ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 230 สยบซือหม่าหลิง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 230 สยบซือหม่าหลิง

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสำนักใหญ่ของพันธมิตรเจ็ดสำนัก ในตอนที่เจ็ดสำนักตัดสินใจสร้างอำนาจสยบสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ผู้ที่สำนักล่าสิ่งแปลกประหลาดส่งมาย่อมไม่ธรรมดา

จะอย่างไรนี่ก็เป็นตัวแทนหน้าตาของสำนักล่าสิ่งแปลกประหลาด

สำหรับสำนักใหญ่แล้วหน้าตาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นี่เกี่ยวกับอันดับและเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ในอนาคตของสำนัก

ผู้อ่อนแอมักจะไม่มีคุณสมบัติอยู่ในโลกที่โหดร้ายใบนี้

ดังนั้นซือหม่าหลิงในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งระดับสร้างฐานของสำนักล่าสิ่งแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นกำลังรบหรือพลังบำเพ็ญของเขา หรือจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้ ด้วยการช่วยเหลือจากสำนักจึงมากมายนัก

ตอนนี้เสียงของเขาฉายความเย็นยะเยือก คำพูดดังสะท้อน แต่นิ้วมาปรากฏข้างหน้าสวี่ชิงใกล้จะถึงเต็มที แต่สิ่งที่รอเขากลับเป็นแววตาที่เย็นชาและการลุกโชนของกองเพลิงในร่างของสวี่ชิง

กำลังรบและพลังบำเพ็ญของสวี่ชิง อีกทั้งประสบการณ์ต่อสู้ล้วนฝึกฝนมาจากการเลี้ยงกู่และการสังการเข่นฆ่า ไม่เหมือนกับซือหม่าหลิง ซือหม่าหลิงล้มเหลวครั้งหนึ่งบางทีอาจจะไม่ตาย แต่ประสบการณ์ในอดีตและศึกตัดสินเป็นตายทุกครั้งของสวี่ชิง หากล้มเหลวครั้งหนึ่งราคาที่ต้องจ่ายคือความตาย

ดังนั้นเขายิ่งสลักผลเก็บเกี่ยวของประสบการณ์ลึกฝังแน่นในหัวใจ!

เพียงพริบตาสวี่ชิงก็ก้าวสู่สภาวะแสงนภาทันที ช่องเวทแปดสิบสองช่องในร่างตอนนี้ลุกไหม้ทั้งหมด ประดุจเตาไฟขนาดยักษ์แปดสิบสองเตา ในขณะที่ปะทุพลังท่วมฟ้า วิหคทองที่อยู่ข้างหลังสวี่ชิงก็แผ่ความร้อนออกมา ไหลวนไปทั่วร่าง ทำให้กำลังรบของเขาถึงระดับไฟชีวิตสี่ดวงในทันที

โดยเฉพาะกายเนื้อที่เพิ่มคววามแข็งแกร่งด้วยเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิทำให้กำลังรบของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นมหาศาล

อีกทั้งตอนนั้นที่เขาสู้กับเหมี่ยวเฉินที่เป็นผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสี่ดวงก็เปิดช่องเวทได้เพิ่มอีกเกือบยี่สิบช่อง พลังเวทในกายมหาศาล ไฟชีวิตลุกไหม้น่าครั่นคร้าม ดังนั้นหมัดที่แปลงมาจากมือขวายกขึ้นก็ปะทุพลังทำลายล้างเกินต้านทานออกมาทันที

หมัดหนึ่งซัดไปที่มือขวาของซือหม่าหลิง

เสียงดังสนั่นสะท้อนก้องฟ้าในเสี้ยวขณะนี้ ในขณะที่น้ำทะเลรอบๆ ระเบิดพวยพุ่ง ดินริมผาแตกทลาย หอบม้วนเป็นคลื่นอากาศบ้าคลั่งโจมตีรอบๆ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซือหม่าหลิงหน้าเปลี่ยนสี ร่างพลันถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ดวงตายิ่งฉายแววเคร่งเครียดออกมา

เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่ากำลังรบของสวี่ชิงจะถึงระดับนี้ในพริบตา อีกทั้งกำลังรบประเภทนี้สำหรับเขาแล้วไม่ปกติมากๆ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงเงื่อนงำอะไร ทุกอย่างในร่างสวี่ชิงเขาสัมผัสได้เพียงไฟอันเข้มข้นเท่านั้น ส่วนอย่างอื่น…ล้วนรางเลือนไปหมด

“เจ้า…”

ไม่รอให้ซือหม่าหลิงพูดจบ ประกายเย็นเยียบในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายวาบ ร่างก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ว่องไวเร็วรี่ ประชิดเข้าไปในพริบตา ยามมือขวายกขึ้นเปลวไฟก็แปลงเป็นกริช ปาดไปที่คอของซือหม่าหลิงอย่างโหดเหี้ยม

จิตสังหารฉายวูบในดวงตาซือหม่าหลิง มือทั้งสองประสานปางมือกดไปที่หน้าอก ในชั่วพริบตาที่กริชของสวี่ชิงปาดมา เขาก็พลันอ้าปาก ส่งเสียงคำรามต่ำ

เสียงคำรามต่ำนี้มีพลังแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่ง เพียงเสี้ยวพริบตาที่แผ่ออกมา ร่างของซือหม่าหลิงก็มีเงาซ้อนทับ สิ่งแปลกประหลาดที่ทั้งร่างเน่าเฟะ สวมชุดคลุมขาดๆ สีดำ พร้อมด้วยไอเย็นเยือกที่แผ่มาอย่างกะทันหัน ก็ลอยออกมาจากร่างของเขาแล้วกระโจนไปหาสวี่ชิงอย่างโหดเหี้ยม

แต่ชั่วขณะต่อมา เจ้าเงาที่อยู่ใต้เท้าสวี่ชิงก็ไหววูบ ก่อเป็นเงาต้นไม้ที่คนนอกมองไม่เห็น อ้าปากใหญ่ยักษ์แล้วดูดอย่างแรง สิ่งแปลกประหลาดตนนั้นเลือนรางไปทันที ขณะเดียวกับที่แตกสลายไปในทันใด สายฟ้าสีดำทางหนึ่งก็พุ่งมาจากข้างๆ อย่างรวดเร็ว คว้าโอกาสพุ่งไปหาซือหม่าหลิง

ภาพนี้ทำให้ซือหม่าหลิงต้องขมวดคิ้ว ในขณะเดียวกับที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เพียงสะบัดมือก็มีเกล็ดสีฟ้าเกล็ดหนึ่งพุ่งออกมา สกัดกั้นเหล็กแหลมสีดำไว้ข้างหน้า ทันทีที่ทั้งสองปะทะกัน เกล็ดนั้นก็แผ่เส้นไหมสีเทานับไม่ถ้วนพันรัดเหล็กแหลมสีดำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้มันถูกสกัดกั้นโดยสมบูรณ์

ทว่าไม่อาจขวางสายฟ้าที่เหล็กแหลมดำปะทุออกมาได้ พวกมันพุ่งโจมตีซือหม่าหลิงทันที

ซือหม่าหลิงกำลังจะหลบ แต่เงาร่างของสวี่ชิงก็ประชิดมาแล้ว มือขวายกขึ้นซัดไปอย่างดุดัน ในร่างของเขาแผ่ทะเลเพลิงร้อนแรงออกมาก่อเป็นเงาฝ่ามือ ซัดไปหาซือหม่าหลิง

เสียงบึ้มดังขึ้น ซือหม่าหลิงใจสะท้านบ้าคลั่ง จำต้องถอยอีกครั้ง แต่ในดวงตากลับฉายแววเหี้ยมเกรียม กำลังโจมตีกลับแต่ในฝ่ามือที่ตบมาจู่ๆ ก็มีเงาวิหคทองตัวหนึ่งพุ่งมา สูบเขาอย่างรุนแรง

“เคล็ดวิชานี้…” ซือหม่าหลิงทั่วทั้งร่างสะท้านบ้าคลั่ง ดวงตาเบิกโพลง ในใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหม ในขณะที่ประสานปางมือที่หน้าอกก็มีผมเป็นกลุ่มๆ พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ผมพวกนี้วนล้อมอยู่ข้างหน้าเขา ห่อหุ้มเขาเอาไว้ทั้งตัว แปรเปลี่ยนเป็นเกราะป้องกัน

ดังนั้นในเสี้ยวพริบตา ซือหม่าหลิงที่ได้รับการป้องกันจากเส้นผมนับไม่ถ้วนก็ถอยหลังไปด้วยพละกำลังของสวี่ชิงพร้อมเสียงดังกึกก้องเลื่อนลั่น ซัดร่วงลงพื้น

สวี่ชิงฉวยโอกาส ไม่หยุดนิ่งแม้เพียงเล็กน้อย ใช้ความเร็วสู้กับความเร็ว หลังจากที่เข้าประชิดก็ซัดหมัดหนึ่งไปทันที

แต่ในเสี้ยวพริบตาที่หมัดของเขาซัดไป ผมเหล่านั้นที่อยู่บนตัวซือหม่าหลิงก็พลันคลายออก พุ่งมาหาสวี่ชิงราวลูกธนู

เสียงฉึกๆ ดังสะท้อน ทะลุร่างของสวี่ชิงไป แต่เขากลับไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว มือขวากลับยกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ คว้าผมพวกนั้นเอาไว้แล้วกระชากอย่างแรง

ซือหม่าชิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ร่างไม่อาจถอยได้แล้ว ในขณะที่ถูกกระชาก ดวงตาของเขาก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม คำรามเสียงต่ำออกมา รอบตัวก็มีเงาสิ่งแปลกประหลาดที่ใบหน้าสีดำคล้ำมีเขี้ยวปรากฏขึ้น กำลังจะลอยออกมาจากร่างเขาพุ่งไปหาสวี่ชิง แต่ตอนนี้สวี่ชิงกลับกระชากร่างของเขามาข้างหน้าแล้ว

เมินเฉยซึ่งสิ่งแปลกประหลาดตนนั้น หลังจากสวี่ชิงเงยหน้าเล็กน้อย ก็โขกไปที่หน้าของซือหม่าหลิงอย่างรุนแรงโดยไม่พูดไม่จา

รูปแบบการต่อสู้ของสวี่ชิงล้วนมีความโหดเหี้ยมเป็นหลักมาโดยตลอด จุดนี้ต่อให้เป็นความบ้าคลั่งอย่างนายกองก็ยังต้องตื่นตะลึง แค่เห็นก็รู้ได้แล้ว

เสียงบึ้มดังขึ้น ซือหม่าหลิงใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด สิ่งแปลกประหลาดหน้าสีดำคล้ำมีเขี้ยวบนร่างก็ถูกกระแทกกลับเข้าไปในร่างของซือหม่าหลิงอีกครั้งจากการโขกของสวี่ชิงครั้งนี้ มันกับเส้นผมระหว่างสวี่ชิงก็แหลกสลายไปหมด

ร่างของซือหม่าหลิงร่วงลงพื้น ตื่นตะลึงกับความเหี้ยมโหดของสวี่ชิง แต่สีหน้าก็ไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย ในดวงตายังคงมีจิตสังหาร มุมปากเผยรอยยิ้มเกี้ยมเกรียมออกมา

“ดูถูกเจ้าไปแล้ว แต่ว่าเมื่อครู่ก็เป็นแค่อบอุ่นร่างกายเท่านั้น”

ระหว่างพูด มือขวาของซือหม่าหลิงก็พลันกดไปที่หว่างคิ้ว ทันใดนั้นร่างของเขาก็ส่งเสียงดังสะท้าน โลกในดวงตาทั้งสอง สิ่งแปลกประหลาดทั้งหมดหายไป สิ่งที่ตามมาคือร่างของเขาปูดนูนขึ้นอย่างผิดปกติไปทั่วทั้งตัว ใต้ผิวหนังมีใบหน้าแปลกประหลาดหน้าแล้วหน้าเล่าปรากฏขึ้น

ในตัวเขาผนึกสิ่งแปลกประหลาดไว้จำนวนมหาศาล ตอนนี้สิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้ดิ้นรนปรากฏขึ้นมา กลิ่นอายของเขาก็ปะทุอยู่ตลอด มองไกลๆ แล้วเหมือนโลกกำลังถูกแผดเผา อุณหภูมิสูงที่ปะทุขึ้นมาทำให้รอบๆ บิดเบี้ยว น้ำทะเลข้างๆ พวยพุ่ง

กระทั่งว่าบนพื้นก็มีรอยแตกระแหง

ความแข็งแกร่งของพลังอำนาจกดดันทำให้พลังที่ปรากฏขึ้นก่อตัวเป็นลมพายุพัดกวาดไปทั่วทุกทิศ ผู้บำเพ็ญกลุ่มนกเขาราตรีและลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี ทุกคนกระอักเลือดออกมา พากันถอยหลังไป สีหน้าล้วนมีแววหวาดกลัว

ก้าวของซือหม่าหลิงก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การสยบพลังเท่านั้น แต่ตอนนี้การลงมืออย่างสุดพลังของเขาก่อให้เกิดระลอกคลื่นพลัง ทำให้คนทั้งหลายไม่เพียงแต่ต้องถอยไปเท่านั้น จิตใจสั่นสะท้าน วิญญาณถูกแผดเผา

บาดเจ็บสาหัสไปทุกคน

ภาพนี้ทำให้จิตใจของคนทั้งหลายเกิดคลื่นยักษ์ โดยเฉพาะเจ้ากรมปราบพิฆาตยอดเขาลำดับหนึ่งและสาม พวกเขาในฐานที่เป็นผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวง ตอนนี้สัมผัสได้ชัดเจนยิ่ง พวกเขาสัมผัสได้ว่าไฟชีวิตในตัวพวกเขาในเสี้ยวพริบตานี้เกิดสัญญาณถูกบังคับให้ดับไป

ต่อให้ก่อนหน้านี้จะรู้ว่าซือหม่าหลิงแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้จิตใจของพวกเขาก็ยังคงเกิดระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง

มีเพียงสวี่ชิงที่สีหน้าเป็นปกติ มองซือหม่าหลิงที่กำลังปะทุพลังบ้าคลั่งอย่างเย็นชา สายตาสงบนิ่งราวผืนน้ำ

“ข้าเกลียดสายตาของเจ้านัก!” ซือหม่าหลิงตอนนี้ดุดันไปทั่วตัว ประดุจผีร้าย กำลังจะพุ่งออกไป

แต่ในตอนนี้เองสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง เนื้อตัวสั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างเป็นสีดำโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความเจ็บปวดที่ไม่เคยมีมาก่อนยิ่งเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในร่างกาย

นั่นคือแมลงสีดำ!

แมลงสีดำตัวเล็กจำนวนมหาศาล นับแต่ชั่วขณะที่สวี่ชิงลงมือก็ลอยอยู่รอบๆ หาโอกาสชอนไชไปในร่างของซือหม่าหลิง สุดท้ายด้วยการลงมือและโจมตีสังหารของสวี่ชิง พวกมันก็ได้โอกาส ชอนไชเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

ยิ่งไปกว่านั้น ในเสี้ยวพริบตาที่เข้าไปในร่างกายได้ก็เริ่มฉีกทึ้งกัดกินอวัยวะภายในของซือหม่าหลิง ขณะเดียวกันก็ปล่อยไอพลังประหลาดจำนวนมหาศาลและพิษร้ายออกมาด้วย

ต้องรู้ว่าต่อให้เป็นหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรในตอนนั้นเมื่อโดนพิษนี้ก็ยังต้องหน้าเปลี่ยนสี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซือหม่าหลิงเลย ในขณะที่จิตใจของเขาตื่นตระหนกหวาดกลัว ใบหน้าสิ่งแปลกประหลาดพวกนั้นที่ปรากฏออกมานอกร่างก็ต่างหน้าเปลี่ยนสีไปด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันนั้นก็ส่งเสียงหวีดแหลมออกมา ยิ่งมีบางตนเหมือนว่าได้รับพลังให้มีชีวิตใหม่ พุ่งออกมาจากกายเนื้อของเขาด้วย

ภาพนี้ทำให้จิตใจของซือหม่าหลิงสั่นสะท้านบ้าคลั่งทันที เขารู้เหตุผล นี่เป็นเพราะในร่างจู่ๆ มีไอพลังประหลาดมหาศาล ทำให้สิ่งแปลกประหลาดที่ตนผนึกเอาไว้เกิดสัญญาณสูญเสียการควบคุม

แล้วยังมีการปะทุของพิษอีก ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวตาลาย ร่างยิ่งอ่อนแรงอย่างรวดเร็ว เขากระอักเลือดออกมาท่ามกลางเสียงร้องน่าสังเวช ดวงตาฉายความตื่นกลัวออกมาเป็นครั้งแรก ร่างถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว คิดจะหนี

ช่วงเวลาที่สวี่ชิงรอก็คือช่วงเวลานี้เอง เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยก้าวไล่ตามไป ขณะที่มือขวาเงื้อขึ้นพลังทั้งร่างก็ปะทุ ข้างหลังมีทะเลเพลิงท่วมฟ้าปรากฏขึ้น สยบไปยังซือหม่าหลิง

“ช่วยข้าด้วย!!” เสียงซือหม่าหลิงแฝงด้วยความตื่นกลัว ถอยหลังพลางคำรามบ้าคลั่ง กลุ่มนกเขาราตรีและสมาชิกกรมปราบพิฆาตที่อยู่รอบๆ ตอนนี้จิตใจต่างหวาดกลัว สายตาที่มองไปทางสวี่ชิงแฝงแววตื่นตะลึง

พวกเขารู้ว่าสวี่ชิงแข็งแกร่ง และเดาได้ว่าสวี่ชิงกล้าเมินซือหม่าหลิงออกคำสั่งจับกุมจะต้องมีสิ่งพึ่งพิงแน่นอน แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ความแข็งแกร่งของสวี่ชิงจะถึงขั้นที่สามารถสยบอัจฉริยะไฟชีวิตสี่ดวงจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ได้ง่ายๆ เช่นนี้

ต้องรู้ว่าช่วงนี้ อัจฉริยะจากพันธมิตรเจ็ดสำนักทั้งหลายท้าประลององค์ชายองค์หญิงยอดเขาต่างๆ รัศมีอำนาจถึงขีดสูงสุด ในขณะเดียวกับที่สยบจนลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตรู้สึกว่าโงหัวไม่ขึ้น ก็จำต้องยอมรับถึงความน่ากลัวของพลังพวกเขา

แต่วันนี้…ทุกอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว

และในตอนนี้เอง จากคำขอความช่วยเหลือของซือหม่าหลิง จากการลงมือของสวี่ชิง เสียงแค่นจมูกก็ดังมาจากที่ไกล สะท้อนก้องไปทั่วสารทิศ เกิดเป็นพลังอำนาจกดดันเป็นระลอกๆ ทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน

“บังอาจนัก!”

จากเสียงที่ดังมา ผู้คุ้มครองของซือหม่าหลิงที่จับตามองการต่อสู้ศึกนี้จากที่ไกลๆ อยู่ตลอดเวลาก็ยืนขึ้นบนหลังคา สีหน้าเย็นชามองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง จะก้าวออกมา

“เจ้าเด็กชั่วช้าสมควรโดนสะกด”

สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนคนนี้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้มือขวายกขึ้นชี้ฟ้า พูดประโยคแรกนับจากที่สู้ศึกนี้มา

“กรมปราบพิฆาตรับคำสั่งนายท่านหกจับกุมกลุ่มนกเขาราตรี จับได้ทั้งคนและหลักฐานที่นี่ ตามกฎข้อที่เก้าของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต กฎข้อที่สามของกรมปราบพิฆาต ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ผู้ที่รบกวนต้องได้รับโทษเฉกเช่นเดียวกับนักโทษ อัญเชิญค่ายกลใหญ่สำนักสะกดผู้บำเพ็ญที่รบกวนการปฏิบัติหน้าที่ผู้นี้!”

ผู้มาเยือนจากพันธมิตรเจ็ดสำนักมีอำนาจค่ายกลที่สูงมากจริงๆ แต่…ต่อให้สูงเพียงใดที่นี่ก็คือสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ต่อให้สูงเพียงใดก็ไม่สูงไปกว่ากฎของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!

ก่อนหน้านี้ที่เมินค่ายกลเข้ามาในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้ ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นเพราะค่ายกลวินิจฉัยว่าพวกเขาเป็นคนกันเอง แต่ต่อให้เป็นคนกันเองก็ไม่อาจก่อกวนค่ายกลได้

กฎเข้มงวด นี่คือรากฐานของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!

อีกทั้งระหว่างผู้คุ้มครองกับอัจฉริยะ แม้พลังบำเพ็ญจะสูงกว่า แต่ฐานะไม่เหมือนกัน รายชื่อไม่อยู่ในอันดับ สิทธิ์อำนาจย่อมไม่เพียงพอ ดังนั้นใช้ค่ายกลสยบอัจฉริยะเจ็ดสำนักผลลัพธ์บางทีอาจจะเป็นที่น่าสงสัย แต่สยบผู้คุ้มครองสวี่ชิงมีความมั่นใจ

โดยเฉพาะปฏิบัติการจับกลุ่มนกเขาราตรีของกรมปราบพิฆาตครั้งนี้เป็นคำสั่งของนายท่านหก สิทธิ์อำนาจไม่สูงกว่าเขาก็ไร้ผล

ดังนั้น…เสี้ยวขณะต่อมา เสียงที่ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ก็สะท้อนก้องทุกสารทิศ

“อนุมัติ!”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท