ตอนที่ 4 ออกโรง
ฝนฟ้าคะนอง เสียงสะอื้นไห้ของเสี่ยวเหลียนถูกเสียงฝนฟ้าคะนองนี้กลบเอาไว้แทบไม่ได้ยิน
นิ้วมือเรียวยาวราวหยกลูบดอกกล้วยไม้บนหมอน ในใจซินโย่วพลันหนักอึ้ง ตอนเสี่ยวเหลียนเกิดเรื่องนางปักดอกไม้ขาวบนศีรษะและสวมชุดขาว เป็นเพราะการตายของคุณหนูโค่วหรือ
แต่ตอนนี้นาง…คือ ‘คุณหนูโค่ว’
กระแสไอเย็นวาบกลางหลังทำให้ซินโย่วไม่ทันได้รู้สึกถึงความกลัว แต่รู้สึกถึงความเย็นวาบ
หลังนางกลับมาจากข้างนอก ได้เห็นมารดานางและบรรดาน้าๆ ที่เห็นนางโตมาต้องตายอนาถ ก็ไม่มีสิ่งใดทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวได้อีกแล้ว
“เสี่ยวเหลียน”
เสียงเคลื่อนไหวด้านนอกลนลานเล็กน้อย สักครู่หนึ่งเสี่ยวเหลียนก็ก้มหน้าเดินเข้ามา “คุณหนู มีอันใดสั่งการหรือเจ้าคะ”
ในห้องมืดสลัว มีแสงจากฟ้าแลบทำลายความมืดลง แสงสว่างวาบขึ้นในห้องทีหนึ่ง เสี่ยวเหลียนเห็นสาวน้อยปล่อยผมนั่งอยู่ แววตาดำลุ่มลึกน่ากลัว
เห็นชัดว่าเป็นแววตาทั้งสองที่เหมือนคุณหนูตน แต่กลับทำให้นางรู้สึกกลัวอย่างไร้เหตุผล
“เสี่ยวเหลียน ลองเล่าเรื่องคุณหนูโค่วให้ข้าฟังอีกรอบ” น้ำเสียงซินโย่วยังคงเรียบเย็นสงบนิ่งต่างจากลมฝนกระโชกแรงนอกหน้าต่าง
เสี่ยวเหลียนตั้งสติแล้วเอ่ยรับคำเบาๆ “เจ้าค่ะ”
วันรุ่งขึ้นซินโย่วตื่นค่อนข้างสาย เพิ่งจะล้างหน้าบ้วนปาก ไม่ทันได้กินอาหารเช้า สาวใช้ก็มารายงานว่าคุณหนูทั้งสามมา
ดูจากเวลาแล้ว พวกนางน่าจะตรงมาจากหลังคำนับนายหญิงผู้เฒ่ายามเช้า ซินโย่วแสดงท่าทางบอกให้เสี่ยวเหลียนไปเชิญพวกนางเข้ามา
ผ้าม่านเลิกขึ้น สาวน้อยสามคนเดินเข้ามา
สาวน้อยที่เดินนำมาสวมชุดกระโปรงสีแดงชาด ผิวขาวปากแดงดุจดอกกุหลาบเบ่งบาน ซินโย่วรู้จากคำบอกเล่าของเสี่ยวเหลียนว่ารองเจ้ากรมต้วนมีบุตรสาวสามคน มีเพียงคุณหนูรองต้วนอวิ๋นหวาที่ถือกำเนิดจากนายหญิงใหญ่เฉียวซื่อ ก็คงเป็นสาวน้อยกระโปรงแดงผู้นี้
สาวน้อยสองคนที่ตามมาด้านหลังเล็กน้อย คนที่อายุมากกว่าวงคิ้วงาม วงหน้าพริ้งเพรา น่าจะเป็นคุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋นหว่าน อีกคนเป็นสาวน้อยดวงตาเมล็ดซิ่ง[1] น่าจะเป็นคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิง
โค่วชิงชิงขึ้นเขาไปเที่ยวกับสามพี่น้องนี้ ส่วนคุณหนูสี่ต้วนอวิ๋นเยี่ยนอายุยังน้อย วันนั้นไม่ได้ออกจากบ้านไปกับบรรดาพี่สาว
ตามความเห็นซินโย่ว หากโค่วชิงชิงตกหน้าผาไม่ใช่อุบัติเหตุ ผู้ลงมือย่อมต้องเป็นหนึ่งในสามคนนี้
ต้วนอวิ๋นหวายืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ก้มลงมองซินโย่วที่นั่งพิงหมอนอยู่ จ้องมองอย่างไม่ปิดบัง “น้องชิง เจ้าสูญเสียความจำจริงหรือ”
“กระแทกโดนศีรษะ จำไม่ค่อยกระจ่างเท่าไรเจ้าค่ะ” ซินโย่วตอบตามจริงพลางแอบสังเกตสีหน้าต้วนอวิ๋นหวา สายตาอีกฝ่ายถึงกับมีแววลิงโลดดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง
ต้วนอวิ๋นหวานั่งลงบนเก้าอี้กลม ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “น้องชิงไม่ต้องร้อนใจไป ค่อยๆ พักรักษาตัวให้ดี แม้ว่าคิดอันใดไม่ออก ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตภายหน้า”
“พี่หวากล่าวได้ถูกต้อง”
คุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋นหว่านข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “น้องชิงสูญเสียความทรงจำไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้…”
นางมองไปทางต้วนอวิ๋นหวา ความหมายแฝงก็คือ ในเมื่อสูญเสียความทรงจำ เหตุใดยังจำต้วนอวิ๋นหวาได้
ซินโย่วหันไปสนใจต้วนอวิ๋นหว่าน เอ่ยอธิบายไปว่า “ข้าถามเสี่ยวเหลียนถึงรูปโฉมพวกพี่มาแล้ว”
ต้วนอวิ๋นหว่านมองเสี่ยวเหลียนทีหนึ่ง ยิ้มปลอบใจ “ยังดีมีเสี่ยวเหลียน วันหน้าน้องชิงมีอันใดไม่เข้าใจก็มาถามพี่ได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณพี่หว่าน” ซินโย่วพยักหน้ารับ มองไปทางคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิง
ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ต้วนอวิ๋นหลิงก็ไม่ได้เอ่ยอันใด ยามนี้ซินโย่วมองมา นางถึงกับยังเหม่อลอย
“น้องสาม…” ต้วนอวิ๋นหว่านแตะต้วนอวิ๋นหลิงเบาๆ
ต้วนอวิ๋นหลิงจึงได้สติคืนมาทันที แววตาสว่างวาบขึ้นเอ่ยว่า “พี่ชิง พี่รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“เมื่อวานกินยาไปแล้ว รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” ซินโย่วตอบทุกคำถามด้วยท่าทางอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
สายตาต้วนอวิ๋นหลิงมองไปยังใบหน้าที่ยังคงซีดขาวของนาง แววตาสับสนอยู่บ้าง เอ่ยว่า “เช่นนั้นพี่ชิงพักผ่อนให้ดีๆ…”
ต้วนอวิ๋นหวาลุกขึ้นยืน “น้องชิงก็พักผ่อนให้ดีๆ เถอะนะ พวกเราไม่รบกวนน้องชิงแล้ว”
“เสี่ยวเหลียน ไปส่งคุณหนูทั้งสามแทนข้าด้วย”
ซินโย่วมองตามทั้งสามคนออกไปแล้วพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
คุณหนูรองต้วนอวิ๋นหวาเผยสีหน้าดีใจกับการสูญเสียความจำของคุณหนูโค่ว คุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋น หว่านค่อนข้างใส่ใจกับการสูญเสียความจำของคุณหนูโค่ว ส่วนปฏิกิริยาคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิงก็ยิ่งน่าค้นหา
การได้พบปะสนทนากับคุณหนูทั้งสามจวนรองเจ้ากรมทำให้ยิ่งรู้สึกว่าการตกหน้าผาของคุณหนูโค่วไม่ธรรมดาเสียแล้ว
เสี่ยวเหลียนกลับเข้าห้องเห็นซินโย่วกำลังครุ่นคิดก็เอ่ยว่า “บ่าวจะไปยกอาหารเช้าเข้ามาให้คุณหนู”
ซินโย่วเหลือบตามองเสี่ยวเหลียนเดินไปที่ประตูเกือบชนกับคนที่มา
“คุณหนูสาม…”
“ไม่ได้ชนถูกกระมัง” ต้วนอวิ๋นหลิงออกไปแล้วก็กลับมา ยิ้มขอโทษเสี่ยวเหลียน พลางเดินเข้ามาอธิบาย “ตอนเดินอยู่ ข้าพบกว่าต่างหูหลุดหายไป อาจจะตกอยู่ที่เรือนพี่ชิง …”
“เช่นนั้นบ่าวช่วยท่านหาดู…”
ต้วนอวิ๋นหลิงโบกมือ “ไม่ต้อง เจ้าไปทำงานเถอะ”
เสี่ยวเหลียนมองไปทางซินโย่ว เห็นนางพยักหน้า ก็ถอยออกไปเงียบๆ
ต้วนอวิ๋นหลิงก้มลงมองหา สายตาส่องประกายเอ่ยว่า “ตกอยู่ที่นี่จริงด้วย!”
“หาเจอแล้วก็ดี” สายตาซินโย่วมองไปยังใบหูขวาของต้วนอวิ๋นหลิงแล้วต่อไปยังต่างหูไข่มุกในมือนาง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนพี่ชิงแล้ว”
“น้องหลิงค่อยๆ เดินนะ”
ต้วนอวิ๋นหลิงกำต่างหูกำลังจะหันหลังไป พลันหยุดฝีเท้าลง “รบกวนพี่ชิงช่วยใส่ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
ซินโย่วอึ้งไปเล็กน้อย พลันยิ้มเอ่ยว่า “ได้สิ”
ต้วนอวิ๋นหลิงนั่งลงบนเก้าอี้กลมข้างเตียง ค่อย ๆ โน้มตัวลง
ซินโย่วใส่ต่างหูให้คนอื่นเป็นครั้งแรก ยังดีที่นางมือนิ่ง จึงช่วยต้วนอวิ๋นหลิงใส่ได้อย่างสบาย
“ขอบคุณพี่ชิง” ต้วนอวิ๋นหลิงลูบไข่มุกละมุนที่ห้อยอยู่ มองรอยยิ้มบางของซินโย่วพลางลังเลครู่หนึ่ง “พี่ชิง ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ พวกเราขึ้นเขาไปไหว้พระด้วยกัน นักพรตบอกว่าพี่ดวงชงประสบเคราะห์ จะเกิดเหตุเภทภัย หากเป็นดังที่คาดไว้ ก็คงเป็นเรื่องเมื่อหลายวันก่อน วันหน้าพี่ก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน อย่าได้ออกไปนอกบ้านมากนัก แม้อยู่ในบ้าน…ก็ต้องระวังให้มาก”
“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณน้องหลิงที่เตือน”
“เช่นนั้นพี่ชิงก็พักผ่อนเถอะ” ต้วนอวิ๋นหลิงลุกขึ้นขอตัว เดินออกจากห้องส่วนนอกก็เจอกับเสี่ยวเหลียนที่ยกอาหารเข้ามา
เสี่ยวเหลียนยกถาดเอี้ยวตัวหลบ “คุณหนูสามค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”
ต้วนอวิ๋นหลิงพยักหน้า รีบก้าวออกจากเรือนหว่านฉิงไปทันที
ซินโย่วไตร่ตรองคำพูดของต้วนอวิ๋นหลิง เห็นเสี่ยวเหลียนเข้ามาก็ถามขึ้นว่า “ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ คุณหนูโค่วไปไหว้พระ มีนักพรตตรวจดวงชะตาให้นางหรือ”
เสี่ยวเหลียนมีสีหน้าไม่รู้เรื่อง “ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ คุณหนูหลายท่านไปไหว้พระด้วยกัน แต่ตอนพบกับนักพรต พวกบ่าวรออยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่านักพรตเอ่ยอันใดเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” ซินโย่วรับช้อนกระเบื้องที่เสี่ยวเหลียนส่งมา ค่อยๆ กินโจ๊ก
ก็หมายความว่า ‘คุณหนูโค่ว’ ที่สูญเสียความทรงจำ ไม่อาจอาศัยเสี่ยวเหลียนพิสูจน์ความจริงเท็จของคำพูดคุณหนูสามได้ แต่คำเตือนในคำพูดของคุณหนูสามชัดเจนมาก เป็นความห่วงใยต่อพี่สาวลูกพี่ลูกน้องผู้นี้แท้จริง หรือว่าคุณหนูสามรู้อันใดมา แต่ก็อาจเป็นพวกขโมยร้องเรียกให้จับขโมยเพื่อเบี่ยงเบนก็เป็นได้
วันนี้พวกที่มาสืบความย่อมไม่ได้มีเพียงแค่สามสาวพี่น้อง ซินโย่วจึงไม่รีบร้อนวิเคราะห์
พอรับประทานอาหารเสร็จ ยาก็ต้มก็พร้อมแล้ว
ซินโย่วคิดถึงรสขมเฝื่อนของยาเมื่อวานแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ไม่กล่าวอันใดมาก รับชามยาจากมือเสี่ยวเหลียนจิบไปคำหนึ่ง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย พร้อมกับคายยาใส่ผ้าเช็ดหน้า
“คุณหนูเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ”
ซินโย่วจ้องมองยาในชาม คิ้วยิ่งขมวดแน่น
ยาชามนี้คล้ายว่าไม่เหมือนกับเมื่อวาน
[1] ดวงตาเมล็ดซิ่ง มีลักษณะคล้ายอัลมอนด์ จะหมายถึงเรียวตาไม่ยาวนัก หัวตาหางตามน ลูกตาดำกลมชัดเจน มักหมายถึงดวงตากลมโต