ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ – ตอนที่ 42

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

           กลับมาที่ปัจจุบัน ฉันกับอาคิยามะยืนอยู่ในรถไฟ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นช่วงเวลาที่คนเดินทางกลับบ้านหรือเพราะว่าฝนตกคนเลยกลับบ้านทางรถไฟมากขึ้นกันแน่ ตอนนี้ในรถไฟจึงมีคนเยอะจนฉันกับอาคิยามะต้องยืนชิดประตูกันแบบนี้

           ทีแรกฉันตั้งใจว่าจะขอบคุณเขาแล้วรีบกลับบ้าน ส่วนชุดเดี๋ยววันหลังค่อยฝากคุณนาคาจิมะไปคืน แต่ความตั้งใจนั้นก็ต้องเป็นอันพับเก็บเข้าหีบไปเพราะอาคิยามะบอกว่าจะไปส่งฉันที่บ้าน

           ส่วนเหตุผลที่เขายกมาอ้างเพื่อที่จะไปส่งฉันนั้นง่ายมาก แถมฉันก็ยังปฏิเสธไม่ได้ด้วย นั่นก็คือ

           “เธออยากจะเปียกอีกรอบรึไง?”

           เจ้าค่ะ ดิฉันขอรบกวนด้วย

           รถไฟแล่นฝ่าสายฝนที่ตกไปตลอดทาง ฉันยืนพิงประตูรถมองออกไปนอกหน้าต่าง สังเกตเห็นเม็ดฝนเกาะที่หน้าต่างก่อนจะไหลเป็นทางไปตามแรงต้านและกฎความเฉื่อย

           อาคิยามะยืนอยู่ข้างๆ ฉัน คอยกันคนที่เบียดเข้ามาใกล้ให้ฉันยืนสบายๆ ตัวเขาสูงก็จริงแต่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายแต่กลับยืนอย่างมั่นคงได้แม้จะต้องเบียดกับผู้โดยสารอื่นในรถ

           “นี่”

           เสียงเรียกทุ้มเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ ฉันหันกลับมามองทางต้นเสียง

           “อึดอัดหรอ? หรือไม่สบายตัว?”

           อาคิยามะถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ที่จริงฉันสังเกตตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าน้ำเสียงของเขามักจะแข็งๆ แต่มันก็เป็นน้ำเสียงที่ทุ้มลึก ไม่คิดว่าพอพูดนิ่มๆ แบบนี้แล้วจะชวนน่าฟังมากขนาดนี้

           พอเห็นฉันไม่ตอบ เขาก็ทำหน้าสงสัย มีเอียงคอหน่อยๆ ด้วย ตลกดี ฮิๆๆ

           พอเห็นฉันขำเขาก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ ฉันมองแล้วก็ยิ่งขำเข้าไปอีก ขำจนไหล่สั่น

           ผ่านไปสักพักฉันก็กลั้นขำได้สำเร็จ หลังสูดหายใจลึกๆ แล้วก็ตอบคำถามที่เขาถามมาในตอนแรก

           “ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ก็ไม่สบายตัวนิดหน่อยจริงๆ คือ..มันชื้นน่ะ”

           อาคิยามะร้องอ่อพร้อมกับพยักหน้าว่าเข้าใจ ฉันเลยเริ่มชวนเขาคุย

           “ว่าแต่ทำไมนายมาอยู่ที่สถานีนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่านายอยู่เมือง I หรอกหรอ?”

           “ป่าว บ้านฉันอยู่ที่นี่ ฉันเองก็อยู่เมืองนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว แค่เพิ่งย้ายไปเรียนที่เมือง I ตอนขึ้นปี 1 เฉยๆ”

           “เหห…จริงดิ ไม่เห็นนายเคยบอกฉันเลย”

           “ก็เธอไม่เคยถามนิ”

           “เฮะๆๆ ก็จริง…”

           เราคุยกันไปเรื่อยๆ เผลอแปบเดียวก็มาถึงหน้าบ้านฉันแล้ว ฝนยังคงโปรยปรายลงมาแต่ไม่หนักมากเหมือนก่อนหน้านี้ และก็เป็นโชคดีของฉันที่อาคิยามะพกร่มมา ฉันเลยไม่ต้องเปียกซ้ำ

           “นายจะมาค้างที่บ้านคุณนาคาจิมะช่วงสุดสัปดาห์นี้ใช่ไหม?”

           “อื้อ ฉันต้องช่วยรุ่นพี่ติวน่ะ ช่วงนี้คุณคาวากุจิกำลังวุ่นกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยมาติวให้รุ่นพี่ไม่ได้”

           “งั้นชุดนี่เดี๋ยวฉันซักแล้วเอาไปคืนให้นะ บ้านของคุณนาคาจิมะอยู่ไม่ไกลจากนี่ใช่ไหมล่ะ?”

           “ก็ไม่ไกลเท่าไรนะ เดินไปก็ได้แค่อาจจะนานหน่อย เอางี้ เธอฝากคุณคาวากุจิไปก็ได้ วันอาทิตย์เขาจะไปดูรุ่นพี่เล่นบาสที่ศูนย์กีฬาน่ะ เธอรู้จักไหม?”

           “สนามกีฬากลางที่จัดงานดนตรีน่ะหรอ?”

           “ไม่ใช่ ศูนย์กีฬาน่ะ ที่เปิดให้คนเข้าไปเล่นกีฬากับออกกำลังกาย เอาน่ะฝากคุณคาวากุจิไปนั่นแหละง่ายดี”

           “โอเค เอางั้นก็ได้”

           เราพูดคุยตกลงกันอยู่หน้าบ้านของฉัน โดยคนนึงอยู่ในรั้วบ้านใต้หลังคา อีกคนนึงยืนคลุมร่มอยู่ริมถนน

           “นี่ ก่อนหน้านี้น่ะ นายโกหกฉันใช่ไหม?”

           ได้ยินคำถามที่ฉันถามไปอาคิยามะก็ทำหน้างงๆ อีกรอบ ฉันล่ะชอบหน้างงของเขาจริงๆ แต่เรื่องนี้พูดไม่ได้ต้องอิ๊บไว้

           “ก็ก่อนหน้านี้ฉันถามว่านายเห็นไหมแล้วนายบอกว่าไม่เห็นอ่ะ นายพูดจริงหรือเปล่า?”

           “จริงซิ”

           “แน่นะ”

           “นะ..แน่”

           ถึงคำตอบจากเขาจะบอกว่าอย่างนั้นแต่ฉันก็รู้ว่าเขาโกหก เพราะอะไรน่ะหรอ

           ก็เขาหลบตาฉันตลอดยังไงล่ะ

           พอเห็นว่าแกล้งอาคิยามะที่ปกติดูนิ่งๆ คูลๆ ให้มีท่าทางกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูกได้แล้วก็รู้สึกอารมณ์ดี

           “ตาบ้า คนลามก”

           “อึกกก…อะไรเล่า ก็…”

           ไม่รอให้เขาพูดจบฉันก็หัวเราะ หันหลังเดินเข้าบ้าน ก่อนจะเปิดประตูก็หันไปหาอาคิยามะที่ยังค้างอยู่ท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

           “วันนี้ขอบคุณนะ (คนลามก) ”

           คำหลังเพียงแค่ขยับปากแต่ไม่ได้มีเสียงออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหมว่าฉันพูดว่าอะไรเพราะหันไปเปิดประตูและเดินเข้าบ้านมาซะก่อน

           พอปิดประตูบ้าน แม่ก็เดินออกมาต้อนรับฉันพร้อมผ้าขนหนูในมือยังกับรู้ว่าฉันจะตัวเปียกกลับบ้าน

           “กลับมาแล้วค่ะ”

           “บอกแล้วว่าให้เอาร่มไป…อ้าว แล้วทำไมอยู่ในชุดนั้นล่ะ”

           ฉันก้มมองสภาพตัวเองที่ตอนนี้สวมเสื้อยืดสีขาวที่ยาวพอจะปิดสะโพกได้ ไหล่ก็ตกสุดๆ จนแขนเสื้อห้อยลงมาเกือบถึงศอก ส่วนกางเกงที่ยาวโผล่พ้นเสื้อออกมานั้นก็ใหญ่และยาวจนคลุมเข่าไปซะเรียบร้อย นี่ยังไม่นับเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เพิ่งถอดไปแล้วตอนนี้อยู่ในมือซ้ายของฉันอีกนะ

           สรุปคือฉันเหมือนเด็กประถมที่เอาเสื้อผ้าของพ่อมาใส่ยังไงยังงั้น

           “เอ่ออ… พอดีเจอเพื่อนค่ะ เขาเลยให้ยืมชุดมา”

           “เพื่อนผู้ชาย?”

           “ก็… ใช่ค่ะ”

           “คนที่เคยมาที่บ้านคนนั้นหรอ?”

           “เปล่าค่ะ เพื่อนคนนี้เขาเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกันกับรุ่นพี่คาวากุจิค่ะ”

           “เพื่อนต่างโรงเรียน?”

           “ก็…ค่ะ”

           จู่ๆ ก็ถูกแม่ซักทั้งที่เพิ่งกลับถึงบ้าน ฉันเลยรู้สึกประหม่านิดหน่อยไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร เข้าใจว่าแม่คงเป็นห่วง

           “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ หนูแค่วิ่งตากฝนไปถึงสถานีแล้วเจอเขาพอดี เขาเลยให้ยืมชุดมาน่ะค่ะ”

           ฉันเดินเข้าไปจับมือแม่พร้อมกับอธิบาย แม่ยิ้มตอบฉันแล้วเราก็เดินเข้าบ้านกัน

           “แม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ถ้าจะมีแฟนก็พามาให้แม่เห็นหน้าหน่อยก็ดี”

           “อะไรแม่ ฟะ..ฟงแฟนอะไร หนูไม่ได้คบกับใครนะ”

           เพราะแม่พูดแบบนั้น ฉันเลยเผลอเถียงกลับเสียงดัง แม่มองฉันแล้วก็หัวเราะชอบใจ ฮึยยย…อะไรเนี่ย

           ฉันงอนแม่และบอกว่าจะไปอาบน้ำแล้วก็เดินหนีออกมาเลย ขืนอยู่ต่อคงไม่วายโดนแม่แซวต่อแน่ๆ

           เดินขึ้นบันไดยังไม่ทันจะถึงห้องนอน เสียงแม่ก็ดังมาจากข้างล่าง

           “ใช่คนเดียวกับที่ให้คุณหมีตัวใหญ่นั่นหรือเปล่า?”

           “แม่…!!”

           เสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างล่าง ฉันปิดประตูห้องแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศหวังจะไล่ความร้อนให้หายไป

           “บ้าจริง ฝนตกแท้ๆ ทำไมอากาศถึงร้อนขนาดนี้นะ”

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

Status: Ongoing
อาคิยามะ เออิชิ เด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม… วันแรกของชีวิต ม.ปลาย เขาถูกรุ่นพี่ลากไปพัวพันกับการมีเรื่องทะเลาะวิวาทและจบลงด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารขอโทษ ที่นั่นเขาได้เจอกับเด็กสาวผู้มีนัยน์ตางดงาม โอโตเมะ อามายะ แต่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “นี่ นายน่ะ เป็นเด็กเกเรใช่ไหม?” ประโยคเปิดตัวที่ไม่ธรรมดา จะนำพาความสัมพันธ์ของพวกเขาไปในทิศทางใด…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท