สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 24 ไม่ได้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 24 ไม่ได้

ต้วนอวิ๋นหลิงพลันออกหน้ามายืนยัน ทุกคนต่างคาดไม่ถึง

ในบรรดาคนเหล่านี้ น่าจะมีเพียงซินโย่วที่ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

การได้เห็นต้วนอวิ๋นหว่านถูกบ่าวชั่วผลักตกสระน้ำด้วยตาตนเอง ยังมีคำพูดของนางก่อนหน้านี้อีก ไม่ว่าเกิดจากจิตใจดีงามหรือว่ากังวลความปลอดภัยตนเอง หากต้วนอวิ๋นหลิงยังคงนิ่งไม่เอ่ยอันใด ก็คงได้แต่กล่าวว่าจวนรองเจ้ากรมเน่าเฟะหมดสิ้นแล้ว

“เจ้าได้ยินอันใด” นายหญิงผู้เฒ่ามองหลานสาวที่ก้าวออกมาด้วยสีหน้าสับสน

ต้วนอวิ๋นหลิงก้มหนา หลบสายตาหลายคู่ “หลังจากพี่ชิงตกหน้าผา ข้าบังเอิญได้ยินพี่หว่านร้องไห้ พี่หว่านร้องไห้ไปก็พูดไปว่านางไม่ได้อยากทำเช่นนี้ นางถูกท่านแม่บังคับ…”

ต้วนอวิ๋นหว่านตื่นตะลึงมองต้วนอวิ๋นหลิง หลายวันนี้เพราะจิตใจเคร่งเครียดมากเกินไป จึงไม่ทันได้นึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมา

มิน่าน้องสามมักจะเอาแต่หลบที่จะสัมผัสมือกับนาง เดิมไปไหนมาไหนด้วยกัน ตอนนางไม่ทันสังเกตก็กลายเป็นไปไหนมาไหนเพียงลำพังแล้ว

ที่แท้น้องสามรู้นานแล้ว!

ต้วนอวิ๋นหลิงกัดริมฝีปาก ในที่สุดก็เงยหน้าเอ่ยว่า “หลายวันนี้ ข้าตำหนิตนเองมาตลอด ข้ากลัวมาก ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร…พี่ชิง ขอโทษ ขอโทษจริงๆ…”

ต้วนอวิ๋นหว่านได้ยินเสียงร้องไห้ของต้วนอวิ๋นหลิงก็ร้องไห้ตามขึ้นมา

เสียงร้องไห้ของหลานสาวสองคนทำให้สมองนายหญิงผู้เฒ่าอื้ออึงไปหมด รองเจ้ากรมต้วนก็ยิ่งปวดหัว

เดิมเขาคิดว่าจะจัดการเก็บเรื่องนี้ไว้ แต่ต้วนอวิ๋นหลิงออกมาเป็นพยาน ก็เท่ากับเปิดโปงผ้าที่ปิดบังความน่าอับอายชั่วร้ายนี้ออกหมดสิ้น

ดูท่าวันนี้ต้องมีคำตอบให้หลานสาวแล้ว

รองเจ้ากรมต้วนคิดเช่นนี้ สายตาก็กวาดมองไปยังทุกคนในห้อง

ยังดี คนในที่นั้นล้วนคนกันเอง หากมีบ้านสองอยู่ด้วย ก็คงเสียหน้ามากกว่านี้

“นังหญิงโหดเหี้ยม ถึงกับเหี้ยมโหดเช่นนี้!” ในใจรองเจ้ากรมต้วนคิดแล้วก็ยกเท้าถีบใส่เฉียวซื่อล้มลงพื้น

เฉียวซื่อไม่ทันได้ระวังก็ล้มลงพื้น ส่งเสียงร้องเจ็บปวด

ตั้งแต่ต้วนอวิ๋นหลิงก้าวออกมาเผชิญหน้าก็เคร่งเครียดจนมือไม้เย็นเยียบ พอเห็นสภาพน่าอนาถของแม่ใหญ่ตน พลันไม่รู้สึกกลัวเช่นนั้นแล้ว

นางไม่ได้มองไปที่เฉียวซื่อ แต่มองไปยังซินโย่ว

ที่แท้ภูผาใหญ่ที่กดทับศีรษะไว้ตั้งแต่รู้ความ ก็ยกออกได้หรือนี่

ซินโย่วกลับรู้ว่าไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้ การทำให้เฉียวซื่อรับผิดเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น แต่ต้องให้เฉียวซื่อได้รับการลงโทษที่สาสมจึงจะปลอบประโลมโค่วชิงชิงในปรโลกได้

ประการหลังจะทำได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับนายหญิงผู้เฒ่ากับรองเจ้ากรมต้วน กล่าวตามตรง ขึ้นกับรองเจ้ากรมต้วนที่เป็นประมุขของตระกูล

ดูปฏิกิริยาของรองเจ้ากรมต้วน ไม่เหมือนว่าจะออกหน้าให้ความเป็นธรรมกับหลานสาวอย่างแท้จริง

“ชิงชิง ลุงผิดต่อเจ้า ไม่ทันรู้ว่าป้าเจ้าถึงกับทำเรื่องเช่นนี้”

“เช่นนั้นท่านลุงคิดว่าควรจัดการเช่นไร” ซินโย่วถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ

อาการสงบนิ่งของนาง ทำให้อาการขอบตาแดงของรองเจ้ากรมต้วนแลดูจอมปลอมอยู่สักหน่อย

รองเจ้ากรมต้วนสบตากับนายหญิงผู้เฒ่า เอ่ยถึงสิ่งที่คิด “เช่นนั้นวันหน้าก็ให้ท่านป้าเจ้าไหว้พระสวดมนต์อยู่แต่ในเรือนหย่าซินย่วนสำนึกผิด ดีหรือไม่”

“นายท่าน!” เฉียวซื่อสีหน้าบิดเบี้ยว ไม่อาจยอมรับผลที่ต้องดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในศาสนาเช่นนี้

ต้วนอวิ๋นหว่านกับต้วนอวิ๋นหลิงได้ยินก็รู้สึกคลายความวิตกลง

จากนี้ไปแม่ใหญ่ต้องดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในศาสนา พวกนางก็ไม่ต้องดำรงชีวิตอยู่ในกำมือนางแล้ว

ซินโย่วมองสีหน้าทำใจยอมรับไม่ได้ของเฉียวซื่อ แล้วก็มองไปยังรองเจ้ากรมต้วนที่เร่งรีบจบเรื่องนี้ ก็ส่ายหน้า “ไม่ได้”

พอเอ่ยเช่นนี้ รองเจ้ากรมต้วนก็นิ่งอึ้งไปทันที “ชิงชิง เช่นนั้นความหมายของเจ้าก็คือ…”

ต้วนอวิ๋นหว่านกับต้วนอวิ๋นหลิงจ้องมองซินโย่วเขม็งด้วยแววตาตกใจ

นายหญิงผู้เฒ่าเองก็เลิกคิ้ว ตามความเห็นนาง บุตรชายนางจัดการเช่นนี้ก็นับว่ามีคำตอบให้กับหลานสาวแล้ว ชิงชิงยังไม่พอใจอีกหรือ

ซินโย่วหรี่ตามองเฉียวซื่อเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านป้าใหญ่บงการคนมาปองร้ายข้าก่อน ต่อมาก็ปองร้ายพี่หว่าน ตอนนี้พอเรื่องแดงขึ้น ก็แค่ไม่จำเป็นต้องดูแลการงานในจวน อยู่แต่ในเรือนตนเอง อ่านหนังสือปลูกดอกไม้ อาบแดด หมายความเช่นนี้หรือ”

วันหน้าต้วนอวิ๋นเฉินสอบได้ตำแหน่งขุนนาง ไม่แน่อาจนำบรรดาศักดิ์ฮูหยินตราตั้งมาให้มารดาตนได้ ถึงตอนนั้นก็คงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าตอนนี้

อีกสิบปียี่สิบปี ผู้คนก็จะพากันลืมคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม ส่วนเฉียวซื่ออดทนมาจนได้เป็นนายหญิงผู้เฒ่า เริ่มได้รับการคำนับแสดงความกตัญญูจากบุตรหลาน ใต้หล้ามีเรื่องดีเช่นนี้หรือ

พอซินโย่วเอ่ยถามออกไป สีหน้าทุกคนก็ยิ่งน่าสนใจ

โดยเฉพาะต้วนอวิ๋นหว่านกับต้วนอวิ๋นหลิง สายตาที่มองซินโย่วคล้ายกับสายตาของเสี่ยวเหลียนบ้างแล้ว

แต่นี้ไปนายหญิงตระกูลต้องดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในศาสนา เห็นชัดว่าเป็นการลงโทษที่โหดร้ายมาก แต่พอได้ยินน้องชิง(พี่ชิง)เอ่ยเช่นนี้ ถึงกับกลายเป็นการเสวยวาสนาสุข

หรือว่า…จุดจบแม่ใหญ่จะอนาถได้ยิ่งกว่านี้?

“ชิงชิง เจ้าอายุยังน้อย ไม่เข้าในความลำบากของดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในศาสนา…”

“ข้าเข้าใจ” ซินโย่วตัดบทรองเจ้ากรมต้วน สบตาเขาอย่างไม่หลบ “แต่ท่านลุงฟังไม่เข้าใจ ความหมายของข้าก็คือการลงโทษเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ”

พอเอ่ยออกไปเช่นนี้ ก็คงต้องผิดใจจนไม่มองหน้ากันแล้ว

ท่ามกลางสายตาเป็นกังวลของต้วนอวิ๋นหว่านกับต้วนอวิ๋นหลิง รองเจ้ากรมต้วนถามน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า“เช่นนั้นชิงชิง เจ้าต้องการเยี่ยงไร”

ซินโย่วเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “ฆ่าคนชดใช้ ค้างเงินต้องจ่าย”

แปดพยางค์นี้ นางเอ่ยเน้นย้ำทุกคำ ไม่ว่าประโยคแรกหรือประโยคหลัง สำหรับจวนรองเจ้ากรมล้วนเป็นการเยาะเย้ย

“เหตุใดจึงกลายเป็นฆ่าคนต้องชดใช้เสียแล้วล่ะ เจ้าก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ” รองเจ้ากรมต้วนหัวเราะแห้งๆ คิดผ่อนคลายสถานการณ์

“ข้ากับพี่หว่านรอดมาได้ ล้วนเพราะพวกเราดวงดี แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าท่านป้าใหญ่บงการฆ่าคนได้” ซินโย่วนิ่งไปครู่หนึ่ง เผยสีหน้าลังเลอย่างหาได้ยากยิ่ง “หรือตามกฎหมายแคว้นต้าซย่า ฆ่าคนไม่สำเร็จกับฆ่าคนตาย รับโทษไม่เหมือนกัน…”

สาวน้อยขมวดคิ้วงาม ก่อนจะคลายออก ตัดสินใจเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็แจ้งทางการเถอะ ไม่ว่าทางการตัดสินเช่นไร ข้าก็ยอมรับได้”

“เหลวไหล!” เอ่ยถึงแจ้งทางการ รองเจ้ากรมต้วนรู้สึกโดนเหยียบเท้า ในที่สุดก็ดำรงสีหน้าลุงผู้อ่อนโยนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “เรื่องฉาวโฉ่ในเรือนไม่ควรแพร่ออกไป ชิงชิงเจ้ารู้ไหมว่าการแจ้งทางการจะส่งผลอันใดต่อจวนรองเจ้ากรม”

“ข้าแซ่โค่ว” รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าเย็นเยียบ ซินโย่วน้ำเสียงยิ่งเยียบเย็น

“เจ้า…” รองเจ้ากรมต้วนชี้หน้าหลานสาว ยามนี้ได้รู้สึกได้ถึงความเยียบเย็นดุจน้ำค้างแข็งของสาวน้อยตรงหน้าแล้ว ไม่ใช่บุตรสาวที่เขาควบคุมไว้ในมือได้

นางทำลายตนเองแปดร้อยเพื่อทำศัตรูบาดเจ็บหนึ่งพันได้ลงอย่างแน่นอน

นายหญิงผู้เฒ่าอดเอ่ยปากไม่ได้ “ชิงชิง…”

“ท่านยาย!” ซินโย่วไม่เปิดโอกาสให้นายหญิงผู้เฒ่าเอ่ยกล่อม ต่อหน้ารองเจ้ากรมต้วน สีหน้านางยังเย็นชาอยู่ พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าใกล้จะร้องไห้ “แม้ว่าชิงชิงแซ่โค่ว แต่ก็เห็นท่านเป็นยายแท้ๆ แรกสุดก็หน้าผา ต่อมาก็ม้าตื่นตกใจ ชิงชิงเกือบไม่ได้พบท่านยายอีกแล้ว เกือบไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่แล้ว…”

ซินโย่วสะอื้น หลุบตาลงปิดบังความเยียบเย็นในแววตา

ให้นางได้ดูสักหน่อยว่า นายหญิงผู้เฒ่ายังมีความรักผูกพันมารดาบุตรีต่อมารดาโค่วชิงชิงเพียงใด

ขณะที่นายหญิงผู้เฒ่าลังเลอยู่ รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยเสียงเยียบเย็น “ชิงชิง แม้เจ้าไม่กลัวมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่พี่สาวน้องสาวเจ้ากลัว”

“ท่านลุงกำลังเตือนว่า ข้าจะไม่มีพี่หว่านกับน้องหลิงไปเป็นพยาน ข้าจะฟ้องไม่ชนะ?”

ซินโย่วยิ้มหวาน น้ำเสียงไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นทั้งเมืองหลวงก็จะได้รู้เรื่องคดีนี้ แม้มีคนน้อยมากที่จะเชื่อข้า สำหรับข้าแล้วก็ถือว่าชนะแล้ว”

สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนพลันเขียวคล้ำ เขากล่าวเช่นนี้ก็เพื่อให้หลานสาวรู้ว่ามีขวากหนามและยอมถอย แต่ความจริงขอเพียงมีเรื่องไปถึงที่ศาล จวนรองเจ้ากรมก็แพ้แล้ว

เขาไม่อาจทนอับอายขายหน้าเช่นนี้ได้!

“พวกเจ้าลองฟังความคิดยายแก่อย่างข้าสักหน่อย” ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด ในที่สุดนายหญิงผู้เฒ่าก็เอ่ยปาก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท