ตอนที่ 856 ขอความช่วยเหลือ
ไม่กี่วันต่อมา หลินม่ายก็ได้เซ็นสัญญากับหัวหน้าสี ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสพอดี
บังเอิญที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ หลินม่ายกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านในวันหยุด
นอกบ้านหิมะกำลังตกหนัก ขณะหลินม่ายและโต้วโต้วตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยกันในบ้าน
แม้ว่าเธอจะไม่ชื่นชมวัฒนธรรมต่างชาติ แต่ก็ไม่ผิดที่จะบอกให้เสี่ยวโต้วโต้วรู้เรื่องนี้
หลังจากที่แม่และลูกสาวตกแต่งต้นคริสต์มาสแล้ว พ่อไป๋ก็มาพร้อมกับไป๋เหยียนและไป๋เซี่ย
วันนี้ไป๋ลู่กำลังสอบเข้าระดับบัณฑิตศึกษา หล่อนจึงมาไม่ได้
หยางจิ้นติดธุระ จึงมาไม่ได้เช่นกัน
นับตั้งแต่ที่หยางจิ้นกล้าแข็งข้อกับแม่ของเขา ไป๋เหยียนก็มีความสุขมาก
เมื่อก่อนหล่อนกลัวที่จะใส่เสื้อผ้าดี ๆ และเครื่องประดับทอง เพราะกลัวว่าแม่หยางจะมาเห็นและฉวยเอาทุกอย่างไป
แต่ตอนนี้หล่อนสวมเสื้อโค้ทขนสัตว์สำหรับฤดูหนาวในปักกิ่ง สวมต่างหูสีทองสดใส และสร้อยคอทองคำ ดูเหมือนกำลังมีชีวิตที่ดี
เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานไม่อยู่บ้าน พ่อไป๋จึงถามหลินม่าย “จั๋วหรานทำงานล่วงเวลาอีกแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” หลินม่ายพยักหน้า
พ่อไป๋ถามคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเธอด้วยความเป็นห่วง และหลังจากได้ยินเธอบอกว่าทุกอย่างปกติดี เขาก็ไปกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
โต้วโต้วพาเถียนเถียนไปฉลองคริสต์มาส
เถียนเถียนยื่นมือเล็ก ๆ ของหล่อนออกมา หมายจะคว้าของที่แขวนอยู่บนต้นคริสต์มาส
โต้วโต้วหยิบถุงเท้าเล็ก ๆ จากคริสต์มาสและมอบให้หล่อน
ทั้งยังหยิบอมยิ้มสองอันยัดเข้าไปในถุงเท้านั้นด้วย
เถียนเถียนหยิบอมยิ้มสองอันออกมาจากถุงเท้าของหล่อนอย่างงุ่มง่าม และมีความสุขมาก
เนื่องจากหล่อนยังเด็กเกินไป หล่อนจึงสวมเสื้อผ้าหนา ซึ่งทำให้การเดินไม่มั่นคง ดังนั้นหล่อนจึงเดินเตาะแตะไปหาไป๋เหยียนพร้อมกับอมยิ้ม “แม่ อมยิ้ม”
ไป๋เหยียนคว้าเสี่ยวเถียนเถียนและช่วยแกะห่ออมยิ้มสองอันออก อันหนึ่งสำหรับเถียนเถียนและอีกอันสำหรับโต้วโต้ว
เถียนเถียนยัดอมยิ้มเข้าไปในปาก และแม่ของหล่อนก็สั่งให้มอบอมยิ้มอีกอันให้โต้วโต้ว
โต้วโต้วหยิบถุงเท้าอีกอันจากต้นคริสต์มาส และหยิบอมยิ้มสองอันออกมาจากถุงเท้านั้น
หล่อนเก็บอันหนึ่งไว้สำหรับตัวเองและอีกอันสำหรับหลินม่าย ก่อนจะหันมาพูดกับไป๋เหยียน “คุณป้าคะ หนูมีอมยิ้มอยู่แล้ว เก็บไว้ให้น้องเถอะค่ะ”
ไป๋เหยียนจึงยัดอมยิ้มใส่ปาก ภายใต้การจ้องมองอย่างมีความหวังของเสี่ยวเถียนเถียน
เสี่ยวเถียนเถียนยิ้ม หันกลับมาและเล่นกับโต้วโต้ว
หลินม่ายมองดูเด็กน้อยทั้งสองนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กและเล่นกับตุ๊กตาพลางพูดกับไป๋เหยียน “เถียนเถียนกตัญญูต่อพี่มาก”
ไป๋เหยียนยิ้มและพยักหน้า “นั่นสินะ”
หลินม่ายพูดอีกครั้ง “ฉันได้ยินจากพี่สาวรองว่า น้องชายของสามีพี่และภรรยาของเขาอยากได้ร้านขนมของพี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไป๋ลู่โทรมาถามเกี่ยวกับสุขภาพของหลินม่าย และบังเอิญคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว จึงพูดถึงเรื่องครอบครัวของไป๋เหยียน
ว่ากันว่าหยางจิ้นขยายสาขาและเปิดร้านขายขนมอีกร้าน
หยางเซิงและภรรยาต้องการร้านหลักของเขา และสองพี่น้องก็ทะเลาะกันอย่างไม่มีความสุขในเรื่องนี้
ไป๋ลู่กำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบ หลังจากโทรหาหลินม่ายในวันนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
หลินม่ายไม่ทราบผลที่ตามมา เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง
ไป๋เหยียนแค่นเสียง “ หากสองสามีภรรยาคู่นั้นต้องการ พี่เขยของเธอก็ต้องให้พวกเขา กว่าจะมีทุกวันนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่เขยของเธอ และการบริหารจัดการร้านในตอนเริ่มต้นก็ยากลำบาก สองสามีภรรยาคู่นั่นจะมาเอาความสำเร็จของเราไปได้ยังไง! พี่เขยของเธอได้สอนวิธีทำเซาปิ่งให้กับพวกเขาแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”
หลินม่ายแอบชมพี่เขยคนนี้ว่าเป็นคนใจกว้าง
“แล้วน้องชายกับน้องสะใภ้ของเขาล่ะ ยอมให้เป็นแบบนั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ ทั้งคู่สนับสนุนให้คุณย่าของเถียนเถียนโต้เถียงกับเราและยืนยันให้เรายกร้านเก่าให้พวกเขา แต่พี่เขยของเธอก็หยุดพวกเขาทั้งหมดไว้”
ไป๋เหยียนส่ายศีรษะ “พี่เขยของเธอมีชีวิตที่แย่ และมีแม่ที่แปลกประหลาด”
“ชะตากรรมของพี่เขยไม่ได้แย่ตั้งแต่ที่เขาได้พบกับพี่”
เมื่อไป๋เหยียนได้ยินเช่นนี้ หล่อนก็มีความสุข แต่ก็เขินอายเล็กน้อย “เธอเป็นคนเดียวที่พูดแบบนี้ เธอพูดราวกับว่าฉันเป็นดอกไม้งดงาม”
ทั้งครอบครัวกินอาหารฝรั่งในเทศกาลคริสต์มาส
หลินม่ายต้องการทำอาหารตะวันตก แต่ทุกคนไม่ยอมให้เธอทำ โดยบอกว่าท้องของเธอใหญ่ การทำอาหารตะวันตกนั้นเป็นเรื่องยาก และจะลำบากเธอเอาได
ในที่สุดคุณปู่ฟางก็โบกมือและบอกให้คนในครอบครัวออกไปรับประทานอาหารตะวันตกข้างนอก
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกไป เพื่อนบ้านคนหนึ่งก็ตะโกน “เสี่ยวหลิน มีแขกมาหาที่บ้าน”
ไป๋เซี่ยผู้สูงโปร่งและขายาวเดินไปเปิดประตูลานบ้านภายในสองสามก้าว
คู่รักที่มีใบหน้ากังวลปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
หลินม่ายที่ตามมาข้างหลังดูสับสน เธอไม่รู้จักพวกเขา
เธอก้าวไปข้างหน้าและถาม “พวกคุณเป็นใคร?”
ผู้เป็นภรรยากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณคือคุณหลินสินะคะ เราเป็นพ่อแม่ของเผยซู่อวิ๋น เผยซู่อวิ๋นหนีออกจากบ้านและที่ไปฮ่องกง เราเลยอยากจะขอให้คุณช่วยพาซู่อวิ๋นกลับมาหาเรา”
หลังจากที่ภรรยาพูดจบ ทั้งคู่ก็อยากจะคุกเข่าลงเพื่ออ้อนวอนหลินม่าย
แต่พวกเขาถูกหลินม่ายและไป๋เซี่ยรั้งไว้ก่อน
มีลมแรงและหิมะตก หลินม่ายจึงขอให้พ่อและแม่เผยเข้ามาพูดคุยด้านใน
จากคำบรรยายของแม่เผย หลินม่ายเข้าใจถึงรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องนี้ทั้งหมด
หลังจากเทศกาลแฟชั่นฮ่องกงในวันที่ 1 พฤษภาคมสิ้นสุดลง เสิ่นเสี่ยวผิงได้ส่งเผยซู่อวิ๋นกลับไปที่บ้านเป็นการส่วนตัวและมอบหล่อนให้พ่อแม่ของเธอ
พ่อแม่ของเผยซู่อวิ๋นรู้ว่าลูกสาวของพวกเขามีแฟนที่ฮ่องกง หล่อนต้องการที่จะอยู่อาศัยที่ฮ่องกงกับแฟนของหล่อน แต่หลินม่ายบังคับให้เสิ่นเสี่ยวผิงไปส่งหล่อนที่บ้าน
เผยซู่อวิ๋นกลับบ้านได้สองวันและต้องการกลับไปฮ่องกง
หล่อนมีหนังสือเดินทางที่หลินม่ายออกให้อยู่ในมือ ซึ่งยังใช้ได้และสามารถไปฮ่องกงได้
เผยซู่อวิ๋นกำลังมีความรัก พ่อแม่ของหล่อนเข้าใจดี แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากคบกันได้เพียงไม่กี่วัน
พวกเขาเห็นด้วยกับหลินม่ายว่าแฟนชาวฮ่องกงของเผยซู่อวิ๋นอาจเป็นคนหลอกลวง ดังนั้นเผยซู่อวิ๋นจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปฮ่องกง
เผยซู่อวิ๋นทะเลาะกับที่บ้านสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของหล่อนไม่ต้องการปล่อยตนไป หล่อนจึงแอบหนีออกจากบ้านในช่วงครึ่งเดือนแรก
พ่อแม่ของเผยซู่อวิ๋นสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของหล่อนทุกที่ แต่ไม่มีข่าวใด ๆ เลย ราวกับว่าเผยซู่อวิ๋นหนีไปฮ่องกงแล้ว
แต่พวกเขาไม่สามารถไปฮ่องกงได้ พวกเขาจึงต้องแบกหน้าไปหาหลินม่ายและขอความช่วยเหลือจากเธอ
หลินม่ายชงนมมอลต์ร้อนสองแก้วให้พ่อและแม่เผยเป็นการส่วนตัวพลางกล่าว “ฉันไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากฮ่องกงเลย แต่ฉันจะพยายามช่วยพวกคุณค้นหาอย่างสุดความสามารถ แต่ฉันกลัวว่าหากหาไม่เจอ พวกคุณจะตำหนิฉัน”
พ่อและแม่เผยรีบกล่าวทันที “ไม่เลย ไม่มีทาง”
หลินม่ายยิ้ม และรอยยิ้มนั้นแสดงว่าเธอไม่เชื่อสิ่งที่พวกเขาพูด
เธอเป็นมนุษย์มาสองชั่วอายุคนแล้ว และเธอก็เชี่ยวชาญในธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างดี
บางคนพูดคำหวานทุกประเภทเมื่อพวกเขาต้องการขอความช่วยเหลือ
สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นไม่อาจสื่อถึงความปรารถนาในใจที่แท้จริงได้
หลินม่ายไม่อาจแน่ใจได้ว่าพ่อเผยและแม่เผยเป็นคนดี และไม่สามารถรับประกันได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดจะเป็นความจริง
เธอโทรหาเฉินเฟิงต่อหน้าพ่อเผยและแม่เผย และขอให้เขาช่วยตามหาเผยซู่อวิ๋นในฮ่องกง
เฉินเฟิงขอให้เธอส่งแฟกซ์รูปถ่ายของเผยซู่อวิ๋นมาให้
หลินม่ายไม่มีรูปของเผยซู่อวิ๋น
เธอถามพ่อและแม่เผยว่าพวกเขามีรูปของเผยซู่อวิ๋นอยู่หรือไม่
แม่เผยรีบตอบกลับว่า “มีๆๆ!”
หล่อนหยิบรูปถ่ายสองนิ้วของเผยซู่อวิ๋นออกมาจากกระเป๋าและส่งให้หลินม่าย
เพื่อตามหาที่อยู่ของเผยซู่อวิ๋น แม่เผยได้เตรียมรูปถ่ายของลูกสาวไว้มากมาย และส่งทุกคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้
หลินม่ายแฟกซ์รูปถ่ายให้เฉินเฟิงต่อหน้าสามีภรรยา
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในเวลาบ่ายโมงกว่า
หลินม่ายเชิญพ่อและแม่เผยให้รับประทานอาหารตะวันตกด้วยกันกับทั้งครอบครัวของเธออย่างสุภาพ
พ่อและแม่เผยรีบกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไม่ดีกว่า” จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นและกล่าวคำอำลา
หลินม่ายไม่ได้ดูแล จัดอาหาร หรือที่พักให้พวกเขาในวันนี้
เพราะการที่เธอเต็มใจช่วยหาลูกสาวให้พวกเขาก็ถือว่าเป็นการกระทำและการแสดงน้ำใจที่ดีที่สุดแล้ว
หากเธอคอยจัดแจงทุกอย่างและช่วยเหลือพวกเขาในเรื่องอื่น พวกเขาก็จะได้ใจและคิดว่าเธอช่วยเหลือในทุกอย่างได้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
การช่วยคนนี่มันก็ต้องช่วยให้ถูกคนด้วยน่ะนะ ถ้าช่วยผิดคนมันจะกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไป
ไหหม่า(海馬)