ตอนที่ 373 เฉินเจียเหอกลายเป็นคนหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่ 373 เฉินเจียเหอกลายเป็นคนหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ถังจวิ้นเฟิงยิ้มและพูดกับเฉินเจียเหอ “เหล่าเฉิน งั้นจากนี้ไปนายต้องเรียกพี่เซี่ยว่าอารอง แล้วเรียกหมอเย่ว่าอาเขยสินะ”
เซี่ยตงเอนหลังพิงพนักโซฟา ยกขาขึ้นไขว่ห้าง พูดเสริมด้วยท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ว่า “งั้นนายต้องเรียกฉันว่าน้าด้วยสิ”
เมื่อถังจวิ้นเฟิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มองไปที่เฉินเจียเหอด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ
สหายพี่น้องคนสนิทของเขากลายเป็นอาไปหมดแล้วเหรอ?
เซี่ยไห่และเซี่ยตงอายุมากกว่า และพวกเขาทั้งสองก็เป็นผู้อาวุโสของทางฝั่งหลินเซี่ย ดังนั้นถังจวิ้นเฟิงจึงไม่แปลกใจมากนัก
แต่สำหรับเย่ไป๋ นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
คุณเซี่ยอวี่อยู่ที่ไห่เฉิงแค่กี่วันเอง? เย่ไป๋ครองตัวเป็นโสดมานานสามสิบปี ทันทีที่หล่อนอย้ายมาก็ตามจีบเลยงั้นเหรอ
ในบรรดาผู้ชายทั้งหมด ทำไมเขาถึงได้โชคดีขนาดนี้?
เซี่ยไห่รินเหล้าให้ทุกคน แล้วสั่งเฉินเจียเหอด้วยท่าทางเหมือนผู้อาวุโส “เจียเหอ มาเถอะ เรียกฉันว่าอารองให้ทุกคนฟังหน่อย”
เซี่ยตงก็ยืดหลังนั่งตัวตรงเช่นกัน ในเมื่อเขาอยากให้อีกฝ่ายเรียกอาเหมือนกับเซี่ยไห่ เขาก็ควรจะทำท่าทางให้น่าเคารพนับถือ
เฉินเจียเหอเชื่อฟังมาก ยกแก้วขึ้นเพื่อดื่มอวยพรเซี่ยไห่เป็นคนแรก
“อารอง ผมขอดื่มอวยพรคุณ”
เฉินเจียเหอให้ความเคารพเขามาก เซี่ยไห่ปลื้มปริ่มถึงขั้นล่องลอยหายไปบนอาากศ
เขายกแก้วไวน์ขึ้นแล้วกระดกดื่มหมดในอึกเดียว
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดที่เขาเคยรู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าสหายพี่น้อง
เขาคิดถึงขนาดจะแวะไปเยี่ยมหลุมศพอดีตผู้บัญชาการกองร้อยและบอกข่าวดีให้เขารับรู้ด้วยซ้ำ
เซี่ยไห่รู้สึกมีความสุขมาก เฉินเจียเหอมองหน้าเขาและพูดต่อว่า “อารอง เราจะย้ายไปที่บ้านหลังใหม่ภายในเดือนหน้า ยังขาดเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และข้าวของอย่างอื่น…”
เซี่ยไห่โบกไม้โบกมือ อาสาโดยไม่ลังเล “ฉันซื้อให้”
เย่ไป๋เป็นคนมีนิสัยช่างสังเกตและอ่อนโยน เขาและเฉินเจียเหอรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม รู้ดีว่าเพื่อนไม่มีทางเอาเปรียบเซี่ยไห่ในฐานะเพื่อนรุ่นพี่แบบนี้
ที่สำคัญคือเขาเป็นคนยึดมั่นในศักดิ์ศรีมากเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือ
แน่นอน ตัดภาพมาที่เวลานี้ เขาเริ่มรู้สึกว่าเฉินเจียเหอหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเขาอ้าปากเรียกร้องจากเขาบ้าง เงินเดือนที่เดิมทีก็น้อยนิดอยู่แล้วอาจไม่เหลือ
เขาไอเบา ๆ แล้วขัดจังหวะขึ้นว่า “ฉันกับเสี่ยวเซี่ย… เอ่อ ฉันกับอาของนายยังไม่ได้แต่งงานกัน นายคงไม่จำเป็นต้องดื่มอวยพรฉันหรอกมั้ง”
ตอนแรกเซี่ยตงอยากให้เฉินเจียเหอเรียกเขาว่าอาเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อเห็นว่าเขาขูดรีดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเซี่ยไห่ เขาก็รีบโบกมือ “วันนี้เราทุกคนจะยังคงเป็นสหายพี่น้องกันเหมือนเดิม น่ายินดีจริง ๆ”
ด้วยทรัพยากรทางการเงินที่เขาได้รับจากค่ายทหาร เขาจะมีเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร?
ต่อให้อีกฝ่ายเอ่ยปากขอ เขาก็ไม่มีปัญญาอยู่ดี
แต่เฉินเจียเหอไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยพวกเขาไป เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา และยืนกรานว่าจะดื่มอวยพรเย่ไป๋ “อาเขย ก่อนหน้านี้คุณย่าบอกแล้วว่าในเมื่อคุณตัดสินใจว่าจะคบกับอา ก็ไม่ควรทำให้เธอผิดหวัง การแต่งงานจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่สำคัญเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ไป๋เห็นด้านอันธพาลของเฉินเจียเหอ
แต่ประโยคสุดท้ายของเขาฟังดูน่าพอใจทีเดียว
เย่ไป๋อดใจไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงต้องยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มด้วย
ทันใดนั้น คำขอของเฉินเจียเหอก็ตามมาด้วย “อาเขย ขณะที่นายอยู่ที่บ้านของลุงหมอเย่ รบกวนช่วยดูแลเอ้อร์เลิ่งแทนฉันด้วย”
คำขอนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป แม้ว่าเฉินเจียเหอจะไม่ออกปากพูด เย่ไป๋ก็จะปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยจรรยาบรรณอย่างสุดหัวใจ
เขาพยักหน้า “ฉันจะทำ”
“เดือนนี้ฉันยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาของเขาเลย วันพรุ่งนี้ช่วยเป็นธุระจ่ายแทนฉันให้ลุงหมอเย่ที ฉันเกรงใจเกินกว่าจะปล่อยให้เอ้อร์เลิ่งอาศัยอยู่กับเขาอย่างเปล่าประโยชน์ไปอีกนาน รอให้ฉันได้เงินเดือนเมื่อไหร่… แต่นายในฐานะผู้อาวุโสคงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงินกับฉันหรอกมั้ง”
เย่ไป๋ “!!!”
เมื่อเฉินเจียเหอมองไปทางเซี่ยตง เซี่ยตงก็ถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว บ่นว่า “ไอ้หมอนี่ คิดจะทำอะไร? จะปล้นพวกเราเรอะ?”
เฉินเจียเหอพูดอย่างเหยียดหยาม “คุณนี่กลัวไม่เข้าเรื่อง”
เซี่ยตงอยากพูดเหลือเกินว่านายเรียกร้องเงินจากทุกคนทันทีที่เปิดปากอวยพร แล้วจะไม่ให้ฉันกลัวได้ยังไง?
ฉันได้เงินแค่เดือนละเท่าไหร่? แถมยังต้องเลี้ยงดูครอบครัวอีก
“น้าครับ ผมขอดื่มอวยพรคุณ”
เซี่ยตงไม่ตอบ
เฉินเจียเหอยกแก้วเหล้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ขออะไรที่ทำให้คุณต้องถอนขนไก่เหล็กหรอกน่า”
ในฐานะผู้บังคับบัญชา เซี่ยตงแสดงทัศนคติที่ชัดเจนมาก “ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกคำขอของตัวเองมาก่อน ถ้าฉันยอมรับได้ค่อยรับคำอวยพรจากนาย”
เฉินเจียเหอไม่มีทางเรียกเขาว่าอาอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน
เฉินเจียเหอมองไปที่เซี่ยตง พูดว่า “น้าช่วยกลับไปสั่งสอนหลานสาวของตัวเองให้ดีกว่านี้ อย่าปล่อยให้หล่อนทำตัวเหมือนสัตว์ประหลาดอีก หรือเอาแต่ใส่ความให้ตระกูลเสิ่นมาสร้างปัญหาให้กับภรรยาของผม”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียเหอพูด ใบหน้าของเซี่ยตงก็มืดลง
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับว่า “ไว้ฉันจะบอกพี่สาวให้”
จากนั้นเขาก็ยกแก้วเหล้าจากเฉินเจียเหอขึ้นดื่ม
เมื่อพูดถึงเสิ่นอวี้อิ๋ง น้ำเสียงของเซี่ยไห่ฟังดูค่อนข้างสาสมใจ
“เจียเหอ เซี่ยตงเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าเสิ่นอวี้อิ๋งป่วย เสิ่นเถี่ยจวินก็วางแผนจะพาหล่อนไปรับการรักษาที่อื่น เร็ว ๆ นี้หล่อนคงยังไม่ออกมาแผลงฤทธิ์แน่”
เฉินเจียเหอรู้สึกประหลาดใจ ป่วยเหรอ?
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ไร้ความเมตตาจริง ๆ ในที่สุดสวรรค์ก็ตื่นลืมตาแล้วเหรอ?
เขาถามเซี่ยตง “รู้ไหมว่าโรคอะไร?”
เซี่ยตงส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ พ่อเล่าให้ว่า พวกเขาพยายามบอกว่าหล่อนเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ก่อนหน้านี้ก็เคยมีอาการคลื่นไส้ บางทีหล่อนอาจจะท้องไส้ไม่ดีเฉย ๆ ก็ได้”
เซี่ยไห่ไม่ค่อยเชื่อข้อโต้แย้งนี้ “ถ้าท้องไส้ไม่ดี ทำไมต้องถ่อสังขารไปรักษาที่เมืองอื่น? ไห่เฉิงไม่มีหมอเก่ง ๆ คนอื่นแล้วหรือไง? หมอเทวดาเย่ก็อยู่ที่นี่ทั้งคน ทำไมพวกเขาไม่พาเธอไปรักษากับเขาล่ะ?”
หลังจากที่เซี่ยไห่พูดจบ เขาก็เหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นเพราะหมอแผนจีนเย่มองเห็นนิสัยธาตุแท้ของเสิ้นอวี้อิ๋งอย่างชัดเจน ก็เลยปฏิเสธที่จะรักษาหล่อน”
เย่ไป๋รีบหักล้างข่าวลือไร้มูลนั้น “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ลุงรองของผมเป็นคนใจดี เขาไม่เคยเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยคนไหนผ่านแว่นตาสี เสิ่นอวี้อิ๋งไม่เคยไปรับการรักษาจากลุงรองเลยสักครั้ง”
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยเจอ แต่ลุงของเขาไม่เคยพูดถึงเธอเลย
พออพูดถึงเสิ่นอวี้อิ๋ง เย่ไป๋ก็หวนนึกถึงตอนที่เขาเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเสิ่นอวี้อิ๋งขณะวิ่งพะอืดพะอมไปที่ห้องน้ำ ในวันที่หล่อนตามเสิ่นอวี้หลงไปรับการรักษาจากลุงรองของเขาเป็นวันแรก
ท่าทางของหล่อนดูไม่เหมือนเด็กสาวไร้มลทิน
แต่เหมือนเป็นผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องมากกว่า
เมื่อผนวกรวมกับคำพูดของเซี่ยตงเมื่อกี้ เย่ไป๋จึงคาดเดาได้อย่างกล้าหาญในใจ
เสิ่นอวี้อิ๋งอาจไม่ได้ป่วย แต่กำลังตั้งท้องอยู่ต่างหาก หล่อนถึงต้องหลบหน้าผู้คนออกไปนอกเมือง
ไม่อย่างนั้น เมื่อพิจารณาจากระดับความไว้วางใจของเซี่ยหลานที่มีต่อหมอแผนจีนเย่ ตราบใดที่ลูกสาวของหล่อนเจ็บไข้ได้ป่วย หล่อนต้องพาลูกสาวมารับการรักษาจากหมอเย่โดยเร็วที่สุดอย่างแน่นอน
หรือไม่ อย่างน้อยหล่อนก็ควรเข้ารับการรักษาจากหมอที่เชื่อถือได้ในโรงพยาบาลไห่เฉิง
เสิ่นอวี้อิ๋งยังเป็นแค่นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ทำไมถึงพลาดแบบนั้น?
เมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยของเย่ไป๋ เซี่ยไห่ก็เอาแขนโอบไหล่เขา และจงใจล้อเลียนว่า “พี่เขย ทำไมนายเอาแต่นั่งทำหน้ามึนอยู่ได้ ดื่มเร็วเข้า”
“ดื่ม”
เย่ไป๋สงบลง ในที่สุดก็ไม่คิดจะพูดถึงเสิ่นอวี้อิ๋งอีก
ในฐานะหมอ เขายังยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพที่พึงมี
เย่ไป๋ดื่มจนหมด จากนั้นก็หันไปเตือนเซี่ยไห่อย่างเชื่องช้า “เถ้าแก่เซี่ย ไม่เห็นต้องเรียกผมว่าพี่เขยเลย เรียกแค่ชื่อของผมก็พอแล้ว”
เซี่ยไห่กลั้นยิ้มและพูดอย่างชอบธรรมว่า “ไม่เป็นไร นายเป็นแฟนพี่สาวฉัน จะไม่ให้ฉันเรียกนายว่าพี่เขยได้ยังไง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้าพี่สาวของเขาสามารถขยับจากสถานะจอมปลอมกับเย่ไป๋สู่สถานะจริงได้
แพทย์วิชาชีพที่โดดเด่นและหล่อเหลาคนนี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นพี่เขยของเขา
ดีกว่าปล่อยให้หล่อนไปแต่งงานกับนักธุรกิจอ้วนลงพุงพวกนั้นเป็นไหน ๆ
เมื่อก่อนตอนอยู่ฮ่องกง เขานี่แหละที่ต้องคอยกันท่าพี่สาวไม่ให้รับดอกไม้และเครื่องประดับที่เหล่านักธุรกิจผู้มั่งคั่งส่งมาให้
น่ารำคาญจะตายไป
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอเย่ฉลาดมาก ฟังคำใบ้ไม่กี่ประโยคก็รู้แล้วว่าเรื่องราวเป็นยังไง
ไหหม่า(海馬)