ตอนที่ 16 คำนับเจ้านาย
เฉียวซื่อกวาดสายตาคมกริบมองไป เอ่ยขึ้นว่า “ชิงชิงกล่าวได้ถูกต้อง สารถีทำหน้าที่ผิดพลาด ควรลงโทษจริงๆ”
“นายหญิงใหญ่!” สารถีสีหน้าแปรเปลี่ยน
เฉียวซื่อสีหน้าเย็นเยียบ “ไม่ต้องโต้เถียงอีก คุณหนูนอกต้องประสบเหตุ แค่เจ้าขอร้องก็ปล่อยผ่านไปได้หรือ!”
สารถีตกตะลึงก่อนคล้ายว่าได้สติคืนมา รีบโขกศีรษะให้ซินโย่วทีหนึ่ง “คุณหนูนอก ท่านมีจิตใจเมตตา ขออภัยที่ครั้งนี้บ่าวทำหน้าที่บกพร่องแล้ว”
สาวใช้ที่รออยู่ข้างนอกประตูพลันอดลอบมองเข้ามาไม่ได้
ท่ามกลางสายตาผู้คน ซินโย่วสีหน้านิ่งสงบ ภาพตรงกันข้ามกับสารถีที่เอะอะอย่างมาก
นายหญิงผู้เฒ่าเงียบไม่เอ่ยอันใด ตั้งใจรอดูว่าหลานสาวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อ
ซินโย่วปล่อยให้สารถีเสียงดังไปอีกครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า “คำพูดท่านป้าทำให้ชิงชิงละอาย มิใช่เพราะข้าประสบเหตุจึงได้เอาเรื่องลุงจาง แต่เพราะไม่อยากให้จวนรองเจ้ากรมเสียระเบียบลงทัณฑ์ยามผิด ตกรางวัลยามชอบ วันนี้มีท่านผู้กล้าออกหน้าช่วยเหลือ ข้าจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่อาจเพราะข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็จะมองข้ามความรับผิดชอบในหน้าที่ของลุงจางผู้เป็นสารถีได้”
นางหยุดครู่หนึ่ง มองไปทางนายหญิงผู้เฒ่า “หากทำหน้าที่บกพร่องครั้งนี้ไม่ลงทัณฑ์ ผู้อื่นมองดูอยู่ ในใจก็จะรู้สึกว่าไม่เห็นเป็นสำคัญ วันหน้าจะไม่เห็นความปลอดภัยของท่านยาย ท่านลุงและท่านป้าอยู่ในสายตา หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริง ใช่ว่าเหตุเกิดเพราะชิงชิงหรอกหรือ”
นายหญิงผู้เฒ่าพยักหน้าไม่รู้ตัวก่อนหันมองไปทางเฉียวซื่อ
ซินโย่วเองก็มองไปพลางเอ่ยทีละคำว่า “ชิงชิงประสบเหตุไม่เป็นไร ท่านป้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจข้า ควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้นไปเถิดเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเหลียนคุกเข่าอยู่ได้ยินก็ดวงตาส่องประกายวาบ
คุณหนูช่างเจรจาแท้!
เฉียวซื่อสีหน้านิ่งเฉยไม่เผยอารมณ์ใด กำผ้าเช็ดหน้าแน่นเอ่ยว่า “ชิงชิงกล่าวได้ถูกต้อง ลงทัณฑ์ยามผิด ตกรางวัลยามชอบ ตาเฒ่าจาง วันหน้าเจ้าไปทำงานในสวนที่โรงบ้านก็แล้วกัน”
สารถีตกใจ “นายหญิงใหญ่ ครอบครัวของบ่าวทุกคนอยู่ในจวน ขอท่านได้โปรดเมตตาด้วย”
เฉียวซื่อสีหน้าเข้ม “หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่เจ้าทำงานมามีความดีอยู่บ้าง ก็คงได้ขับไล่ออกไปแล้ว”
สารถีนั่งอยู่บนพื้นสีหน้าสิ้นหวัง
สารถีนับว่าเป็นงานสบาย ออกไปข้างนอกได้ตกรางวัลไม่ว่า หากไปเป็นแขกที่ตระกูลอื่น ก็จะมีอาหารการกินต้อนรับอย่างดี เทียบกับไปโรงบ้านดูแลสวน ก็ไม่ต่างอันใดกับถูกเนรเทศ
สารถียิ่งคิดก็เศร้าคอตก เพียงแต่ในใจยังมีหวัง จึงไม่กล้าส่งเสียงอันใดอีก
นายหญิงผู้เฒ่าโบกมือ ไล่สารถีกับสองผู้คุ้มกันออกไป เอ่ยกับเฉียวซื่อว่า “คนในจวนพวกนี้ควรจัดการอบรมสักหน่อยแล้ว ผ่อนคลายระเบียบมากเกินไปจะทำให้เกิดเรื่องได้ง่าย”
“สะใภ้ทราบแล้ว” เฉียวซื่อกวาดตามองซินโย่ว ขอคำแนะนำจากนายหญิงผู้เฒ่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้กล้าที่ช่วยชิงชิงคือผู้ใด สะใภ้จะได้เตรียมของขวัญขอบคุณ”
นายหญิงผู้เฒ่ายกน้ำชาขึ้นค่อยๆ จิบคำหนึ่ง เอ่ยเบาๆ ว่า “เมื่อครู่ถามผู้คุ้มกันแล้ว พวกเขาว่าผู้กล้าท่านนั้นไม่ได้บอกชื่อแซ่ไว้ ของขวัญขอบคุณก็ไม่ต้องแล้ว หากวันหน้าได้รู้ชื่อแซ่ของท่านผู้กล้าก็ค่อยว่ากันอีกครั้ง”
ซินโย่วหลุบตาลงปิดบังแววตา รู้สึกสนใจสถานะชายชุดแดงยิ่งขึ้น
เห็นชัดว่าสองผู้คุ้มกันรู้สถานะชายชุดแดง แม้ไม่เอ่ยกับนาง แต่ต่อหน้านายหญิงผู้เฒ่าน่าจะไม่ได้ปิดบัง
นายหญิงผู้เฒ่ากล่าวเช่นนี้ ก็เหมือนรู้สถานะชายชุดแดงแล้ว
หากเป็นเพียงตำแหน่งเจิ้นฝูสื่อแห่งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน จะทำให้คนพากันหลบเลี่ยงเช่นนี้หรือ
ซินโย่วนึกสงสัย แต่สีหน้ายังคงไม่แสดงออก
เห็นนางไม่เอ่ยอันใดอีก คิ้วขมวดบนใบหน้านายหญิงผู้เฒ่าก็คลายลงได้บ้างแล้ว
กำลังอยู่ในช่วงบุปผาแย้มบาน ได้พบกับชายหนุ่มรูปงามดังพานอาน ซ่งอี้ ยังมีบุญคุณได้ช่วยชีวิต ทันทีที่จิตใจหวั่นไหวก็ย่อมก่อให้เกิดความยุ่งยากตามมานับไม่ถ้วน
คนผู้นั้น จวนรองเจ้ากรมไม่อาจล่วงเกิน
จะว่าไป…นายหญิงผู้เฒ่ามองสาวน้อยตรงหน้าแล้วก็อมยิ้มมุมปาก
ตอนเพิ่งมาถึงจวนรองเจ้ากรมเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่รู้จักแต่ร่ำไห้น้ำตานอง ค่อยๆ เติบใหญ่เป็นแบบที่นางพึงพอใจ วันหน้าแต่งงานกับหลานชายคนโตของนางจะได้กระชับความสัมพันธ์เครือญาติให้ยิ่งแน่นแฟ้น บทสรุปสวยงามทั้งสองฝ่าย ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุผิดพลาดอันใดได้
“วันนี้มีเรื่องให้ต้องตกใจมา รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาคำนับแล้ว”
ซินโย่วคำนับนายหญิงผู้เฒ่ากับเฉียวซื่อก่อนเดินนำเสี่ยวเหลียนออกไป
เฉียวซื่อจะออกไป แต่ถูกนายหญิงผู้เฒ่าเรียกไว้
“ชิงชิงออกทุกข์แล้ว พริบตาเดียวก็อายุสิบหก ตอนนี้อายุอานามก็ไม่น้อย ได้เวลาจัดการเรื่องหมั้นหมายของพวกเขาแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าจิบชาไปคำหนึ่ง ก็สบตาเฉียวซื่ออย่างรอคอยคำตอบ
เฉียวซื่อยิ้มเอ่ยว่า “เด็กน้อยสองคนได้เวลาเจรจาหมั้นหมายแล้วจริงๆ เพียงแต่ชิงชิงยังรักษาสุขภาพอยู่ ความทรงจำยังอยู่ในช่วงฟื้นคืน ไม่สู้รอให้นางหายดีก่อน ค่อยหารือเรื่องมงคลนี้ ท่านแม่ว่าอย่างไร”
นายหญิงผู้เฒ่าจ้องมองเฉียวซื่ออยู่นาน ในใจแม้ไม่ค่อยพอใจ แต่ยังคงให้เกียรติสะใภ้ “เช่นนั้นก็รอให้ชิงชิงหายดีก่อนค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
เฉียวซื่อยิ้ม ขอตัวกลับเรือนหย่าซินย่วน
พอเข้ามาในเรือนหว่านฉิง เสี่ยวเหลียนก็กอดแขนซินโย่วไว้ “คุณหนู ท่านร้ายกาจมาก!”
แม้ในใจยังคงสงสัยว่าเรื่องม้าตื่นตกใจไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ไร้หลักฐาน นางยังคิดว่าคงได้แต่ปล่อยผ่านไปเช่นนี้ ไม่คิดว่าทำตามคุณหนูสั่ง อย่างน้อยก็ทำให้สารถีได้ลิ้มรสความลำบากบ้าง
“เสี่ยวเหลียน เกิดอันใดขึ้น” ฟางหมัวมัวฟังแล้วก็รู้สึกผิดปกติ รีบถามทันที
เสี่ยวเหลียนจึงได้มีเวลาเล่าเรื่องอย่างละเอียด
ฟางหมัวมัวฟังจบก็มือไม้เย็นเยียบ ดึงมือซินโย่วไปด้วยอาการสั่นเทา “นี่เป็นบ้านยายที่ไหนกัน เห็นชัดว่าเป็นถ้ำพยัคฆ์โดยแท้ มีคนเช่นนี้แฝงกายซ่อนตัวหาโอกาสทำร้ายคุณหนู คุณหนูทำอย่างไรต่อดีเจ้าคะ!”
ซินโย่วตบหลังมือฟางหมัวมัว “มีแม่นมกับเสี่ยวเหลียนคอยช่วยข้า ข้าเชื่อว่าจะผ่านพ้นภัยไปได้ แม่นม หลายวันนี้ท่านช่วยจับตารอบๆ สักหน่อย ดูว่ามีข่าวเกี่ยวกับจวนรองเจ้ากรมหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ตอนเหลือเพียงเสี่ยวเหลียนในห้อง สาวใช้ก็ลงคุกเข่าทันที
“เสี่ยวเหลียน ทำอันใดกัน”
เสี่ยวเหลียนเงยหน้าขึ้น หางตามียังมีหยาดน้ำตา “โชคดีที่มีท่าน คุณหนูจึงไม่ต้องถูกทิ้งศพไว้กลางป่าเขา ไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เสี่ยวเหลียนโขกศีรษะให้ท่านแล้ว จากนี้ไป ท่านก็คือนายอีกคนของเสี่ยวเหลียนแล้ว”
ซินโย่วยื่นมือไปรั้งไว้ “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“ให้บ่าวโขกศีรษะให้ท่านสักสองสามทีเถิด ทำเช่นนี้ ในใจบ่าวก็จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง”
ซินโย่วได้ยินก็ปล่อยมือลง
เสี่ยวเหลียนโขกศีรษะดังสามที เอ่ยว่า “นี่คือบ่าวขอบคุณท่าน นี่คือขอบคุณแทนคุณหนู นี่คือขอบคุณแทนนายท่านและนายหญิง จากนี้ไปคุณหนูคงได้อยู่ร่วมกับนายท่านนายหญิง…”
โขกครบสามทีแล้ว นางก็ยังไม่ลุกขึ้น ยังคงโขกอีกทีหนึ่ง “นี่คือเสี่ยวเหลียนขอบคุณคุณหนูที่รับไว้ ขอบคุณคุณหนูที่ให้บ่าวมีที่พักพิง…”
ถ้ำพยัคฆ์เช่นนี้ หากไม่มีคุณหนู เกรงว่านางก็คงตายไร้ที่ฝังไปแล้ว
“รีบลุกขึ้นเถอะ”
เสี่ยวเหลียนปาดน้ำตาลุกขึ้นยืน คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “คุณหนู พวกเราจะผ่านพ้นภัยนี้ไปได้จริงหรือเจ้าคะ”
ซินโย่วมองใบกล้วยที่ไหวเพราะแรงลมนอกหน้าต่าง
ใบกล้วยเขียวดุจมรกตมีชีวิตชีวา มองแล้วสบายตาสบายใจ
“กระชากตัวคนร้ายออกมาได้ก็จบ” ซินโย่วเอ่ยสงบนิ่ง
มาถึงตอนนี้คนที่ทำร้ายโค่วชิงชิงนับว่าเริ่มเผยออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
“ท่านบอกว่าคนร้ายก็คือ…”
“นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อ”
เสี่ยวเหลียนสูดลมหายใจปิดปาก “คุณหนู เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกต่อหน้านางว่าความทรงจำฟื้นคืนแล้ว หากนางเกิดลงมืออีกจะทำเช่นไรเจ้าคะ”
ซินโย่วหันหน้าไปยิ้มกล่าวว่า “เป้าหมายที่นางจะลงมือ บางทีอาจเป็นผู้อื่นแล้ว”