Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 123 จะเป็นเจ้าบ่าวหรือถูกส่งไปตาย! (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​หน้าแดง​เล็กน้อย​ หลังจาก​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ เธอ​ก็​กัด​ริมฝีปาก​และ​เข้าไป​ใน​กระโจม​เช่นกัน​ เมื่อ​นั่งลง​ตรงข้าม​กับ​โจว​เหว่​ย​ชิงที่​กำลัง​นั่งขัดสมาธิ​ หญิงสาว​ก็​เริ่ม​ฝึก​ปราณ​บ้าง​ แต่​ก็​ยัง​ต้อง​ทำให้​มั่นใจ​ว่า​ตัวเอง​นั่ง​ห่าง​จาก​อีก​ฝ่าย​มาก​ที่สุด​

ใน​กระโจม​ถูก​โจว​เหว่​ย​ชิงทำความสะอาด​และ​ถ่ายเทอากาศ​เรียบร้อย​แล้ว​ แม้ว่า​ข้างใน​จะมีขนาดเล็ก​ แต่​ก็​ยัง​ค่อนข้าง​สะอาดสะอ้าน​และ​สะดวกสบาย​ อย่างไรก็ตาม​ เพียงแค่​นั่ง​อยู่​ใน​พื้นที่​เล็ก​ๆ แห่ง​นี้​ พวกเขา​ก็​ยัง​สามารถ​ได้ยิน​เสียง​หัวใจ​ของ​กันและกัน​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​รู้สึก​ร้อน​บน​ใบหน้า​จน​แทบ​ไหม้​

ในที่สุด​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ก็​ลอก​หน้ากาก​ออก​อย่าง​ระมัดระวัง​โดย​เริ่ม​จาก​บริเวณ​ลำคอ​ ในที่สุด​หญิงสาว​ก็​เผย​ใบ​หน้าเดิม​ของ​เธอ​ออกมา​ ผิวขาว​เนียน​กำลัง​แดง​ระเรื่อ​อยู่​เล็กน้อย​

อนิจจา​ ปัจจุบัน​โจว​เหว่​ย​ชิงไม่อาจ​เข้าร่วม​เป็น​สักขีพยาน​ความงดงาม​ของ​หญิงสาว​ได้​เพราะ​เขา​กำลัง​นั่งขัดสมาธิ​ฝึก​ปราณ​วิชา​เทพ​อมตะ​ขณะที่​ครุ่น​คิดถึง​กองพัน​นักเลง​

จาก​คำอธิบาย​ของ​เซินปู้​ ไม่ต้องสงสัย​เลย​ว่า​กองพัน​นักเลง​จะต้อง​เป็น​จุดเริ่มต้น​ที่​ดี​ที่สุด​สำหรับ​เขา​ นั่น​เป็น​เพราะ​มัน​แยก​ออกจาก​การ​บัญชาการ​กองทัพ​รูปแบบ​ปกติ​และ​ไม่ต้อง​รับ​คำสั่ง​จาก​เบื้องบน​มาก​นัก​ ใน​สายตา​ของ​คนอื่น​ ที่นั่น​ไม่ถือว่า​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​กองทัพ​ด้วยซ้ำ​ ยิ่งไปกว่านั้น​ สำหรับ​คน​ที่​ถูก​ส่งไป​ยัง​กองพัน​นักเลง​ อย่าง​น้อย​พวกเขา​ก็​ต้อง​แข็ง​ แกร่ง​แน่นอน​ เพราะ​ถึงอย่างไร​มัน​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ที่จะ​เอาตัวรอด​ท่ามกลาง​เหล่า​อันธพาล​หรือ​นักโทษ​ด้วยกัน​อยู่แล้ว​

เช่นเดียวกับ​ที่​เซินปู้​ได้​กล่าว​ไว้​ กองพัน​นักเลง​นี้​ไม่อาจ​ควบคุม​ได้​ง่ายๆ​ และ​เขา​ต้อง​วางแผน​รับมือ​ในกรณีที่​เกิด​เหตุการณ์​เลวร้าย​ที่สุด​ขึ้น​ด้วย​

มู่เอิน​เคย​สอน​โจว​เหว่​ย​ชิง ไม่ว่า​จะเกิด​อะไร​ขึ้น​เขา​ต้อง​คำนึงถึง​ผลลัพธ์​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​ก่อน​เสมอ​ หาก​เขา​รู้สึก​ว่า​สถานการณ์​ที่​กำลัง​ดำเนิน​อยู่​ไม่เป็นไปตาม​แผน​ หรือ​ยาก​ที่จะ​เอาชีวิต​รอด​กลับ​ไป​ได้​ เขา​ก็​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​มัน​อย่าง​กล้าหาญ​เท่านั้น​ หาไม่​แล้ว​ เขา​ก็​คง​ต้อง​ต้อง​พิจารณา​แผนใหม่​อีกครั้ง​

สำหรับ​การเข้าสู่​กองพัน​นักเลง​ สถานการณ์​ที่​เลวร้าย​ที่สุด​สำหรับ​เขา​คือ​ถูก​ขับไล่​ออกมา​ โจว​เหว่​ย​ชิงไม่ได้​คิดถึง​ความเป็นไปได้​ที่จะ​ถูก​ฆ่าที่นั่น​เลย​ นอกเหนือจาก​ความมั่นใจ​ใน​พลัง​ของ​ตัวเอง​แล้ว​ เขา​ยังมี​หมี​สวรรค์​วิญญาณ​น้ำแข็ง​ 2 ตัว​และ​จักรพรรดิ​สีเงิน​อยู่​กับ​เขา​ และ​นั่น​ก็​ยัง​ไม่นับ​รวม​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ด้วยซ้ำ​ โจว​เหว่​ย​ชิงมั่นใจ​ว่า​การปกป้อง​ตัวเอง​จะไม่เป็นปัญหา​สำหรับ​เขา​

ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​มอง​ไป​ที่​โจว​เหว่​ย​ชิงเงียบๆ​ อันธพาล​คน​นั้น​เริ่ม​ฝึก​ปราณ​โดย​ไม่ได้​เหลือบมอง​เธอ​แม้แต่น้อย​ เขา​กำลัง​เขิน​หรือ​อะไร​แน่​? หึ​! ถ้าหาก​เจ้าคน​หน้าด้าน​คน​นั้น​ขี้อาย​ บน​โลก​นี้​ก็​คงจะ​ไม่มีใคร​ขี้อาย​แล้ว​! “ฮึ่ม! ไอ้​คน​เจ้าเล่ห์​!” หญิงสาว​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​เบา​ๆ

ก่อน​เข้าไป​ใน​กระโจม​ เธอ​ก็​ยังคง​กังวล​ว่า​โจว​เหว่​ย​ชิงอาจ​พยายาม​ทำ​บางสิ่ง​ที่​ไม่ดี​กับ​ตัวเอง​ อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​เห็น​เขา​ไม่ทำ​อะไร​เลย​ เธอ​ก็​อด​รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ไม่ได้​ นี่​เป็น​ความขัดแย้ง​ภายในใจ​ของ​ผู้หญิง​อย่าง​แท้จริง​ ภายใต้​สถานการณ์​เฉพาะ​เช่นนี้​ พวก​เธอ​มักจะ​มีความรู้สึก​แปลกประหลาด​เกิดขึ้น​

คืนนี้​จะพิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า​โจว​เหว่​ย​ชิงสามารถ​ประพฤติ​ตัวดี​ได้​ และ​เขา​ก็​ฝึก​ปราณ​ตลอด​ทั้งคืน​จนกระทั่ง​ดวงอาทิตย์​โผล่​พ้น​ขอบฟ้า​ขึ้น​มาทาง​ข้างนอก​

กระโจม​หลัง​นี้​ไม่มีคุณสมบัติ​ ‘ป้องกัน​’ แสงแดด​เลย​แม้แต่น้อย​ พอ​ย่ำ​เช้า ภายใน​กระโจม​ก็​สว่างจ้า​และ​ร้อน​อบอ้าว​เช่นกัน​

ทันทีที่​โจว​เหว่​ย​ชิงลืมตา​ขึ้น​ เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ตก​อยู่​ใน​สภาวะ​สับสน​มึนงง​ ตรงหน้า​เด้​กห​นุ่ม​คือ​ใบหน้า​คุ้นเคย​ที่​เขา​โหยหา​มานาน​ ทั้งหมด​นั้น​ทำให้​ดวงตา​ของ​เขา​พลัน​หยุดนิ่ง​ไม่ไหวติง​

แสงที่​ลอดผ่าน​กระโจม​ตก​กระทบ​บน​ใบหน้า​ของ​หญิงสาว​ เป็นประกาย​อ่อนโยน​ที่​ขับ​เน้น​ให้​เห็น​ใบ​หน้าที่​คุ้นเคย​! หัวใจ​ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงร้อนผ่าว​และ​เขา​ก็​โน้ม​กาย​ไป​ข้างหน้า​โดยไม่รู้ตัว​

ดวงตา​ที่​ปิด​สนิท​พลัน​เบิก​กว้าง​ พร่ามัว​เล็กน้อย​ด้วย​ความ​ง่วงงุน​ อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​หญิงสาว​เห็น​ใบหน้า​ขนาดใหญ่​ใกล้​เข้ามา​ เธอ​จึงอุทาน​ด้วย​ความประหลาดใจ​ทันที​และ​ร่างกาย​ก็​ขยับ​กวาด​ขาออก​ไป​โดยไม่รู้ตัว​

ขา​ข้าง​หนึ่ง​ฟาด​เข้าที่​หน้าอก​ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงท่ามกลาง​ความรู้สึก​เสน่หา​ที่​ปะทุ​ขึ้น​ เช่นนี้​เด็กหนุ่ม​จะทัน​เตรียมตัว​ได้​อย่างไร​ เกิด​เสียง​ฉีกขาด​ดัง​แค​ว่ก​ จากนั้น​เขา​ถูก​เตะ​ส่งทะลุ​ผ่าน​ผ้า​กั้น​บาง​ๆ และ​ลอย​ออก​นอก​กระโจม​ไป​

*สวบ​* ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​พุ่ง​ออก​ไป​ตามหลัง​ ลูก​เตะ​ก่อนหน้านี้​ไม่ใช่การ​โจมตี​เบา​ๆ ทว่า​ก็​ไม่มีพลัง​ปราณ​สวรรค์​ปะปน​อยู่​ด้วย​

“อ้วน​น้อย​โจว​! เจ้ากำลังจะ​ทำ​อะไร​!?” ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​จ้องมอง​เขา​อย่าง​โกรธเกรี้ยว​ขณะที่​เด็กหนุ่ม​หยัด​ตัว​ขึ้น​จาก​พื้น​พลาง​ลูบ​หน้าอก​ของ​ตนเอง​

โจว​เหว่​ย​ชิงยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​และ​กล่าวว่า​ “เอ่อ​…ข้า​จำคน​ผิด​…ข้า​ไม่ได้​ตั้งใจ​นะ​”

จำคน​ผิด​? แต่เดิม​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ไม่ได้​โกรธ​มาก​ขนาด​นั้น​ เพราะ​ถึงอย่างไร​เธอ​ก็​ยัง​ไม่ได้​ถูก​จูบ​ และ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะทำ​ลง​ไป​จริงๆ​…เช่นนั้น​…มัน​ก็​ไม่เหมือนกับ​ครั้งแรก​อยู่แล้ว​…อนิจจา​ เมื่อ​โจว​เหว่​ย​ชิงพูด​คำ​ว่า​ ‘จำคน​ผิด​’ มัน​ก็​เหมือนกับ​การ​จุด​ระเบิด​ใน​ตัว​เธอ​ขึ้น​มา

ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​พลัน​พุ่ง​เข้าหา​เขา​อย่าง​ดุร้าย​ราวกับ​เสือ​ตัวเมีย​ “ไอ้​เจ้าอันธพาล​! คนสารเลว​! ข้า​จะตี​จน​คนอื่น​จำเจ้าผิด​เหมือนกัน​…!”

เกิด​เสียง​กระแทก​ดัง​โครม​ขณะ​เจ้าหนู​น้อย​ที่รัก​ของ​เรา​ตก​กระทบ​พื้น​ แต่​เขา​ก็​ไม่กล้า​ร้อง​ออกมา​เสียงดัง​ ใน​ตอนนี้​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ไม่ได้​กำลัง​ปลอมตัว​อยู่​และ​เด็กหนุ่ม​ก็​ไม่ต้องการ​ดึงดูด​ความสนใจ​มากเกินไป​ หาก​ใคร​พบเห็น​พวกเขา​เช่นนี้​ สิ่งที่​ทำ​มาทั้งหมด​ก็​จะต้อง​พังพินาศ​แน่​

อย่างไรก็ตาม​ หลังจาก​อดทน​มาระยะ​หนึ่ง​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​ไม่อาจ​ทน​ได้​อีกต่อไป​ แม้ว่า​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​จะไม่ได้​ใช้พลัง​ปราณ​สวรรค์​ แต่​ด้วย​ความโกรธ​ เธอ​จึงยัง​ค่อนข้าง​โหดเหี้ยม​ โยน​เขา​ออก​ไป​รอบด้าน​จน​มึนงง​ไป​หมด​

“พอได้​แล้ว​ เจ้าจะบ้า​เหรอ​! นี่​เป็น​เพียง​เรื่อง​ผิดพลาด​ ข้า​บอก​แล้ว​ว่า​จำผิดคน​!”

*ปั่ก*​ “ข้า​จะปล่อย​ให้​เจ้าจำผิด​ต่อไป​!”

“ท่าน​วีรสตรี​ผู้ยิ่งใหญ่​…ได้​โปรด​มีเมตตา​…พอ​เถิด​!”

*ปั่ก*​

*ตูม​* *ปัง​*

“ฮึ่ม! หาก​ราชสีห์​ไม่แสดง​พลัง​ เจ้าก็​จะคิด​ว่า​ข้า​เป็น​แค่​แมว​ป่วย​ต่อไป​!” โจว​เหว่​ย​ชิงทนไม่ไหว​อีกแล้ว​ เขา​จึงชิงตะโกน​ออกมา​

ทักษะ​หน่วงเวลา​สมบูรณ์​ ทักษะ​โซ่ตรวน​วายุ​ ทักษะ​สัมผัส​มืด​ และ​ทักษะ​สายฟ้า​แห่ง​หายนะ​ ทั้ง​ 4 ทักษะ​ทะยาน​สู่ร่าง​ของ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​เกือบจะ​พร้อมกัน​ทันที​

ด้วย​ความโกรธ​ ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​จึงลืม​ไป​โดยสิ้นเชิง​ว่า​นี่​ไม่ใช่การต่อสู้​ตามปกติ​ระหว่าง​เธอ​กับ​โจว​เหว่​ย​ชิงที่​ทั้งคู่​ไม่ได้รับอนุญาต​ให้​ใช้ทักษะ​กักเก็บ​ แม้ว่า​ระดับ​พลัง​ปราณ​ของ​เธอ​จะสูงกว่า​โจว​เหว่​ย​ชิง แต่​เนื่องจาก​ถูก​จู่โจมกะทันหัน​ หญิงสาว​จึงรับ​ทักษะ​อัน​ทรงพลัง​ทั้ง​ 4 ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงเข้าไป​เต็มๆ​ และ​ร่างกาย​ก็​พลัน​แข็งทื่อ​ในทันที​

เมื่อ​ฉวยโอกาส​จู่โจมได้​สำเร็จ​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​คว้า​ตัว​เธอ​ไว้​ มือซ้าย​ของ​เขา​ดัน​ที่​หลัง​คอ​ของ​อีก​ฝ่าย​และ​ยึด​ให้​อยู่กับที่​ จากนั้น​เขา​ก็​พาด​ตัว​เธอ​ลง​ไป​ที่​ขา​ แล้ว​ฟาด​ฝ่ามือ​ลง​ที่​บั้นท้าย​ทันที​

“ฮึ่ม! ข้า​จะแสดง​ให้​เจ้าเห็น​ว่า​หาก​ทุบตี​ข้า​โดย​ไม่มีเหตุผล​ นี่​จะเป็น​สิ่งที่​เจ้าต้อง​ชดใช้​ ข้า​จะสะสางหนี้​เดี๋ยว​นี้แหละ​!”

ตอนแรก​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ยัง​พยายาม​ดิ้นรน​ขัดขืน​ ทว่า​กระดูกสันหลัง​ก็​เป็น​ศูนย์กลาง​การควบคุม​หลัก​ของ​ร่างกาย​ และ​เมื่อ​ถูก​อีก​ฝ่าย​กำ​เอาไว้​ได้​ เธอ​จึงไม่สามารถ​ใช้พละกำลัง​ใดๆ​ ต่อต้าน​ หลังจาก​ถูก​ตบ​ก้น​ไป​สอง​สามครั้ง​ หญิงสาว​ก็​หยุด​ดิ้นรน​และ​นอน​นิ่ง​บน​ตัก​ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงแต่​โดยดี​

อันที่จริง​มีเพียง​การ​ฟาด​ 3 ครั้งแรก​เท่านั้น​ที่​ใช้พลัง​ไป​บางส่วน​ และ​เมื่อ​การ​ลงทัณฑ์​ดำเนินต่อไป​ มัน​ก็​ยิ่ง​อ่อนโยน​และ​นุ่มนวล​ขึ้น​เรื่อยๆ​ สำหรับ​สาวงาม​แล้ว​ ‘ความต้านทาน​’ ของ​เขา​ก็​มักจะ​อยู่​ใน​ระดับ​ต่ำ​เสมอ​ นับประสาอะไร​กับ​ ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ เขา​จะทำร้าย​เธอ​รุนแรง​ได้​อย่างไร​

หลังจาก​ฟาด​มือ​ไป​ประมาณ​ 10 กว่า​ครั้ง​ ร่างกาย​ของ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ก็​สั่นสะท้าน​เล็กน้อย​ โจว​เหว่​ย​ชิงชะงัก​ไป​ มือ​ของ​เขา​แข็งทื่อ​ขึ้น​ใน​อากาศ​ขณะที่​ได้ยิน​เสียงร้อง​สะอื้น​ของ​อีก​ฝ่าย​

“…ทำไม​เจ้าถึงร้องไห้​เช่นนี้​ เจ้าโยน​ข้า​ไป​ทั่ว​แถมยัง​ต่อย​ข้า​อีก​ ข้า​ยัง​ไม่ร้องไห้​เลย​…” โจว​เหว่​ย​ชิงมอง​ไป​ที่​ซ่าง กวน​เฟยเอ๋อร์​อย่าง​กระดากอาย​ด้วย​ไม่รู้​จะทำ​อย่างไร​ต่อไป​ดี​ เขา​ปล่อยมือ​จาก​การ​เกาะกุม​อย่าง​รวดเร็ว​

“ไอ้​…ไอ้​คนสารเลว​” ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ลุกขึ้น​อย่าง​กะทันหัน​ เตะ​เขา​ล้ม​ก่อน​จะวิ่ง​กลับ​เข้าไป​ใน​กระโจม​อีกครั้ง​

โจว​เหว่​ย​ชิงเกา​หัว​ พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ “ข้า​ไม่ใช่คน​ที่​โดน​ทุบตี​มากกว่า​เจ้าหรือ​! ปีศาจ​น้อย​แห่ง​วัง​สวรรค์​ไพศาล​ผู้​นี้​สมกับ​ฉายา​ของ​ตนเอง​อย่าง​แท้จริง​ นี่​เพื่อ​อะไร​กัน​แน่​?”

ขณะที่​โจว​เหว่​ย​ชิงกำลังจะ​เดิน​กลับ​ไป​ที่​กระโจม​บ้าง​ ทว่า​กองทหาร​ก็​เดินผ่าน​มาพอดี​ พวกเขา​เป็น​ทหารคุ้มกัน​ส่วนตัว​ของ​เซินปู้​กลุ่ม​เมื่อวาน​นั่นเอง​

คน​ที่อยู่​ด้านหน้า​ถือ​ชุด​เกราะ​เข้ามา​ โดย​มีหมวก​ประดับ​ขนนก​สีแดง​วาง​ทับ​อยู่​ด้านบน​ ทหาร​ที่อยู่​ข้าง​หลังเขา​ถือ​เครื่องแบบ​ทหาร​มาหลาย​ชุด​ เช่นเดียวกับ​ตรา​ของ​ผู้บังคับบัญชา​ แผ่น​ป้าย​ประจำตัว​และ​อื่นๆ​

เมื่อ​เห็น​พวกเขา​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​ไม่ได้​กลับ​ไป​ที่​กระโจม​และ​ยืน​รอ​ที่นั่น​เพื่อ​รอคอย​การ​มาถึงของ​อีก​ฝ่าย​

ทหาร​ที่​นำทาง​เขา​มาเมื่อวาน​นี้​ส่งชุด​เกราะ​ให้​โจว​เหว่​ย​ชิงก่อน​จะพูด​ด้วย​น้ำเสียง​เยาะเย้ย​เล็กน้อย​ “ยินดี​ด้วย​ท่าน​ผู้บัญชาการ​กองพัน​โจว​ วันนี้​ท่าน​ได้​รับมอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้บัญชาการ​กองพัน​นักเลง​ นี่​คือ​เครื่องแบบ​สำหรับ​ท่าน​และ​ผู้ติดตาม​ รวมถึง​อุปกรณ์​ประดับ​ยศ​สำหรับ​ผู้บัญชาการ​กองพัน​ กรุณา​เปลี่ยน​ชุด​ตอนนี้​ด้วย​ พวกเรา​จะพา​ท่าน​ไป​ที่​กองพัน​นักเลง​”

การ​คุ้มกัน​…นี่​คือ​การเฝ้า​ติดตาม​และ​ดูแล​อย่าง​ใกล้ชิด​…เพื่อให้​แน่ใจ​ว่า​เขา​จะถูก​ส่งตัว​ไป​ยัง​กองพัน​นักเลง​จริงๆ​

กระนั้น​ โจว​เหว่​ย​ชิงก็​ไม่ได้​ขัด​ความต้องการ​ของ​พวกเขา​ เด็กหนุ่ม​ยิ้ม​น้อย​ๆ หยิบ​เครื่องแบบ​ของ​กองทัพ​ขึ้น​มาโยน​เข้าไป​ใน​กระโจม​ของ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​สอง​สามชุด​ ส่วนตัว​เขา​ก็​เปลี่ยน​ชุด​โต้งๆ​ ทั้ง​แบบ​นั้น​ก่อน​จะสวม​ชุด​เกราะ​ทับ​ลง​ไป​ รูปร่าง​ของ​โจว​เหว่​ย​ชิงมีขนาด​ใหญ่โต​ และ​การสวม​ชุด​เกราะ​ที่​มีขนนก​สีแดง​ประดับ​หมวก​ก็​ทำให้​เด็กหนุ่ม​ดู​กล้าหาญ​ กระตุ้น​สายตา​ผู้มอง​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​

นอกจาก​ชุด​เกราะ​แล้ว​ยังมี​ดาบ​ยาว​และ​แผ่น​ป้าย​โลหะ​ที่​ทำ​จาก​วัตถุ​ไม่ทราบ​ชนิด​ บน​แผ่น​ป้าย​มีคำ​ว่า​ ‘กองพัน​พิเศษ​’ ซึ่งน่าจะเป็น​ชื่อ​ประเภท​กองทัพ​ที่​แท้จริง​ของ​กองพัน​นักเลง​เขียน​อยู่​

โจว​เหว่​ย​ชิงหยิบ​ตรา​ผู้บัญชาการ​และ​ปลอก​ดาบ​ของ​ตน​มา ภายในใจ​รู้สึก​เสียวแปลบ​ไป​ด้วย​ความรู้สึก​แปลกประหลาด​ ผู้บัญชาการ​กองพัน​…สิ่งต่างๆ​ เปลี่ยนแปลง​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​ ตอนนี้​เขา​เป็น​ผู้บัญชาการ​กองพัน​แล้ว​ ผู้​ที่​ต้อง​รับผิดชอบ​ทหาร​นับ​พัน​นาย​!

ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ออก​มาจาก​กระโจม​พร้อมกับ​สวมหน้ากาก​ปลอมแปลง​ใบหน้า​อีกครั้ง​ รูปร่าง​ของ​หญิงสาว​เพรียวบาง​กว่า​โจว​เหว่​ย​ชิงมาก​ และ​อุปกรณ์​ประจำตัว​ของ​เธอ​ก็​เรียบง่าย​กว่า​เช่นกัน​ นั่น​ก็​คือ​ชุด​ทหาร​ที่​มีเกราะ​หนัง​เบา​สวม​ทับ​พร้อมกับ​ดาบ​ธรรมดาๆ​

มีทหารคุ้มกัน​ทั้งหมด​ 20 คน​และ​พวกเขา​ก็​เคลื่อนตัว​ออก​ไป​เป็น​ขบวน​ล้อม​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ไว้​ตรงกลาง​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​ หัวหน้า​ทหารคุ้มกัน​กล่าวว่า​ “ผู้บัญชาการ​กองพัน​โจว​ ม้าได้​ถูก​เตรียม​ไว้​แล้ว​นอก​ประตู​ใหญ่​ เชิญออก​ไป​ข้างนอก​ด้วยกัน​เถอะ​”

โจว​เหว่​ย​ชิงยิ้ม​น้อย​ๆ และ​พูดว่า​ “อย่าง​น้อย​ก็​ควร​ให้​เรา​ทาน​อาหารเช้า​ก่อน​ออกเดินทาง​ใช่หรือไม่​?”

ทหารคุ้มกัน​กล่าวว่า​ “ข้า​ต้อง​ขอโทษ​ด้วย​ เนื่องจาก​ผู้บัญชาการ​กองพัน​ไม่ได้​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​กรม​ทหาร​ที่​ 16 ของ​เรา​อีกต่อไป​แล้ว​ เรา​จึงไม่ได้​เตรียม​อาหารเช้า​ของ​ท่าน​เอาไว้​”

โจว​เหว่​ย​ชิงพยักหน้า​และ​พูดว่า​ “หึ​ ดี​ ไป​กัน​เถอะ​” เขา​ดึง​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​ ผู้​เห็นได้ชัด​ว่า​กำลังจะ​อารมณ์เสีย​ออก​ไป​ ภายใต้​การ​ ‘คุ้มกัน​’ ของ​ผู้คุม​ทั้ง​ 20 คน​ พวกเขา​จึงเคลื่อนที่​ออก​ไป​ด้วยกัน​เช่นนั้น​

ด้านนอก​กรม​ทหาร​ที่​ 16 มีม้าชั้นดี​ไว้​ถูก​เตรียม​ไว้​แล้ว​ 22 ตัว​ ถึงอย่างไร​กองพัน​นักเลง​ก็​ค่อนข้าง​ห่าง​จาก​ที่นี่​เพราะ​มัน​คือ​แนวหน้า​ของ​สนามรบ​

เมื่อ​ขึ้น​ม้าแล้ว​ ทั้ง​กลุ่ม​ก็​เริ่ม​เคลื่อนตัว​ออก​ไป​ท่ามกลาง​ฝุ่น​คลุ้ง​ และ​ไม่นาน​นัก​พวกเขา​ก็​ควบ​ขี่ม้า​ขึ้นไป​ทาง​ทิศเหนือ​

พี่น้อง​เซินปู้​และ​เซิน​อี้​สวม​ชุด​เกราะ​ประจำตำแหน่ง​ยืน​อยู่​ที่​ประตู​หลัก​ เฝ้าดู​โจว​เหว่​ย​ชิงและ​ซ่างกวน​เฟยเอ๋อร์​จากไป​ คิ้ว​ของ​เซิน​อี้​ขมวด​เล็กน้อย​ขณะ​พูด​ขึ้น​เบา​ๆ “ท่าน​พี่​ พวกเรา​ทำ​เช่นนี้​ถือว่า​มากเกินไป​หรือไม่​? ยังไง​อ้วน​น้อย​โจว​ก็​แข็งแกร่ง​มาก​ เขา​เป็น​บุคคล​เปี่ยม​พรสวรรค์​ที่​หา​ตัว​จับได้​ยาก​จริงๆ​!”

เซินปู้​แค่น​เสียง​อย่าง​เย็นชา​และ​กล่าวว่า​ “มีความสามารถ​แล้ว​อย่างไร​ล่ะ​? ผู้​ที่​มีพรสวรรค์​แต่​ไม่เชื่อฟัง​คำสั่ง​จะใช้ประโยชน์​อะไร​ได้​ใน​กองทัพ​? ปล่อย​ให้​เขา​ถูก​เคี่ยว​กรำ​ใน​กองพัน​นักเลง​สักพัก​ก่อน​เถอะ​ ไม่นาน​เขา​ก็​จะวิ่ง​โร่​กลับมา​ขอร้อง​ข้า​แทบ​ไม่ทัน​ ถึงเวลา​นั้น​ หึๆ​ๆ” เมื่อ​นึกถึง​การกระทำ​ที่​น่ารังเกียจ​ของ​อ้วน​น้อย​โจว​เมื่อวาน​นี้​ เธอ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ถึงความโกรธ​ที่​เพิ่มขึ้น​ใน​ใจ

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท