สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 14 ชุดแดง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 14 ชุดแดง

ซินโย่วลังเลครู่หนึ่ง ยังคงเอ่ยปากเรียกไว้

สาเหตุย่อมมิใช่เพราะความรูปงามชายชุดแดงทำให้นางหลงใหล แต่นางเห็นภาพอีกแล้ว

เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ นางพลันเห็นคนผู้นี้เดินอยู่บนท้องถนน มีกระถางต้นไม้ใบหนึ่งร่วงหล่นใส่ศีรษะเขาเลือดตกยางออก

ซินโย่วลังเลไม่รู้ควรเอ่ยเตือนอีกฝ่ายเช่นไร แต่อีกฝ่ายก็แสดงคุณธรรมน้ำใจต่อนางก่อน นางคงไม่อาจมองดูดายวางเฉยได้

ชายชุดแดงมองสาวน้อยเดินเข้ามาใกล้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

เขาคล้ายได้กลิ่นหนึ่งโชยมา คล้ายกับ…

ในใจพลันคาดเดาขึ้นมา แววตาชายหนุ่มเข้มวาวขึ้นมาทันที

“คุณหนูยังมีธุระอันใดอีกหรือ”

ซินโย่วชะงักฝีเท้า ฟังออกว่าน้ำเสียงนิ่งเรียบของอีกฝ่ายเจือความเย็นเยียบอยู่บ้าง แต่นางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

ผู้อื่นไม่ยินดีเอ่ยถึงสถานะ คิดจากไปแต่ถูกรั้งไว้ รู้สึกรำคาญก็เป็นเรื่องปกติ

ประเมินมองครู่หนึ่ง ซินโย่วก็หรี่เสียงถามขึ้นว่า “ท่านผู้กล้าเชื่อวิชานรลักษณ์หรือไม่”

“วิชานรลักษณ์?” ชายชุดแดงอึ้งไปทันที จ้องมองซินโย่วเขม็ง

เขาคิดว่าสาวน้อยที่แลดูอ่อนแอไม่อาจทานแรงลมมีกลิ่นหนึ่งติดกายก็น่าประหลาดมากแล้ว ไม่คิดว่านางยังแปลกประหลาดได้ยิ่งกว่า

ชายชุดแดงเหลือบมองไปยังรถม้าคันนั้น ในใจก็รับรู้ได้อีกหนึ่งเรื่อง อ้อ ยังนั่งรถม้าที่ไม่มีม่านประตูอีก

ซินโย่วเกรงว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังนางกล่าวให้จบก็จะรีบไปเสียก่อน จึงรีบกระซิบต่อรวดเร็วว่า “ข้าเห็นหน้าผากของท่านผู้กล้ามีสีดำ เกรงว่าจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก ระยะนี้ยามเดินอยู่บนท้องถนนก็อย่าได้เดินริมอาคาร ระวังของร่วงตกใส่”

ซินโย่วเอ่ยจบในคราเดียว ก่อนจะก้าวถอยหลังย่อกายคำนับเขา เอ่ยเสียงดังขึ้นว่า “ข้าแซ่โค่ว รองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเป็นท่านลุงข้า พระคุณที่ท่านผู้กล้าได้ช่วยเหลือในวันนี้ ข้าขอจดจำเอาไว้”

ได้ยินซินโย่วเอ่ยถึงตระกูลตน ชายชุดแดงก็อดมองนางไม่ได้

คุณหนูตระกูลบัณฑิต เช่นนั้นก็ยิ่งแปลกประหลาดแล้ว

“คุณหนูโค่วไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ” แม้ว่าแปลกประหลาด แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดสนใจต่อ เอ่ยอย่างสุภาพก่อนจะควบม้าจากไป

ซินโย่วยืนอยู่ที่เดิม มองตามหลังชายชุดแดงจากไป พลางอดถอนหายใจไม่ได้

ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะฟังวาจาที่ดูเหมือนเหลวไหลของนางหรือไม่

ยามนี้สองผู้คุ้มกันจึงได้ตามมา หนึ่งในนั้นอดถามไม่ได้ “คุณหนูนอก เหตุใดท่านจึงได้บอกกล่าวสถานะท่านกับท่านผู้นั้น…”

ซินโย่วขมวดคิ้ว “ผู้กล้าท่านนั้นมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า คนเขาไม่ต้องการตอบแทน ไม่ยินดีเอ่ยนาม หรือว่าข้าได้รับความช่วยเหลือจากเขาแล้ว ก็ทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้นได้อย่างสบายใจอย่างนั้นหรือ”

สองผู้คุ้มกันสบตากัน ผู้คุ้มกันที่เอ่ยเมื่อครู่อธิบายเสียงเบาว่า “คุณหนูนอก ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนี้ แต่สถานะท่านผู้นั้น…”

เขาลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ควรเอ่ยอันใด

ผู้คุ้มกันอีกคนรีบรับคำต่อ “สถานะท่านผู้นั้นไม่อาจเสียมารยาทได้”

“พวกเจ้ารู้จักเขา?”

สองผู้คุ้มกันโบกมือพร้อมกัน “ไม่ ไม่ ไม่…”

สบสายตาไม่เข้าใจของซินโย่ว ผู้คุ้มกันก็มองไปรอบทิศด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะหรี่เสียงลง “บ่าวเห็นคนผู้นั้นนำกำลังไปจับกุมคน คุณหนูเห็นท่านนั้นสวมชุดแดงไหม เขาเป็นเจิ้นฝูสื่อ ผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือคนใหม่สังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่ง ไม่อาจล่วงเกินได้”

ผู้คุ้มกันอีกคนสีหน้ามีเลศนัย “ไม่เพียงแต่ล่วงเกินไม่ได้ แต่ยังเข้าใกล้ไม่ได้อีกด้วย ท่านนั้น…”

“แค็กๆ” ผู้คุ้มกันอีกคนรีบหยุดไว้

สองผู้คุ้มกันหุบปากไม่เอ่ยถึงชายชุดแดงอีก ซินโย่วก็ไม่ได้ถามต่อ

ในเมื่อรู้ตำแหน่งขุนนางของอีกฝ่ายแล้ว คิดจะรู้สถานะอีกฝ่ายก็ไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องฟังจากปากของ สองผู้คุ้มกัน

“คุณหนูนอก…” สารถีวิ่งมาพลางตะโกนเรียกดังพร้อมหอบหายใจ “ท่าน ท่านไม่เป็นอันใดกระมัง”

เสี่ยวเหลียนสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้ามาถามว่าคุณหนูเป็นอันใดหรือไม่ เจ้าบังคับรถอย่างไร ม้าตื่นตกใจไม่ว่า เจ้ายังกระโดดหนี ไม่สนใจความเป็นความตายของคุณหนู!”

สารถีวิ่งหนีจนผมเผ้ากระเซิง ได้ยินก็น้ำตาร่วง “บ่าวควรตาย บ่าวเห็นรถเทียมวัววิ่งมาก็คิดอันใดไม่ออก ลืมไปหมดทุกสิ่ง…”

ซินโย่วไม่ได้สนใจคำอธิบายของสารถี แต่เดินไปยังม้าที่ล้มอยู่บนพื้น

วันนั้นม้าตัวนี้วิ่งพานางจากหมู่บ้านภูเขากลับจวนรองเจ้ากรม แม้นางไม่รู้ภาษาม้า แต่ก็รู้ว่าม้าลากรถล้วนเป็นม้าเชื่อง มีเหตุการณ์คุณหนูโค่วตกหน้าผามาก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ยาบำรุงกลายเป็นยาทำลายสุขภาพ นางจึงไม่คิดว่าเหตุม้าตื่นครั้งนี้จะเป็นอุบัติเหตุ

และหากไม่ใช่อุบัติเหตุ ผู้บงการเบื้องหลังทำให้ม้าตื่นตกใจได้อย่างไร

วางยา? หรือว่าม้าพลันโดนอันใดทำให้เจ็บปวด

ซินโย่วเดินวนรอบม้าที่ตายลง หยุดมองอย่างละเอียด

เสี่ยวเหลียนเห็นท่าทางซินโย่วก็ไม่สนใจด่าสารถีต่อ รีบก้าวเข้ามากระซิบถามขึ้นว่า “คุณหนู ท่านพบเหตุอันใดหรือ”

“ร้องไห้” ซินโย่วเอ่ยเบาๆ ขึ้นมาคำหนึ่ง

เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้ง พลันไม่เข้าใจคำพูดนี้

“ร้องไห้ว่าข้าตกหน้าผาและม้ายังตื่น” ได้ยินเสียงฝีเท้าสารถีเดินมา ซินโย่วก็รีบกระซิบอีกครั้ง

แม้เสี่ยวเหลียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ แต่หลายวันนี้พวกนางสองคนมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันอย่างมาก นางจึงแผดเสียงร้องไห้ดังอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“คุณหนูนอก…” สารถีกำลังเอ่ยปาก แต่เสียงร้องไห้ของสาวใช้ทำให้เขาต้องหยุดเรื่องที่ต้องการเอ่ย

สองผู้คุ้มกันเองก็ตกใจ

บรรดาคนผ่านไปมาที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ม้าตื่นตระหนกกำลังจะเลิกมุง ตอนนี้ก็เงียบอยู่ดูต่อ

ลองฟังสักหน่อยว่าเหตุใดสาวใช้ผู้นี้จึงร่ำไห้

“คุณหนูผู้น่าสงสารของบ่าว หลายวันก่อนขึ้นเขามากับบรรดาลูกพี่ลูกน้องก็พลัดตกหน้าผา กว่าจะพ้นเคราะห์ภัยมาได้ วันนี้ออกจากบ้านมาก็ต้องมาพบกับเหตุม้าตื่นตระหนกอีก หากไม่มีท่านผู้กล้าท่านนี้ให้ความช่วยเหลือ ก็คงได้ชนรถเทียมวัวเข้าแล้ว…”

“เสี่ยวเหลียน ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”

“ฮือ ฮือ ฮือ” เสี่ยวเหลียนปิดหน้า แหวกนิ้วมองสบตาฉายแววปวดร้าวคู่นั้นแล้ว ก็รู้ขึ้นมาได้ทันที นางเข้าใจความคิดของซินโย่วแล้ว “คุณหนู ท่านเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของนายหญิงผู้เฒ่า หากท่านเป็นอันใดไป นายหญิงผู้เฒ่ามิใช่ต้องกลายเป็นผู้เฒ่าชราผมขาวปลงศพคนหนุ่มสาวผมดำหรอกหรือเจ้าคะ จะน่าเศร้าเพียงใดกัน…”

“เอาละ ข้าก็ไม่ได้เป็นอันใดไม่ใช่หรือ อย่าได้ร้องไห้อีกเลย” ซินโย่วขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกผ่อนคลายลงเพราะความร่วมมืออย่างราบรื่นของเสี่ยวเหลียน

ในเวลาอันสั้นนี้นางไม่มีทางหาสาเหตุที่ม้าตื่นตกใจได้ รอให้กลับถึงจวนรองเจ้ากรมก็ยิ่งไม่มีโอกาส คนนอกมักจะสอดรู้สอดเห็น และมีความคิดระแวง เสี่ยวเหลียนร่ำไห้เช่นนี้ก็จะต้องมีคนคิดไปถึงเรื่องเล่ห์อุบายชั่วร้าย ขอเพียงทิ้งเชื้อไฟไว้ คนที่ทำร้ายโค่วชิงชิงคิดจะลงมืออีกครั้งก็ย่อมต้องคิดให้มากอีกสักหน่อย

ส่วนเรื่องการร้องไห้นี้อาจจะสร้างรอยด่างพร้อยให้จวนรองเจ้ากรมอยู่บ้าง ก็ถือเสียว่านางช่วยคุณหนูโค่วเก็บดอกเบี้ยก่อนเล็กน้อยก็แล้วกัน

“บ่าวเกรงว่าท่านจะเกิดเรื่องอีก…” เสี่ยวเหลียนกอดซินโย่ว ไออุ่นจากกายอีกฝ่ายทำให้นางยิ่งร้องไห้จากใจ

เสี่ยวเหลียนร้องไห้เช่นนี้ย่อมส่งผลต่อจวนรองเจ้ากรม ยามนี้สารถีกับผู้คุ้มกันที่อยู่ในที่นั้นต่างยังไม่ทันคิดมากอันใด สนใจเพียงแค่เอ่ยเตือนให้สองนายบ่าวรีบกลับจวน

“กลับกันเถอะ” ซินโย่วไม่รอช้าอีก เช่ารถม้าคนผ่านไปมาด้วยราคาสูงพาเสี่ยวเหลียนกลับจวนพร้อมกับผู้คุ้มกัน

ตอนพวกนางจากไปไกลแล้ว ผู้คนยังคงวิพากษ์วิจารณ์สถานะซินโย่วอย่างอยากรู้อยากเห็น

“คุณหนูเมื่อครู่ท่านนั้น นางแซ่โค่ว รองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเป็นท่านลุงนาง”

“ที่แท้เป็นคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม แล้วเรื่องผู้เฒ่าชราผมขาวปลงศพคนหนุ่มสาวผมดำนี่มันเรื่องอันใดกัน”

“ไม่กระจ่างเช่นกัน ในเมืองหลวงจวนรองเจ้ากรมก็มิได้เป็นที่สะดุดตา ไม่ได้มีผู้ใดให้ความสนใจ”

“เช่นนั้นไปสืบดูหน่อย?”

“ไป”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท