สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 11 วานรแสนรู้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 11 วานรแสนรู้

“คุณหนูยังจำได้หรือไม่ ตอนนั้นท่านตกลงมาจากที่ตรงนั้น” ต่อหน้าสองผู้คุ้มกัน เสี่ยวเหลียนชี้ไปยังเส้นทางคดเคี้ยวหนึ่ง

ยามนี้ดอกซานอิงโรยราแล้ว สถานที่แห่งนี้มีดอกตู้เจวียนสีเขียวอมขาวดุจหิมะทั่วผืนป่า งดงามสะดุดสายตาภายใต้แสงตะวันเจิดจ้า

ซินโย่วก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง

“คุณหนู!” เสี่ยวเหลียนรีบดึงนางไว้

สองผู้คุ้มกันเองก็อดเตือนไม่ได้

“วางใจ ข้าจะไม่เข้าไปใกล้” ซินโย่วไม่ก้าวต่อไปอีก เพียงแต่ชะโงกศีรษะลงไปดูเล็กน้อยเท่านั้น

แม้เขาเชียนอิงไม่นับว่าสูง แต่กลับเขียวชอุ่มซ้อนทับหลายชั้น มองดูแล้วทำเอาวิงเวียนตาลาย

ซินโย่วฟังอย่างละเอียด ได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบแว่วมา

“ด้านล่างมีน้ำตก?”

หนึ่งในผู้คุ้มกันตอบว่า “มีขอรับ น้ำตกนั่นรวมตัวเป็นทะเลสาบลึกเชื่อมต่อกับแม่น้ำ ตอนแรกที่หาคุณหนูนอกไม่พบ ยังคิดว่าถูกสายน้ำพัดพาไปแล้ว พวกข้าน้อยจึงไล่ค้นหาไปตามเส้นทางน้ำออกไปไกลมาก”

นี่ก็คือเหตุที่คนของจวนรองเจ้ากรมหาโค่วชิงชิงที่ก้นหุบเขาไม่พบ ต่อมาตอนหาไปจนถึงหมู่บ้านภูเขาจนพบซินโย่ว จึงไม่ได้รู้สึกสงสัย

“ดูท่าหยกประดับน่าจะหายตอนพลัดตกลงไป” ซินโย่วสีหน้าลังเล จากนั้นก็ยังคงยืนยัน “ไปหาดูที่ก้นหุบเขากัน”

ตอนแรกผู้คุ้มกันเอ่ยเตือน “คุณหนูนอกทางนี้ไม่มีทางไปแล้ว ต้องอ้อมเข้าไปอีกเส้นทางหนึ่ง เส้นทางอ้อมนี้ไกลอยู่พอสมควร เดินทางลำบากมาก”

ผู้คุ้มกันอีกคนก็เอ่ยตาม “ใช่ขอรับ คุณหนูนอก ท่านเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ เกิดถูกกระแทกบาดเจ็บระหว่างเดินทาง พวกข้าน้อยแบกรับไม่ไหวขอรับ หากพบเจอพวกสัตว์ป่าดุร้ายก็ยิ่งอันตรายขอรับ”

ซินโย่วสบตากับเสี่ยวเหลียนทีหนึ่ง

เสี่ยวเหลียนยัดใบไม้ทองคำ[1]ใส่มือทั้งสองคน

แสงทองอร่ามของใบไม้ทองคำใต้แสงตะวันทำเอาสายตาสองผู้คุ้มกันตาลาย คำพูดที่คิดห้ามก็พลันพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยกลืนลงคอไป

“ลำบากพี่ชายทั้งสองสักหน่อย ช่วยคุณหนูเราด้วย”

“อ้อ แม้เส้นทางเชิงเขาเดินทางยาก หลายวันก่อนไปๆ มาๆ หลายรอบก็พอคุ้นเคยอยู่บ้าง…” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งดวงตาแข็งทื่ออยู่บ้าง ถึงกับไม่ทันตั้งสติได้ว่าตนเองเอ่ยอันใดออกไป

ผู้คุ้มกันอีกคนไม่กล้าพูดเต็มปาก แต่ก็ปฏิเสธใบไม้ทองคำนี้ไม่ได้จริงๆ

นี่คือใบไม้ทองคำหรือนี่ ไม่สิ เห็นชัดว่านี่คือโอกาสที่กำลังจะได้ขอภรรยางามดังบุปผามาครองแล้ว!

“เช่นนั้นตอนเดินทางคุณหนูนอกโปรดระวังพื้นด้วย จะต้องเดินตามหลังพวกข้าน้อยไว้นะขอรับ”

สี่คนลงเขา เสี่ยวเหลียนหรี่ตาไปมองสารถีที่สัปหงกอยู่ เรียกให้ตื่นพลางยังยัดเศษเงินก้อนใส่มืออีกก้อนหนึ่ง

สารถีตรงไปตรงมากว่าสองผู้คุ้มกัน หัวเราะแหะๆ ตอบว่า “คุณหนูนอก รีบกลับมานะขอรับ”

บางทีคนเราเปรียบเทียบกับจึงจะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาได้ สองผู้คุ้มกันคิดถึงสารถีที่ได้เศษก้อนเงิน แล้วคิดถึงตนเองที่ได้ใบไม้ทองคำ ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีกำลังใจก้าวเดินรวดเร็วยิ่งขึ้น

เดินอ้อมไปใช้เวลาไม่น้อย ในที่สุดซินโย่วก็ได้พบทิวทัศน์ก้นหน้าผา

ภาพที่เห็นก็คือดอกไม้ป่าสดใสงดงามและสีเขียวอ่อนเข้มสลับ มีน้ำตกไหลตกลงมาจากหน้าผาสูงชัน กระทบก้อนหินแตกกระเซ็นเป็นละอองน้ำราวกับเม็ดหยกกระจาย ก่อนจะไหลรินไปรวมตัวกันในทะเลสาบ

มองไกลออกไปก็เห็นสายน้ำจากทะเลสาบไหลออกไป ไม่รู้ไหลหล่อเหลี้ยงชาวบ้านภูเขามากมายเพียงใด

ซินโย่วประเมินมองรอบทิศ ทันใดนั้นก็มีเงาดำหนึ่งวูบมาตรงหน้า

หนึ่งในผู้คุ้มกันปฏิกิริยาว่องไว ยกไม้กระบองขึ้นฟาดใส่เงาดำนั้นทันที

เงาดำตีลังกาหลบไม้กระบอง ส่งเสียงร้อง เจี๊ยก เจี๊ยก

“เจ้าเดรัจฉานนี่อีกแล้ว!” ผู้คุ้มกันมองเห็นภาพจริงของเงาดำกระจ่าง ก็ฟาดกระบองใส่ด้วยสีหน้าดุดัน

เจ้าวานรว่องไวกระโดดหนีไปไกล แต่กลับไม่จากไป ส่งเสียงร้อง เจี๊ยก เจี๊ยก ใส่ทุกคน ทำเอาสองผู้คุ้มกันโมโหด่าทอไม่หยุด

ซินโย่วฟังแล้วก็รู้สึกน่าสนใจ ถามทั้งสองคน “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเคยพบเจ้าวานรนี่หรือ”

“เคยพบขอรับ วันนั้นตอนอ้อมมาหาคุณหนูนอกทางนี้ เจ้าเดรัจฉานนี่ก็ออกมาก่อกวน เห็นพวกเราไม่สนใจ ยังเอาผลไม้ป่าปาใส่พวกเราด้วย”

ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งคลำหัวไหล่แล้วก็โมโหขึ้นมาทันที

วันนั้นหัวไหล่เขาถูกผลไม้ปาใส่ เปรอะเปื้อนน้ำจากผลไม้เป็นแถบจนซักไม่ออก

“คุณหนูนอกรอสักครู่ ดูว่าข้าจะจับเจ้าเดรัจฉานนี่ถลกหนังทิ้งอย่างไรก่อน มันจะได้ไม่ก่อกวนอีก”

“เอาละ อย่างไรก็เป็นแค่เดรัจฉานแสนรู้ จะว่าไป ไปคิดเล็กคิดน้อยกับมันก็เสียเวลาเปล่า”

ซินโย่วชี้นิ้วไปอีกทาง “รบกวนทั้งสองท่านลองค้นหาไปตามเส้นทางแม่น้ำ ข้าจะพาเสี่ยวเหลียนไปหา รอบๆ ทะเลสาบดู”

สองผู้คุ้มกันสบตากัน รู้สึกว่าจัดการเช่นนี้ก็ไม่เลว

เส้นทางก้นหุบเขาขรุขระ หากคุณหนูนอกจะตามพวกเขาไป เกรงว่าเท้าแพลงไปจะไปรายงานเจ้านายไม่ได้ ไม่สู้ให้พักอยู่ตรงนี้เสียดีกว่า

ส่วนพวกเขาก็ไม่เคร่งเครียดมาก ตอนนั้นคุณหนูนอกตัวเป็นๆ ยังหาไม่พบ แล้วจะหาหยกประดับชิ้นเล็กๆ พบหรือ เห็นแก่ใบไม้ทองคำก็อ้อมไปสักรอบค่อยกลับมารายงานก็แล้วกัน

“เกิดเจ้าเดรัจฉานนี่ทำร้ายคุณหนูนอกจะทำอย่างไร” แม้เห็นด้วยกับการจัดการของซินโย่ว การปรากฏตัวของเจ้าวานรกลับทำให้ผู้คุ้มกันไม่กล้าออกห่างไปไกลนัก

ซินโย่วหยิบไม้กระบองมาจากมือผู้คุ้มกัน เอ่ยน้ำเสียงสบายๆ “ข้ากับเสี่ยวเหลียนสองคน ยังจะถูกเจ้าวานรตัวเดียวนี่ทำร้ายได้อีกหรือ เจ้าสองคนไม่ต้องเป็นห่วง รีบไปช่วยข้าหาหยกประดับ หากหาไม่พบจริงๆ ก็แล้วไป พวกเราก็จะได้รีบกลับกัน”

สองผู้คุ้มกันได้ยินก็ไม่รอช้า เดินเลียบไปตามริมแม่น้ำ

เห็นพวกเขาไปไกลแล้ว เสี่ยวเหลียนก็กระซิบว่า “ที่นี่หาจนทั่วแล้ว…”

สายตาซินโย่วมองไปยังเจ้าวานรที่กำลังส่งเสียงร้อง เจี๊ยก เจี๊ยก ส่งสายตาแปลกประหลาด “บางทีอาจมีบางมุมที่ยังไม่ได้หา”

ไม่รู้เหตุใด การปรากฏตัวขึ้นของเจ้าวานรตัวนี้ทำให้นางพลันรู้สึกว่าจะหาคุณหนูโค่วพบ

บางทีอาจเพราะนางนึกถึงนิยายเกี่ยวกับวานรที่มารดานางเคยเล่าให้ฟัง

พอเห็นว่าซินโย่วเห็นมันแล้ว เจ้าวานรก็พุ่งเข้ามา

“คุณหนูระวัง!” เสี่ยวเหลียนไม่คิดอันใดต่ออีกแล้ว มาขวางหน้าซินโย่วไว้ด้วยสัญชาตญาณ รู้สึกได้ถึงข้อมือถูกแรงหนึ่งคว้าไว้ ร่างถูกดึงไปอีกทาง

“วางใจ มันน่าจะไม่คิดทำร้ายคน” ซินโย่วมองเจ้าวานรที่เข้ามาใกล้ พลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน

เสี่ยวเหลียนกลับไม่คิดเช่นนี้ จ้องเจ้าวานรด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่ก่อนหน้านี้มันปาผลไม้ใส่คนนะเจ้าคะ”

“ตอนนี้มันไม่ได้ปา” ซินโย่วมองเจ้าวานรที่กระโดดโลดเต้นไปมาตรงหน้า ก็ถามขึ้นมาทันที “เจ้าต้องการบอกอะไรพวกเราใช่หรือไม่”

เจ้าวานรคล้ายฟังเข้าใจ ส่งเสียงร้อง เจี๊ยก เจี๊ยก วิ่งห่างออกไประยะหนึ่ง ก่อนหันมายืนมอง เห็นซินโย่วนิ่งไม่ขยับ ก็ร้องเรียกขึ้นอีกครั้ง

เห็นท่าทางของมัน แม้แต่เสี่ยวเหลียนก็กล้าคิดคาดเดาขึ้นมา “หรือมันคิดจะนำพวกเราไปที่ใดสักแห่ง…”

เสี่ยวเหลียนเอ่ยถึงตรงนี้ก็ตกใจสีหน้าแปรเปลี่ยน “คุณหนู ใช่คุณหนูหรือไม่”

นางแทบไม่กล้าจะเชื่อ ในใจเต้นสับสน ก่อนหน้านี้ยังกลัวว่าเจ้าวานรทำร้ายคน แต่ตอนนี้พุ่งตามไปอย่างไม่สนใจอันใดอีก

เจ้าวานรเห็นเสี่ยวเหลียนขยับตัว ก็หันหลังวิ่งนำทางไป กระโดดสองสามทีขึ้นเกาะเกี่ยวต้นไม้ต้นหนึ่งไว้

นั่นคือต้นไม้ที่ฝังรากลึกลงบนหน้าผา ต้นไม้แผ่กิ่งก้านใบเขียวรกครึ้ม

“เจี๊ยกๆ…” เจ้าวานรห้อยตัวอยู่บนต้นไม้ ส่งเสียงร้องใส่ทั้งสองคน

เสี่ยวเหลียนสีหน้าตื่นตระหนกตกใจมองไปทางซินโย่ว “เจ้าวานร…หมายความว่าอย่างไร”

เดิมนางคิดว่าเจ้าวานรแสนรู้จะพานางไปหาคุณหนู ปรากฏวิ่งกระโดดขึ้นต้นไม้

ซินโย่วเงยหน้ามองไปบนต้นไม้นั้น ในใจก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที “บางที มันอาจอยากให้พวกเราขึ้นต้นไม้”

“ขึ้นต้นไม้?” เสี่ยวเหลียนฟังแล้วก็นิ่งอึ้ง “แต่พวกเราปีนต้นไม้ไม่เป็น!”

“ข้าเป็น”

เสี่ยวเหลียนผงะหันไปมองซินโย่วทันที คิดว่าฟังผิด “คุณหนูบอกว่าเป็น เป็นอันใดนะเจ้าคะ”

ซินโย่วเช็ดมือกับกระโปรง วิ่งเหยาะสองสามทีก่อนกระโดดขึ้นเกาะกิ่งไม้ไว้ ปีนขึ้นไปด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นจึงได้ก้มลงมาตอบเสี่ยวเหลียน “ข้าปีนต้นไม้เป็น”

[1] ทองคำชนิดนี้แผ่นบางเฉียบ และใช้ทองคำบริสุทธิ์มากจึงพับงอได้ทั้งแผ่น ใช้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนสมัยโบราณ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท