ตอนที่ 365 จากอากลายเป็นตาไปเสียแล้ว
ตอนที่ 365 จากอากลายเป็นตาไปเสียแล้ว
หลังจากเซี่ยอวี่หย่อนระเบิดไว้เสร็จ หล่อนก็วิ่งไปที่ห้องครัว
เย่ไป๋เผชิญหน้ากับสายตาคาดคั้นของเพื่อน จากนั้นมองไปทางคุณแม่เซี่ยที่ยิ้มอย่างอบอุ่น ขณะเหงื่อเย็น ๆ เริ่มไหลลงมาบนหน้าผาก และก็รู้สึกกังวลอย่างมาก
นางเอกคนนี้แสดงความกระตือรือร้นมากเหลือเกิน แต่เขานั้นแทบทนไม่ไหวแล้ว
“อืม เสี่ยวเย่ นั่งลงก่อนเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าคุณแม่เซี่ยค่อนข้างพอใจกับคนที่ลูกสาวพามาแสดงตัว นางบอกเขาให้นั่งลง พลางมองด้วยรอยยิ้มแล้วถามว่า “เสี่ยวเย่ แล้วนี่เธอมารู้จักเสี่ยวอวี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เย่ไป๋แสดงท่าทีสงบนิ่ง และตอบกลับอย่างสุภาพ “ไม่นานมานี้ครับ”
เฉินเจียเหอส่งเสียงคำรามในลำคออยู่ข้าง ๆ
คำว่ารู้จักได้ไม่นานนั้น แน่นอนว่าเพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเดียวเท่านั้น
คุณแม่เซี่ยมองเย่ไป๋ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข จากนั้นหันไปหาเฉินเจียเหอ และถามว่า “เจียเหอ เธอกับเสี่ยวเย่เป็นเพื่อนกันนี่ ไม่รู้เหรอว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อน?”
เฉินเจียเหอมองเย่ไป๋ด้วยสายตาเย็นชาแล้วส่ายหน้า “คุณยาย ผมไม่รู้เลยครับ เย่ไป๋ไม่เคยบอกผมเลย”
คุณแม่เซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เธอเรียกเขาว่าเย่ไป๋ได้ แต่เมื่อเขาแต่งงานกับป้าเธอ ตอนนั้นจะเรียกเขาด้วยชื่อจริงไม่ได้นะ ต้องเรียกเขาว่าลุง”
เฉินเจียเหอหันไปมองเย่ไป๋ พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหมายบางอย่าง “คุณยาย ไว้ค่อยคุยหลังกินข้าวก็ได้ครับ”
ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ให้เรียกเขาว่าลุงก็เรียกได้
เขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว
“มาเถอะค่ะ คุณหมอเย่ เชิญดื่มชาสักหน่อย”
หลินเซี่ยนำชามาให้เย่ไป๋ ทันทีที่เย่ไป๋หยิบมันมาและกล่าวขอบคุณ หู่จือก็คว้าเมล็ดแตงโมจำนวนหนึ่งให้เขาด้วยมืออ้วน ๆ ของตัวเอง “อาเย่ กินเมล็ดแตงโมสิครับ”
แม่ลูกทำหน้าที่เหมือนเจ้าบ้านที่ดี และให้ความบันเทิงแก่ลูกเขยคนใหม่อย่างอบอุ่น
เฉินเจียเหอมองไปยังเย่ไป๋ และพูดหยอกล้อว่า “หู่จือ จากนี้ไปคงเรียกเขาว่าอาเย่ไม่ได้แล้ว เขาจะเป็นตาของลูกแล้วนะ”
หู่จื่อมองพ่อของเขาด้วยสายตาใสซื่อและไร้เดียงสา สีหน้าเริ่มดูสับสน “ทำไมอาเย่ถึงกลายเป็นตาของผมเหรอครับ?”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เรียกฉันว่าลุงเซี่ยไม่ได้แล้วล่ะ”
ราวกับลุงเซี่ยแอบบอกเขาเป็นนัยว่าจากนี้เขาจะต้องเรียกว่าตารอง
หู่จือมึนงงมาก ทำไมลุงกับอาทุกคนถึงกลายเป็นตาไปได้?
แล้วพ่อยังเป็นพ่อเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า?
เฉินเจียเหออธิบายให้เขาฟังอย่างใจเย็นว่า “เพราะว่า อาเย่กำลังคบหากับคุณป้าอยู่ไง และอีกไม่นานเขาจะแต่งงานกับป้าของลูก”
หลังจากเฉินเจียเหออธิบาย ก็ไม่ลืมที่จะหันไปถามเย่ไป๋ว่า “ใช่ไหมเหล่าเย่?”
เย่ไป๋พยายามสงบสติอารมณ์
ในเมื่อเขาได้ให้สัญญากับหล่อนแล้ว ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
จะไม่มีทางให้มันสูญเปล่าในไม่กี่นาทีแน่นอน
เขาเป็นหมอที่อยู่กับการผ่าตัดจนชิน เขาจึงมีสภาพทางจิตที่เข้มแข็งอยู่บ้าง
เย่ไป๋ปรับความคิดตัวเอง เมื่อสบสายตากับเฉินเจียเหอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “พอดีเรายังไม่ถึงขั้นพูดเรื่องแต่งงานกันน่ะ”
โชคดีที่เฉินเจียเหอยังไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรจริงหรืออะไรปลอม
ขณะเดียวกันเซี่ยอวี่ก็ลากตัวเซี่ยเหลยออกมาจากห้องครัว
ทันทีที่เซี่ยเหลยมาถึงห้องโถง เย่ไป๋รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเหลยกวาดสายตามองทุกคนในห้องโถง แล้วหันมามองเซี่ยอวี่อย่างสงสัย ราวกับกำลังจะถามว่า แล้วแฟนของเธอล่ะ?
เย่ไป๋เดินไปหาเซี่ยเหลย และทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับพี่เหลย”
เซี่ยอวี่แนะนำเขาจากด้านข้าง “พี่ชาย นี่เย่ไป๋ แฟนฉันเองค่ะ”
“เธอว่าไงนะ?”
ดวงตาของเซี่ยเหลยกระตุกเล็กน้อย พลางมองเย่ไป๋ด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาสับสนของเซี่ยเหลย เซี่ยอวี่ก็อธิบายอย่างใจเย็นว่า “จะว่าไปเมื่อวานนี้ จู่ ๆ เย่ไป๋ก็สารภาพว่าเขาตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็น และยังบอกว่าชอบฉันมากด้วย ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมาก ทั้งหล่อและทำงานเก่ง ฉันเลยชอบเขาตรงนี้ พอเขามาสารภาพรัก ฉันก็ตกลงทันที”
เซี่ยอวี่มองทุกคนและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันวางแผนจะเดตกับเย่ไป๋ แต่ก่อนจะออกเดตด้วยกัน ฉันต้องพาเขามาให้ทุกคนดูตัวก่อน ทุกคนก็ลองดูแล้วค่อยตอบว่าเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ระหว่างเราหรือเปล่าแล้วกันค่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยก็แค่ลืมมันไปซะ”
คุณแม่เซี่ยแสดงจุดยืนของตัวเองทันที “เห็นด้วยสิ แน่นอนว่าเห็นด้วยอยู่แล้ว แม่เห็นด้วยหมดทั้งสองมือเลย”
ขณะที่นางพูดก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นสูง
เพราะกลัวว่าลูกเขยคนใหม่จะหนีไป
การแสดงออกของเซี่ยเหลยดูค่อนข้างซับซ้อน สายตาเฉียบแหลมของเขายังคงมองไปยังสีหน้าของเซี่ยอวี่และเย่ไป๋
เมื่อวานนี้ก่อนเขากลับจากคลินิกแพทย์แผนจีน เขาเพิ่งถามเฉินเจียเหอเกี่ยวกับเย่ไป๋ในตอนนั้น แต่เซี่ยอวี่บอกเขาว่าอย่าไปก่อกวนนกยวนยาง แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับกำลังคบหากันในชั่วพริบตา?
เขาเป็นโรคความจำเสื่อม ไม่ใช่สมองเสื่อม คิดว่าจะหลอกเขาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายก็คิดถึงความสงสัยของเซี่ยเหลยเหมือนกัน
“พี่ใหญ่ เมื่อวานพี่ไม่ได้พูดถึงเย่ไป๋กับฉันหรอกเหรอ? อันที่จริงเย่ไป๋เคยสารภาพรักกับฉันมาก่อนแล้ว ถึงจะอายุมากกว่าเขาหลายปี แต่ฉันก็ไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบพี่น้อง เลยไม่เห็นด้วยกับเขา แน่นอนว่าฉันกลัวพี่จะไม่เห็นด้วยถ้าคบกับคนอายุน้อยกว่า
เมื่อวานพี่ก็พูดทำนองนั้นแหละ แต่สุดท้ายฉันก็เข้าใจสิ่งที่พี่หมายถึง ดังนั้น พอเมื่อวานเขามาสารภาพรักฉันอีกครั้ง ฉันเลยตอบตกลงอย่างไม่ลังเล“
การแสดงออกของเซี่ยอวี่ดูเป็นธรรมชาติมาก และสิ่งที่หล่อนพูดก็เหมือนจะเป็นความจริงอีกด้วย
ขณะพูด มือของหล่อนยังเหยียดไปคล้องแขนของเย่ไป๋อย่างเป็นธรรมชาติ
หล่อนจับแขนของเย่ไป๋ไว้แน่น แต่ทางเขานั้นร่างกลับแข็งทื่อไปหมดแล้ว ทั้งหัวใจกำลังเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะเหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ข้างกายกำลังโอบแขนเขาอยู่ ก็เกิดเห็นภาพลวงตาว่าหล่อนเป็นแฟนเขาจริง ๆ
เมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องอายุ คุณแม่เซี่ยกลับมามีความสงสัยอีกครั้ง จึงถามเย่ไป๋ว่า “เสี่ยวเย่ เสี่ยวอวี่แก่กว่าเธอมาก เธอคงไม่รังเกียจใช่ไหม?”
คุณแม่เซี่ยเป็นกังวลเรื่องอายุของลูกสาวมากเหมือนกัน
แม้พวกเขาจะดูเข้ากันได้อย่างลงตัวเมื่อนั่งใกล้กัน แต่ก็มีช่องว่างระหว่างอายุที่แท้จริงของพวกเขาอยู่ดี
แก่กว่าหกหรือเจ็ดปีด้วยซ้ำ
หญิงชรารู้สึกว่าช่องว่างระหว่างวัยนี้ คงจะเหมาะสมถ้าสลับเพศกันระหว่างพวกเขา
เย่ไป๋พูดอย่างจริงใจว่า “คุณป้าเซี่ยครับ ผมคิดว่าอายุไม่ใช่ปัญหาเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณของคนสองคนที่สามารถเข้ากันได้ต่างหาก”
“งั้นชอบอะไรในตัวลูกฉันล่ะ? หล่อนอารมณ์ร้ายมากไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่แล้วก็ตาม ตัวตนจริงของเธอก็ยังดูไร้เดียงสาอยู่บ้าง ต้องเตรียมให้พร้อมเข้าไว้นะ เพราะฉันเป็นแม่ของหล่อน และรู้จักหล่อนดีที่สุด หล่อนเป็นคนติดความฟุ้งเฟ้อหรูหรา เวลาอยู่ข้างนอกต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์เสมอ ถ้าอยู่ด้วยกันจริง ๆ จะต้องยอมรับกันและกันให้ได้”
เย่ไป๋เผยรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า เขาหันมองผู้หญิงข้าง ๆ ด้วยความรักและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจกว่าที่เคยพูดมา “คุณป้าเซี่ยครับ ผมคิดว่าหล่อนเป็นคนน่ารักคนหนึ่ง และก็เคารพในอาชีพของหล่อนด้วย ไม่มีทางที่ผมจะจับหล่อนขังให้อยู่แต่ในบ้านแน่นอน”
“ตราบใดที่ยอมรับด้านไม่ดีของหล่อนและยอมรับในอาชีพของหล่อนได้ ฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ” คุณแม่เซี่ยเหลือบมองเซี่ยอวี่อย่างสุขใจ จากนั้นบอกกับเย่ไป๋ด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเย่ ไม่ต้องกังวล ฉันจะสอนลูกสาวไม่ให้หล่อนใช้อารมณ์เป็นใหญ่เอง”
“คุณป้าเซี่ย มันไม่จำเป็นหรอกครับ แค่หล่อนเป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว”
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน และเฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่เย่ไป๋แสดงความมั่นใจต่อหน้า ‘แม่ยาย’ ของเขา
เย่ไป๋มองมายังเซี่ยอวี่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความซื่อสัตย์
ความรู้สึกนั้นเป็นของจริงไม่มีลวงหลอกแม้แต่น้อย
ในฐานะที่เซี่ยอวี่เป็นนักแสดง หล่อนอาจจะเสแสร้งทำเป็นว่าคู่จริงได้ แต่ถ้าเย่ไป๋แสดงออกอย่างสมจริงแบบนี้ เขาต้องมีความรู้สึกร่วมอยู่ประมาณหนึ่ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะหลอกพี่ใหญ่มันยากอยู่นะ แต่ดูเหมือนว่าฝั่งหมอเย่จะคิดจริงเกินกว่าเป็นแฟนหลอกแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)