My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 116 TOP 3 ประโยคพูดปักธงในโลกอนิเมะ

My Death Flags Show No Sign of Ending

5 ปี ตั้งแต่ฮาโรลด์ออกจากการเป็นอัศวิน ในที่สุด ทั้งเขาและซิดก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจที่จะ “เปลี่ยนแปลง” เรื่องราวของเกมส์ให้แตกต่างไปจากเดิมโดยความตั้งใจของเขาเอง นั้นก็เพื่อช่วยชีวิตของซิตและอีก 2 คนเอาไว้ ซึ่งฮาโรลด์ได้เข้าแทรกแซงเหตุการณ์ในป่าเบลติสที่ซึ่งพวกเขาทั้ง 3 ควรที่จะเสียชีวิต และผลที่ได้ ทำให้ฮาโรลด์ต้องกลายมาเป็นเบี๊ยให้กับยูสทัส 

สิ่งเหล่านี้ ทำให้โคดี้ไม่ได้หันหลังให้กับเส้นทางของอัศวิน ซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องกลายเป็นฮาโรลด์ที่เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างฟรีรี่แทนตัวของโคดี้

พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีธงมรณะขนาดใหญ่บิ๊กบึ้มปักอยู่ แต่ว่าในที่สุดฮาโรลด์ก็สามารถหักมันลงได้ นี่ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาทั้ง 3 อย่างแท้จริง แม้ว่าฮาโรลด์จะรู้สึกดีใจที่ได้พบกับซิดอีกครั้ง แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างเขากลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

 

[ มะ-ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฮาโรลด์ … ] – ซิด

 

นั้นเพราะไม่เพียงแค่ซิดเท่านั้นที่อยู่ที่เมืองแห่งนี้ ไอรีนก็มาด้วยเช่นกัน

แม้ว่ามันจะฟังดูหยาบคายก็เถอะ แต่ฮาโรลด์รู้สึกว่าไอ้ธงมรณะที่เขาคิดว่าได้หักมันไปแล้วนั้นตอนนี้กลับเติบใหญ่ขึ้นมากว่าเดิมจนบอกไม่ถูก

หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกับคนในกลุ่มฟรีรี่ได้คลี่คลายลง ซิดได้ถามกับฮาโรลด์ว่าพอจะมีเวลาบ้างไหม แม้ว่าฮาโรลด์จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักแต่เขาก็ตัดสินใจว่าจะมาพบกับซิดอีกครั้งในช่วงหัวค่ำที่บาร์ใกล้ๆโรงแรม

แน่นอนว่าซิดไม่ได้มาที่บาร์เพียงคนเดียว ไอรีนที่นับมาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของฮาโรลด์ก็มากับเขาเช่นกัน 

 

[ ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่าเธอก็อยู่ที่เมืองนี้ด้วย ? ] – ฮาโรลด์

[ อึก .. ขะ-ขอโทษ … ] – ไอรีน

 

ภาพพจน์ที่ไม่ยอมคนของไอรีนจางหายไปจนหมด รวมถึงซิดเช่นเดียว ซึ่งนั้นยิ่งทำให้ฮาโรลด์รู้สึกกังวลเข้าไปใหญ่ แม้ว่าสถานการณ์ในตอนที่พวกเขาต้องแยกจากกันจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ฮาโรลด์ก็จำได้ว่าบรรยากาศของพวกเขามันไม่เคยอึดอัดขนาดนี้ มีบางอย่างผิดปกติอย่างชัดเจน

 

[ เจ้าตัวสูงล่ะอยู่ไหน ? ] – ฮาโรลด์

[ อะ-อ้อ.. โรบินสันกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองทราวิสน่ะ ] – ซิด

 

ขณะที่ 2 คนนี้อยู่ในเมืองบาร์สตัน เจ้าคนตัวสูงๆหน้าตาหน้ากลัว— เอ่อ.. โรบินสัน กำลังไปที่ทราวิส 

นั้นก็หมายความว่า สมาชิกทั้ง 3 หน่อกำลังอยู่ภายในเมืองทั้ง 2 ที่กำลังจะถูกมอนเตอร์โจมตีทั้งคู่เร็วๆนี้ ลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีของฮาโรลด์เริ่มส่งกลิ่นโชยขึ้นมาเรื่อยๆ 

ซึ่งฮาโรลด์ตัดสินใจที่จะพูดคุยต่อโดยไม่แสดงอาการออกมาทางสีหน้า

 

[ แล้วเจ้าพวกนั้นส่งพวกนาย 2 คนมาที่นี่ทำไม ? ] – ฮาโรลด์

[ พวกเรามาทำงานในฐานะอัศวิน ดังนั้นพวกเราคงบอกรายละเอียดอะไรไม่ได้ ] – ไอรีน

[ ก็.. เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อย ] – ซิด

 

เอลล์ได้ส่งรายงานเรื่องนี้ไปให้ทางอัศวินแล้ว แต่ถ้าซิดและไอรีนถูกส่งมาที่นี่เพราะเรื่องของจดหมายที่เอลล์ส่งไปนั้น พวกเขาทั้งคู่คงพูดถึงเรื่องมอนเตอร์ที่อยู่ใต้เมืองแล้ว

แต่เนื่องด้วยที่พวกเขาทั้ง 2 ยังขาดประสบการณ์ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาทั้งคู่จะถูกส่งมาปฎิบัติภารกิจเช่นนี้ แต่ก็ยังยากที่จะคาดเดาว่าภารกิจที่ทั้งคู่ได้รับมานั้นเป็นวิธีการอะไรซักอย่างที่ใช้รับมือกับวิกฤติในครั้งนี้หรือไม่

 

[ ช่างเถอะ แล้วนายมีเรื่องอะไรถึงอยากจะคุยกับชั้น ? ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ ก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย …. ] – ฮาโรลด์

[ ไม่ๆ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะ – เอ่อ.. เกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมแค่อยากจะบอกกับนายว่า … ผมขอโทษ … ] – ซิด

[ ขอโทษ? ] – ฮาโรลด์

 

คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของซิดอย่างกังวลนั้นเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์คาดไม่ถึง และเมื่อพิจารณาจากการเงียบของไอรีน ทำให้เขาพอเดาได้ว่าเธอเองก็มาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาทั้ง 2 ถึงต้องมาขอโทษด้วย นั้นเพราะถ้าพวกเขากล่าว “ขอบคุณ” กับฮาโรลด์ เขาก็คงที่จะพอเข้าใจได้ 

แต่ดูจากปฎิกิริยาของพวกเขาทั้ง 2 ฮาโรลด์ก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาคงอยากจะถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนที่ทรยศต่ออาณาจักร

 

[ จะเล่นตลกอะไร ? ] – ฮาโรลด์

[ ผ- ผมไม่ได้เล่นตลกนะ! ] – ซิด

[ แล้วอะไรในโลกนี้ที่ทำให้นายถึงอยากจะมาขอโทษกับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าทรยศอาณาจักรแห่งนี้กัน ? ] – ฮาโรลด์

 

ซึ่งนั้นควรจะเป็นภาพลักษณ์ของฮาโรลด์ในสายตาของซิดและไอรีน … รวมถึงคนส่วนใหญ่ในอาณาจักรลิเบอร์แห่งนี้ และความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งคู่ทำงานในฐานะอัศวิน พวกเขาคงต้องเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวของฮาโรลด์มากมาย และที่สำคัญกว่านั้น ในเหตุการณ์ในวันนั้นที่ป่าเบลติส พวกเขาทั้งคู่ก็เคยได้เห็นฮาโรลด์ที่สวมอยู่ในเครื่องแบบของศัตรูด้วยตาของพวกเขาเอง

ฮาโรลด์เอาชนะผู้บัญชาการของกองทัพศัตรูได้ แต่ในท้ายที่สุด เรื่องทั้งหมดกลับกลายเป็นฮาโรลด์ทะเลาะกับพวกเดียวกับเอง(ผู้บัญชาการคนนั้น) และเกือบที่จะสังหารเขา

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันข้อกล่าวหาไร้สาระพวกนี้ แต่มันก็ได้กลายเป็นความจริงในสายตาของผู้คนในอาณาจักรหลังจากที่สภาอัศวินได้ตัดสินประหารชีวิตของฮาโรลด์ สโตร์ก

 

[ …. ฮาโรลด์ พวกเขาพูดกันว่านายทรยศต่ออัศวิน แต่ผมน่ะ … ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นหรอกนะ ! ] – ซิด

[ ….. ] – ฮาโรลด์

[ ไม่สิ … มันไม่ใช่แบบนั้น … ในตอนนั้นผมน่ะ— ความจริงก็คือผมอยากจะเชื่อว่านายไม่มีทางที่จะเป็นอย่างที่คนพวกนั้นว่าได้ … แต่ตอนนั้นผมกับทำใจเชื่อแบบนั้นไม่ได้ ] – ซิด

 

ซิดกล่าวออกมาราวกับว่าเขากำลังสารภาพความผิด

แต่สิ่งที่ฮาโรลด์ตกใจจริงๆก็คือตอนที่ได้ยินมาซิดเชื่อว่าฮาโรลด์เป็นผู้บริสุทธิ์

 

[ ก็ใช่ว่าชั้นจะสนใจอะไรหรอกนะ แต่ว่าอะไรทำให้นายเปลี่ยนความคิดล่ะ ? ] – ฮาโรลด์

[ ในตอนนั้นมีเพื่อนอัศวินบางคนถูกโจมตีโดยฝูงมอนเตอร์ขณะปฎิบัติภารกิจและพวกเขาถูกช่วยไว้ได้ก่อนที่จะถูกฝูงมอนเตอร์พวกนั้นจัดการ ซึ่งในตอนนั้น ผมได้ฟังเรื่องราวโดยตรงจากปากของพวกเขา ] – ซิด

 

เมื่อได้ยินเรื่องที่เล่ามา ความทรงจำต่างๆของฮาโรลด์เริ่มผุดขึ้นมา

หากเขาจำไม่ผิด นั้นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขากลายมาเป็นลูกน้องของยูสทัสได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ในตอนนั้นฮาโรลด์ได้พบกับกลุ่มอัศวินเกือบ 10 คนพวกเขากำลังถูกโจมตีโดยฝูงมอนเตอร์ และแม้ว่าตอนนั้นฮาโรลด์จะรีบเข้าไปช่วยทันที แต่เขาก็สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ 2 คนเท่านั้น ซึ่งพวกเขาทั้ง 2 ก็บาดเจ็บหนักจนต้องออกจากอัศวินไปในท้ายที่สุด

ซิดคงฟังเรื่องพวกนี้มาจากปากของ 1 ใน 2 คนที่เขาเคยช่วยเอาไว้

 

[ คนๆนั้นเคยดูแลผมเอาไว้มากในตอนที่ผมยังเป็นเพียงอัศวินหน้าใหม่ … ดังนั้น ในตอนที่ผมได้ยินว่าเขาบาดเจ็บสาหัส ผมจึงรีบไปเยี่ยมเขา ซึ่งพวกเขาได้เล่าเหตุการณ์การหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานั้นให้ผมฟัง ] – ซิด

 

ซิดเหงยหน้าขึ้นมองหน้าของฮาโรลด์ ราวกับพยายามที่จะทะลุเข้าไปในดวงตาของฮาโรลด์

 

[ ในตอนนั้น คนๆนั้นพูดกับผมว่า “ชีวิตของข้าถูกช่วยไว้ โดย ฮาโรลด์ สโตร์ก” ] – ซิด

 

จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เหล่าอัศวินจะรู้จักหน้าตาและชื่อของฮาโรลด์ นอกจากนี้ในตอนที่ฮาโรลด์เข้าไปช่วยนั้นเขาก็ทำด้วยเจตนาที่ต้องการจะช่วยจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่คนๆนั้นเล่าออกมาจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ยังคงไม่เชื่อว่าด้วยเรื่องเพียงเท่านี้ จะเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ทำให้ซิดไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ที่ทรยศต่ออาณาจักร นั้นเพราะหากเรื่องราวมันง่ายๆเพียงแค่นั้นที่เพียงจะเปลี่ยนความคิดผู้คน ฮาโรลด์คงไม่ต้องจมอยู่กับปัญหามากมายอยู่แบบนี้หรอก

 

[ หลังจากได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ผมยิ่งสงสัยและสับสนเรื่องราวของนายมากยิ่งขึ้นไปอีก …. ] – ซิด

 

ซิดไม่เคยอยากที่จะเชื่อว่าฮาโรลด์เป็นผู้ทรยศต่ออาณาจักร .. แต่ในเวลานั้น เขาก็ไม่มีหลักฐานหรือข้อสงสัยใดๆมาพิสูจน์ความคิดของตน ผนวกกับคำตัดสินจากสภาอัศวิน ทำให้เขาจำต้องเชื่อแบบนั้น แต่ทว่าหลังจากที่ฮาโรลด์ออกจากตำแหน่งอัศวินแล้ว ฮาโรลด์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรยศต่อาณาจักรผู้นั้นกับเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตผู้มีพระคุณของซิดเอาไว้

เมื่อพิจารณาเรื่องราวทั้งหมด คงเดาออกได้ไม่ยากว่าอารมณ์ความรู้สึกและความคิดของซิดจะตีกันวุ่นภายในหัวถึงเพียงไหน 

แต่ … เรื่องราวที่ซิดจะเล่ายังคงมีมากกว่านั้น

 

[ ผมคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่หลายวันเลยล่ะ … แต่ว่า พอผมไปเยี่ยมคนๆนั้นอีกครั้ง ผมก็รู้ได้ทันที ว่าบางที นายอาจกำลังไปพัวพันกับสถานการณ์อะไรบางอย่าง …. ] – ซิด

[ พัวพัน ? หมายความว่ายังไง ? ] – ฮาโรลด์

[ นั้นเพราะในตอนที่ผมกลับไปเยี่ยมคนๆนั้นอีกครั้ง เขากลับลืมว่านายได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เรื่องทั้งหมดกลับกลายเป็นว่า พวกเขาทั้งหมดถูกโจมตีโดยมอนเตอร์ แล้วเขาก็สลบไป จนมาตื่นขึ้นที่โรงพยาบาล ] – ซิด

 

ถ้าจะมีใครที่สามารถแก้ไขความทรงจำของผู้คนได้ คนๆนั้นก็คงเป็นยูสทัส

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

[ หึ ชั้นว่าหมอนั้นคงประสาทหลอนไปเองว่าชั้นเป็นคนที่ช่วยในตอนที่กำลังจะตายล่ะมั้ง ] – ฮาโรลด์

[ ไม่มีทาง! มันไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ ! ] – ซิด

[ แล้วนายมั่นใจได้ยังไง ? เป็นหมอเหรอ ? ] – ฮาโรลด์

[ นั้นมันเพราะมันฟังดูบ้าเกินไป ! คนๆนั้นไม่เพียงแค่ลืมว่านายเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่คนๆนั้นลืมถูกๆสิ่งที่เกี่ยวกับ ฮาโรลด์ สโตร์ก! ราวกับว่านายไม่เคยมีตัวตน ] – ซิด

 

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อัศวินคนนั้นความทรงจำเลือนลางหรือความจำเสื่อม แต่ว่าเขากับลืมทุกๆสิ่งที่เกี่ยวกับคนๆหนึ่ง เหตุการณ์นี้มันแปลกประหลาดจนเกินไป จริงอยู่ที่เหตุการณ์แบบนี้อาจสามารถเกิดขึ้นได้ในบางกรณี แต่สำหรับซิดและไอรีน พวกเขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเจาะจงจนเกินไปที่ทำให้ฮาโรลด์ต้องถูกทำให้ลืมว่าเคยมีตัวตนอย่างสมบูรณ์เพียงคนเดียว

 

[ ในตอนนั้น หลังจากที่นายถูกตัดสินประหารชีวิต หัวหน้าโคดี้ได้บอกกับพวกเราว่า “มันไม่เกี่ยวกับว่าพวกนายเชื่อในตัวของฮาโรลด์รึปล่าว แต่มันขึ้นอยู่กับว่านายเลือกที่จะเชื่อความคิดของตัวเองได้รึปล่าว” แต่ในตอนนั้นถึงแม้ว่าผมจะคิดว่านายน่ะบริสุทธิ์ แต่ผมกลับเลือกที่จะเชื่อความคิดของตัวเองไม่ได้!  ] – ซิด

[ เช่นเดียวกันชั้น ถึงแม้ว่านายจะเป็นคนที่ปากเสียอยู่เสมอ แต่ชั้นก็รู้ว่านายไม่ใช่คนเลวอะไร … แต่ชั้นกลับทำอย่างที่คิดไม่ได้ ] – ไอรีน

 

ความรู้สึกเสียใจที่พวกเขาทั้งคู่ถ่ายทอดออกมานั้น แม้อยู่ภายในความสลัวภายในบาร์แห่งนี้ แต่ฮาโรลด์ก็สามารถมองเห็ตหยาดน้ำตาของพวกเขาทั้งสองได้อย่างชัดเจน แม้ว่าโรบินสันจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่หมอนั้นอาจกำลังโทษตัวเองอยู่เช่นเดียวกันที่ไม่เชื่อในความบริสุทธิ์ของฮาโรลด์

แม้ฮาโรลด์จะไม่ได้ใช้เวลาชีวิตในการเป็นอัศวินมากมายอะไรนัก แต่เขาก็รู้ว่าเพื่อนทั้ง 3 คนนี้จิตใจดีขนาดไหน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องพูดปลอบใจเพื่อนของเขาด้วยคำพูดราวๆว่า “อย่ากังวลไปเลย” อะไรแนวนั้น

 

[ ไม่ว่าจะมองมุมไหน … ชั้นว่าพวกนายนี่งั้งจริงๆ ] – ฮาโรลด์

[ อ–อะไรนะ? เพราะแบบนั้นพวกเราถึงกำลังของโทษนายอย่างจริงจังอยู่นี่ไง! ] – ซิด

[ และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำไมชั้นจึงเรียกพวกนายว่างั้ง พวกนายอยากจะขอโทษชั้นในเรื่องอะไรกันแน่ ? ] – ฮาโรลด์

[ ก็ .. ที่ว่าพวกเราอยากจะเชื่อในตัวนายแต่ว่——- ] – ซิด

[ เอาล่ะ งั้นพวกนายลองจินตนาการถึงโลกที่พวกนายปล่าวประกาศความบริสุทธิ์ของชั้นออกไปให้ทุกๆคนได้รับรู้ —-แล้ว ?? มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงตรงไหน ? พวกนายคิดจริงๆเหรอว่าจะสามารถทำอะไรที่สามารถแก้ไขคำตัดสินของสภาได้ ? ] – ฮาโรลด์

 

ทั้งซิดและไอรีนต่างเงียบ นั้นเพราะพวกเขาเองก็ไม่สามารถตอบได้

นั้นเพราะแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะเข้าแทรกแซงผลการตัดสินจริงๆ หรือต่อให้พวกเขาสามารถโน้มน้าวเพื่อนอัศวินทั้งหมดให้เข้าร่วมต่อต้านผลคำตัดสินของฮาโรลด์ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ยังคงออกมาเหมือนเดิม นั้นเพราะ คำตัดสินประหารชีวิตได้ถูกตัดสินเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ก่อนที่ฮาโรลด์จะเข้ารับการพิจารณาคดีเสียด้วยซ้ำ

 

[ ชั้นจะบอกอะไรพวกนายหน่อยก็แล้วกัน ในตอนที่ชั้นติดคุกอยู่ที่นั้น แผนการมันมีหลายชั้น รวมถึงแผนที่จะกลับลำคำตัดสินประหารชีวิตของชั้นในตอนสุดท้ายนั้นก็ด้วย ทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของชั้น ] – ฮาโรลด์

[ [ เอ๊ะ ? ] ] – ซิด/ไอรีน

 

ทั้งซิดและไอรีนต่างมีปฎิกิริยาเหมือนดั่งที่ฮาโรลด์หวังเอาไว้

แน่นอนว่าโกหก นั้นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ป่าเบลติสนั้นแทบทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังเอาไว้เลยซักนิด 

แต่ถึงกระนั้น ——-

 

[ และชั้นก็ยังคงมีชีวิตอยู่สุขสบายดี ต่อให้เป็นพวกงั้งแค่ไหนก็คงเข้าใจที่ชั้นต้องการจะสื่อใช่รึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเสียดสี

ที่เขาหัวเราะออกมาแบบนี้ เพราะเขารู้ดีว่าจะจัดการปัญหาในลักษณะนี้ด้วยการหัวเราะแบบไหน

เขาหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของเพื่อนทั้ง 2 กลบเกลื่อนความเสียใจที่เพื่อนทั้ง 2 มีต่อเขา กลบเกลื่อนคำขอโทษที่เพื่อนทั้ง 2 อยากจะขอโทษกับเขา 

นั้นเพราะเขาทำได้หัวเราะเพื่อซ่อนความรู้สึกขอบคุณเหล่านั้นเท่านั้น

ไม่ใช่เพราะ “ฮาโรลด์ สโตร์ก” จะไม่แสดงความขอบคุณที่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อนทั้ง 2

แต่นี่เป็นวิธีแสดงความขอบคุณ ในแบบฉบับ ของฮาโรลด์

 

[ ฮ่าๆ หลงตัวเองกันจริงนะที่คิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรในตอนนั้นเองได้ ] – ฮาโรลด์

[ หลงตัวเอง?! นายเป็นเพียงคนเดียวในโลกนี้เลยนะที่ผมไม่อยากจะถูกเรียกว่าหลงตัวเอง ] – ซิด

[ ชั้นไม่ได้หลงตัวเองอย่างไร้ค่าแบบพวกนาย แล้วอีกอย่าง คนอย่างชั้นไม่ได้เรียกว่าหลงตัวเอง ชั้นแค่ประพฤติตัวให้เหมาะสมกับความสามารถของชั้นก็เท่านั้น ] – ฮาโรลด์

[ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าวิธีคิดแบบนั้นมันเกินระดับที่จะเรียกว่าหลงตัวเองไปแล้วล่ะ ] – ซิด

 

คำพูดของฮาโรลด์นั้นหลงตัวเองอย่างสิ้นดี และนั้นก็หมายความว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไร

ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิดอะไร

ฮาโรลด์ผู้หยิ่งยโสและหลงตัวเองผู้นี้ยังอยู่มีชีวิตอยู่สุขสบายดี และแสดงท่าทีเช่นนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่าพวกเขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไร

 

[ ชิ ! นายนี่มันยังหยิ่งยโสโอหังหลงตัวเองเหมือนดั่งเคย! ] – ไอรีน

[ เฮ้อออ … แล้วแบบนี้พวกเราจะระบายความกังวล ความเสียใจออกไปทางไหนดีล่ะ … ] – ซิด

[ ถ้าเป็นแบบนี้ ซิด! พวกเรามาเมากันเถอะ ส่วนค่าเครื่องดื่มก็ให้ฮาโรลด์จ่ายไป ! ] – ไอรีน

[ เฮ้ยๆ! พวกนายคิดว่—– ] – ฮาโรลด์

[ ชั้นไม่สน !!! นายเป็นขุนนาง กับค่าเหล้าแค่เนี้ยขนหน้าแข็งไม่ล่วงหรอก !! ] – ไอรีน

[ …. ใช่ !! ใช่แล้ว !! มาเมากันเถอะ ฮาโรลด์ นายต้องเป็นคนเลี้ยงเหล้าพวกเราตลอดทั้งคืน !!! ] – ซิด

[ …. นี่พวกแกไม่อายกันบ้างรึไง ? ] – ฮาโรลด์

 

เอาจริงๆแล้ว ฮาโรลด์เองก็ชอบที่ 2 คนนี้เป็นแบบนี้มากกว่าใบหน้าเศร้าหมองอย่างเมื่อสักครู่ และเมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากกว่าที่ฮาโรลด์ต้องฟันฝ่ากว่าจะช่วยให้ ทั้ง 3 หน่อรอดชีวิตมาได้ ฮาโรลด์ก็อยากที่จะเห็นพวกเขาทั้ง 3 ใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างมีความสุขแบบนี้มากกว่า เพียงเท่านี้ก็เหมือนเป็นดั่งสิ่งตอบแทนที่ฮาโรลด์ได้รับจากการช่วยชีวิตพวกเขาแล้ว

แม้ช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งหมดได้กลับมาพบกันอีกครั้งนั้นจะทำให้ฮาโรลด์กังวลอยู่บ้าง แต่ฮาโรลด์ก็เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตกันต่อไปได้โดยที่ไม่มีธงมรณะใดๆถูกปักเพิ่———–

 

[ อ้อใช่ ผมก็ลืมบอกนายไปเลย! ก็…หลังจากที่พวกเราจบภารกิจนี้ พวกเราทั้ง 2 จะแต่งงานกัน! ให้พวกเราส่งการ์ดเชิญไปให้นายที่ไหนดี ? ] – ซิด

[ เอโต~~ในทางเทคนิคแล้ว พวกเราถือว่าเป็นรุ่นพี่ของนายนินา~ แบบนี้นายคงไม่คิดที่จะไม่มางานแต่งของพวกเราชั่ยม๊าา~~ ] – ไอรีน

[ เงียบไปเลยยัยบ๊อง ] – ฮาโรลด์

 

คำพูดที่ฮาโรลด์เผลอพูดออกไปเองนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ไปงานแต่ง

แต่ปัญหามันอยู่ที่งานแต่ง!!

 

( อย่ามาพูดปักธงซี้ซั้วอย่าง “หากการต่อสู้ครั้งนี้จบลง พวกเรามาแต่งงานกันนะ…” สิฟร่ะ!! ) – ฮาโรลด์

 

ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์แย่ๆของฮาโรลด์จะถูกต้อง 

หากมองอีกมุมหนึ่ง ทั้งซิดและไอรีต่างเป็นที่รักของสิ่งที่เรียกว่าธงมรณะพอๆกับฮาโรลด์เลย

พูดตามตรง ปัญหาที่ถาโถมฮาโรลด์ตอนนี้ก็แทบจะล้นมืออยู่แล้ว ตอนนี้มีเควศที่ต้องจัดการเด้งมาเพิ่มอีก 1

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท