ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 372 ผลแห่งกรรมชั่วได้ตกสู่รุ่นลูกหลาน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 372 ผลแห่งกรรมชั่วได้ตกสู่รุ่นลูกหลาน

ตอนที่ 372 ผลแห่งกรรมชั่วได้ตกสู่รุ่นลูกหลาน

หลังเซี่ยเหลยฟื้นความทรงจำ บรรดาญาติและผองเพื่อนก็ได้ข่าวคราว ทุกคนจึงอยากมาเยี่ยมเยียน อย่างไรก็ตามเซี่ยเหลยบอกว่าเขายังไม่หายดี และไม่ชอบถูกรบกวน แค่อยากทำธุรกิจธรรมดาอย่างเงียบ ๆ ไปก่อน

ทางครอบครัวของเฉินเจียเหอขอให้ทั้งสองครอบครัวมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็นด้วยกัน เซี่ยเหลยจึงเสนอว่าให้จัดในวันสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้

เซี่ยเหลยสามารถฟื้นความทรงจำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และทั้งสองครอบครัวก็จมอยู่กับความสุขจนทุกวันนี้

เซี่ยไห่พูดว่าหลังพบเจอแต่เรื่องร้ายมาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านมันมาได้ จึงควรวางแผนเฉลิมฉลองด้วยกัน

แม้คุณแม่เซี่ยจะมีความสุขมากเหมือนกัน แต่นางยังคงมีเหตุผลและบอกว่าไม่ควรออกตัวแรงเกินไป ไม่อย่างนั้นถ้ารีบมีความสุขมากไป วันต่อมาคงจะไม่มีแล้ว

นางผ่านเหตุการณ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ต้องประสบกับความยากลำบากมากมาย ทุกย่างก้าวต้องก้าวอย่างระมัดระวัง และมักจะรู้สึกเสมอว่าเมื่อใดก็ตามที่ตัวเองอิ่มเอมใจเกินไป ก็กลัวว่าพระเจ้าจะพรากโชคดีที่นางมีในตอนนี้ไปด้วย

นางไม่จำเป็นต้องเฉลิมฉลองอะไรเลย แค่ต้องการให้ลูกชายมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุขก็พอ

เซี่ยไห่ปรับปรุงห้องเต้นรำชั้นสองให้กลายเป็นห้องสำหรับร้องคาราโอเกะ อีกไม่กี่วันอุปกรณ์ทั้งหมดก็พร้อมเปิดให้บริการแล้ว

นี่จะถือเป็นคาเฟ่คาราโอเกะแห่งแรกในไห่เฉิง ก่อนเปิดทำการ เขาจึงอยากชวนเพื่อนพี่น้องมาลองใช้บริการดู

เซี่ยไห่เชิญเพื่อนมาหลายคน โดยเฉพาะเซี่ยตง แต่เขาดูไม่ค่อยชอบเท่าไร

เซี่ยตงไม่ได้เจอเซี่ยเหลยเลยตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งตอนนี้ แม้เซี่ยเหลยจะปฏิเสธพี่สาวของเขาในเวลานั้น แต่พี่สาวเขากลับหลงใหลในตัวเซี่ยเหลยมากจนตามไปหาอีกฝ่ายถึงชนบท เซี่ยตงโกรธมาก เขาจึงเอาความโกรธมาลงกับเซี่ยไห่โดยการถกกางเกงประจาน

แต่เขาก็มีวุฒิภาวะพอที่จะละทิ้งความขุ่นเคืองส่วนตัว ในฐานะอดีตทหารแล้ว เขาให้ความเคารพเซี่ยเหลยเป็นอย่างมาก

ในตอนนั้น เซี่ยเหลยก็เป็นแบบอย่างทางการทหารของเขาด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเหลยฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว เขาก็น่าจะจำน้องชายคนนี้ได้

ยกเว้นเซี่ยตง คนอื่น ๆ ที่เซี่ยไห่เชิญมาต่างตอบรับคำเชิญของเซี่ยไห่ แต่ความจริงแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อพบเจอเซี่ยเหลยต่างหาก

พวกเขาไม่สนใจเรื่องร้องคาราโอเกะนั่นเลย พวกเขาไม่ต้องการเห็นสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้ด้วยซ้ำ

แค่อยากเจอวีรบุรุษในดวงใจเท่านั้น

เซี่ยไห่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาต้องการพาพี่ใหญ่มาปลดปล่อยความเครียด ให้เขาสนุกสนานร่วมกับทุกคน แต่เซี่ยเหลยดูไม่เต็มใจ บอกว่าตัวเองไม่ค่อยชอบร่วมงานสังสรรค์

เซี่ยตงรู้สึกยินดีที่ได้รับคำเชิญจากเซี่ยไห่ ดังนั้นเขาจึงกระตือรือร้นมาก และเป็นคนแรกที่มาถึง

น่าเสียดายที่เขามาเร็วเกินไป เซี่ยไห่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับอีกฝ่าย

แม้เขาจะเลิกโกรธเรื่องถกกางเกงไปแล้ว แต่พวกเขาก็เป็นศัตรูกันมานานหลายปีดีดัก เมื่อได้มาพบกันตอนนี้ ต่างฝ่ายก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาจากตรงไหน

คนสองคนนั่งอยู่บนโซฟา หันหน้าเข้าหากัน บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดและเงียบกริบ

“ความทรงจำของพี่เหลยฟื้นแล้วเหรอ?” เซี่ยตงถาม

เซี่ยไห่พยักหน้า “ใช่ เขาฟื้นตัวเต็มที่แล้ว และจำเหตุการณ์ในอดีตได้เป็นส่วนใหญ่ด้วย”

“อืม ใช้เวลาพอสมควรเลย”

หลังจากที่เซี่ยตงพูดจบ หัวข้อสนทนาก็จบลงเพียงเท่านี้

จู่ ๆ เซี่ยไห่ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง พลางมองไปทางเซี่ยตงแล้วถามขึ้น

“เสิ่นเถี่ยจวินหย่ากับเซี่ยหลานแล้วหรือยัง?”

เมื่อพูดถึงเสิ่นเถี่ยจวิน สีหน้าของเซี่ยตงก็ย่นลงเล็กน้อย “ยังไม่หย่า”

“ยังไม่หย่าอีกเหรอ?” เซี่ยไห่ถามอย่างพูดไม่ออก

ในเมื่อไม่ได้รักกันแล้ว จะขังตัวเองไว้กับอีกฝ่ายไปทำไมหรือเพื่ออะไร?

เซี่ยตงอธิบายว่า “อวี้อิ๋งป่วย ได้ยินมาว่าเสิ่นเถี่ยจวินต้องพาหล่อนไปหาหมอที่อื่น เรื่องหย่าร้างเลยถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว”

“ป่วยเหรอ?”

เมื่อฟังจบ เซี่ยไห่ก็เกิดความสับสน “นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวัน ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือไง?”

เมื่อพูดถึงถึงเสิ่นเถี่ยจวิน สีหน้าแต่เดิมของเซี่ยไห่ก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาสาปแช่งด้วยความโกรธ

“ฉันจะบอกอะไรให้ พวกตระกูลเสิ่นนั่นน่ารังเกียจมาก พวกเขาบุกมาหาเซี่ยเซี่ยเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อสร้างปัญหาให้หล่อน จู่ ๆ เสิ่นอวี้อิ๋งก็ล้มป่วยลงซะอย่างนั้นเนี่ยนะ? ทั้งหมดนี้คงเป็นความผิดของปู่และพ่อของหล่อน ผลกรรมเลยมาตกอยู่กับหล่อนจนได้”

เซี่ยตงได้ยินว่าเซี่ยไห่กำลังสาปแช่งเสิ่นอวี้อิ๋ง จึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “อย่าพูดไร้สาระน่า”

“ใครพูดไร้สาระ? หล่อนนั่นแหละตัวดี ยุยงให้พวกตระกูลเสิ่นมายุ่งวุ่นวายกับเซี่ยเซี่ยตลอด โชคดีที่เซี่ยเซี่ยมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตอกกลับพวกนั้นจนหน้าชา”

เซี่ยไห่มองตรงไปยังเซี่ยตงด้วยความรังเกียจ “เสิ่นอวี้อิ๋งถูกผู้ชายตามเทียวไล้เทียวขื่อและก่อกวน พอหล่อนไม่สามารถจัดการได้ก็เลยโยนความผิดมาลงกับเซี่ยเซี่ย นายคงยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม? แล้วได้เห็นไดอารี่ที่หล่อนเขียนหรือยังล่ะ?”

“ไดอารี่?” เซี่ยตงถามด้วยความสับสน “ไดอารี่อะไร?”

เซี่ยไห่เล่าให้เซี่ยตงคร่าว ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง

หลังพูดอย่างนั้น เขาก็เตือนเซี่ยตงด้วยความเป็นห่วง

“ตั้งแต่นี้ไปนายกับครอบครัวคอยจับตาดูหล่อนไว้แล้วกัน เด็กคนนั้นนิสัยร้ายกาจมานานแล้ว แค่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาไม่มีมีพิษมีภัยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วจิตใจของหล่อนดำมืดกว่าใครหลายคน ที่สำคัญคือหล่อนไม่รักนวลสงวนตัวเลย ในฐานะผู้หญิง นี่คือสิ่งอันตรายที่สุด ไม่ช้าก็เร็วหล่อนนั่นแหละจะเป็นคนที่ต้องสูญเสียทุกอย่าง”

เซี่ยตงรู้สึกหมดใจจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หลังรู้ความจริงว่าเสิ่นอวี้อิ๋งทำอะไรลงไปบ้าง

แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ เขาจึงพอจะเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานที่หล่อนเคยประสบสมัยอยู่ในชนบท คิดว่าหล่อนคงไม่ได้รับการสั่งสอนอย่างถูกต้อง เขาจึงอดทนต่อการดูแลเด็กรุ่นใหม่ และไม่เข้มงวดหล่อนจนเกินไป

จนกระทั่งเซี่ยไห่บอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งแอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชาย และไดอารี่ที่หล่อนเขียนนั้นก็เป็นหลักฐานชั้นดี เซี่ยตงได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้ว

เซี่ยไห่ไม่อาจหยุดพร่ำบ่นเกี่ยวกับตระกูลเสิ่นได้เลย “พอคานบนไม่ตรง คานล่างก็คดเคี้ยว ครอบครัวพวกเขามีแต่ความชั่วร้าย โดยเฉพาะผู้เฒ่าเสิ่นที่ร้ายกาจยิ่งกว่าใคร เขาเป็นคนอุกอาจไม่เลือกหน้า ตามใจหลานจนเสียคน ไม่แยกแยะเลยระหว่างถูกหรือผิด เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งทำนิสัยเลวทรามขนาดนั้นเขากลับยังนิ่งเฉยอยู่ได้ ไม่นานหรอก ครอบครัวนี้ต้องสูญสิ้นสกุลในสักวัน”

หลังเซี่ยไห่พูดจบ เขาก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ “ทำไมพี่เซี่ยหลานถึงไปแต่งงานกับคนแบบนั้นได้?”

เซี่ยตงตอบกลับเบา ๆ “แล้วใครบอกให้พี่ใหญ่นายไม่ชอบพี่สาวฉันล่ะ? ถ้าเขายอมรับรักพี่สาวฉันตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

เซี่ยไห่กลอกตามาที่เขาและพูดเยาะเย้ย “นายคิดว่าหล่อนจะมีความสุขจริง ๆ เหรอถ้าได้แต่งงานกับพี่ใหญ่?”

ชีวิตของหลิวกุ้ยอิงย่ำแย่กว่าเซี่ยหลานมาก

ในตอนท้ายของประโยค เซี่ยไห่ถอนหายใจเน้นหนัก “ทั้งหมดเป็นเพราะโชคชะตาแท้ๆ”

หลังจากนั้นเฉินเจียเหอและถังจวิ้นเฟิงก็มาถึง

เซี่ยไห่รีบลุกขึ้นไปแนะนำอุปกรณ์ร้องคาราโอเกะให้พวกเขา และพาทุกคนไปเยี่ยมชมห้องร้องคาราโอเกะที่เพิ่งปรับปรุงใหม่อีกด้วย

แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจมันเท่าไหร่นัก

ถังจวิ้นเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าความทรงจำของเซี่ยเหลยฟื้นคืนกลับมาบ้างแล้ว

เพราะอาการป่วยของบุคคลต้นแบบรบกวนจิตใจเขามาโดยตลอด

ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับเรื่องงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยไม่สามารถแวะมาเยี่ยมเยียนได้บ่อยครั้ง

ทันทีที่เข้ามา ก็รีบถามถึงอาการบุคคลในดวงใจตัวเองด้วยความเป็นกังวล

เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเหลยฟื้นตัวได้ดีมากขึ้นและกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานในร้านอาหาร ถังจวิ้นเฟิงพูดทันทีว่าไม่กี่วันนี้เขาพอมีเวลาว่าง และจะขอไปเยี่ยมชมร้านอาหารเพื่อกินอาหารฝีมือเซี่ยเหลยสักมื้อ

เย่ไป๋ก็ถูกเซี่ยไห่เรียกตัวมาเช่นกัน

เมื่อเขาเข้ามา เซี่ยไห่ก็หาที่นั่งให้เขาอย่างกระตือรือร้น และพูดด้วยรอยยิ้มราวกับล้อเลียนว่า

“มานั่งเร็วครับ พี่เขย”

เซี่ยตงมองไปยังหมอหนุ่มที่หล่อเหลาด้วยความประหลาดใจ

เขาถามอย่างสงสัยว่า “เซี่ยไห่ ทำไมนายถึงเรียกหมอเย่แบบนั้น?”

เซี่ยไห่ระงับเสียงหัวเราะ และจงใจผลักเย่ไป๋ไปข้างหน้า “ให้เขาแนะนำตัวเองแล้วกัน”

เย่ไป๋สบตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น รู้สึกเขินอายมาก ๆ

สาเหตุหลักเป็นเพราะรู้สึกผิดมากกว่า

แต่เขาไม่สามารถหลบหนีสายตาที่จริงใจของเซี่ยไห่ไปไหนได้เลย

เขาสัญญากับเซี่ยอวี่ว่าจะยังไม่เปิดเผยความลับที่ตกลงกันไว้

แน่นอน…

เขายังรู้สึกเป็นเกียรติมากเมื่อได้ยินเซี่ยไห่เรียกเขาว่าพี่เขยแบบนี้

เย่ไป๋สงบสติอารมณ์ลง แนะนำตัวเองอย่างใจเย็นว่า “ผมกำลังคบอยู่กับเซี่ยอวี่”

“อะไรนะ?”

ถังจวิ้นเฟิงเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ มองไปยังเย่ไป๋แล้วอุทานว่า “หมอเย่ นี่นายเล่นจับนักแสดงสาวชื่อดังมาเป็นแฟนเลยเหรอ?”

เซี่ยตงแปลกมากใจเช่นกัน “นายเป็นแฟนกับเซี่ยอวี่จริง ๆ เหรอ?”

เย่ไป๋ปาดเหงื่ออย่างรู้สึกผิด และพยักหน้าด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม “ใช่”

“โอ้พระเจ้า เรื่องนี้ทำเอาฉันตกใจจะแย่”

เซี่ยตงมองไปทางเย่ไป๋ และถอนหายใจในใจ

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตอนที่เขาเป็นวัยรุ่นและตกหลุมรักเป็นครั้งแรก เขาก็แอบชอบเซี่ยอวี่เหมือนกัน แต่ต่อมาความหลงใหลก็จบลงโดยไม่ทิ้งบาดแผลใด ๆ แล้วเขาก็แต่งงานมีลูก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้ยินข่าวคราวจากเซี่ยอวี่เลย รู้แค่ว่าหล่อนไม่ยอมแต่งงานสักที

ใครจะคิดว่าทันทีที่มาถึงไห่เฉิง หล่อนจะรับสมัครหมอหนุ่มหล่อเข้ามาดูแลหัวใจอย่างง่ายดาย

เขาอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้เย่ไป๋ และส่งสายตาที่มีความหมายออกไป

พ่อหนุ่ม นายนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

วีรกรรมหลานสาวตัวเองแต่ละเรื่องนี่ท้าทายศีลธรรมใช่ย่อยนะค่ะพี่เซี่ยตง ถ้าได้รู้รายละเอียดมากกว่านี้แล้วจะช็อก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน