาถือเครื่องพ่นไฟอันก่อนหน้านี้อยู่ด้วย
“ใช่…”
ฉันพยักหน้าให้นิดๆ ไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วพนักงานคนนั้นก็หันเดินกลับเข้าไปในครัว
“เฮ่ ฉันต้องช่วยจ่ายแค่ไหนเหรอ?”
“4,752 เยน… ว่าแต่ เมื่อกี้ เธอเข้าใจหรือเปล่าว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรน่ะ?”
“หืม? ไม่ได้ฟังน่ะ”
หูฝาดไปเองเหรอ? ฉันลุกขึ้นยืน เอียงคออย่างสงสัย เดินตรงไปที่ทางออก
จังหวะที่ฉันเปิดประตูเลื่อนออก เลยโดนออกมาข้างนอก ฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่าภาพที่มองเห็นมันเบลอๆ มองไม่ชัด ทันทีที่ปิดประตูร้าน จู่ๆ ก็มีเสียงเห่าแหลมดังมาจากในครัวขึ้นมาเฉยเลย
“เมื่อกี้มีอะไรเห่าโฮ่งหรือเปล่า?”
โทริโกะก็หันหลังขวับไปเหมือนกัน ประตูของร้านเหล้าปิดไปแล้ว หลังประตูไม้ขัดที่มีกระจกฝ้าก็มีเสียงหัวเราะระเบิดดังออกมาเลย มีเสียงแก้วแตกดังลั่น และเสียงหัวเราะก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก
ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆ นี่ฉันเมาเหรอ? โทริโกะน่ะอาจจะใช่ แต่ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้นนะ
ข้างนอกมันเงียบฉี่เลย ไม่มีเสียงรถราเลยซักนิด ไม่เคยคิดเลยว่าชินจุกุเวลาแบบนี้จะเงียบได้ขนาดนี้เลยนะ ในความมืดมิด ฉันก็เห็นแสงสว่างจากร้านค้าและป้ายไฟมากมายเรืองอยู่จางๆ ที่มุมสายตา
“โซราโโโอ สถานีไปทางไหนน้า?”
“ทางนั้นๆ ตั้งสติเอาไว้หน่อยสิ”
แถม ดูเหมือนว่าฉันเองก็เมาอยู่พอควรเหมือนกันนะ รู้สึกเวียนหัวจัง กลับบ้านแล้วพุ่งไปนอนทันทีเลยดีกว่าแฮะ
แต่ ก็นะ… ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้นหรอก เพราะมาดื่มกับโทริโกะก็สนุกมากเลย ถึงสุดท้าย เราจะไม่ได้คุยอะไรที่มีสาระกันเลยซักอย่างก็เถอะนะ
“หืม? นี่มันชักจะมืดๆ มั้ยเนี่ย?”
โทริโกะถามขึ้นมา
“อาจจะเป็นนโยบายประหยัดไฟหรือเปล่า?”
“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมืดขนาดนี้เลยนี่”
ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินกันแบบเมาโซเซนิดหน่อย ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ เลย
พวกเราไปไม่ถึงสถานีซักที
แปลกจัง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ที่นี่ชินจุกุนะ
เย็นวันศุกร์ในย่านธุรกิจเนี่ยนะ แต่กลับมีแค่พวกเราที่อยู่แถวๆ นี้ แถมยิ่งกว่านั้น บางจุดบนถนนที่พวกเราอยู่ก็เปลี่ยนจากพื้นยางมะตอยเป็นทางดินที่แหวกหญ้าสูงระดับเอวด้วย
“อ๊า โซราโอะ เธอพาเรามาผิดทางแล้วเนี่ย ใช่มั้ย?”
“นั่นไง มาโทษฉันอีก… แต่เดี๋ยวนะ ชินจุกุนี่มันชนบทขนาดนี้เลยเหรอ?”
ในที่สุด พวกเราก็หยุด มองดูกันและกัน
“…พวกเราอยู่ที่ไหนเนี่ย?”
และนั่นก็คือเวลาที่มันเกิดขึ้น สายลมกระหึ่มดังระงมอยู่บนฟ้า เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมีเงาขนาดมหึมาทอดเหนือพวกเรา
ด้วยปีกที่กางออกทั้งซ้ายและขวา มันดูเหมือนกับนกเลย ตัวมันสีดำสนิทจนฉันมองรายละเอียดมันไม่เห็น พอปีกคู่นั้นที่ใหญ่พอๆ กับปีกของเครื่องบินจัมโบ้เจ็ทนั่นกระพือช้าๆ ลมที่ใต้ปีกของมันก็กระแทกกับพื้นจนหญ้าก็ถูกตบจนติดดิน พร้อมกลิ่นของน้ำมันที่ลอยมาเตะจมูกของฉัน
พวกเรามองตามเงาของนกตัวนั้นที่เป็นเหมือนรอยเปื้อนบนท้องฟ้ายามค่ำคืนบินจากไป ตึกรามบ้านช่องของชินจุกุก็หายไปแล้วตอนนี้ แสงไฟให้เห็นซักนิดก็ไม่มีให้เห็นเลย
พวกเรารู้จักที่นี่
ถึงจะยังไม่ชัดเท่าไหร่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่… พวกเรามาอยู่ที่โลกเบื้องหลังแล้ว ตอนกลางคืนด้วย
TN: อืม เจริญละ
ถ้าโผล่มาเป็นแค่ 2 คนนี้แค่เมากันไปเองจะฮามาก 555