สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 28 ร้านหนังสือ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 28 ร้านหนังสือ

ได้ยินจากปากรองเจ้ากรมต้วนว่าเฉียวซื่อถูกหย่าส่งกลับตระกูลเฉียวไปแล้ว ต้วนอวิ๋นเฉินก็คล้ายดังถูกสายฟ้าฟาด ต้วนอวิ๋นหลางอ้าปากค้างหุบไม่ลงอยู่เป็นนาน

จากนั้นเป็นนาน ต้วนอวิ๋นเฉินจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ทำความผิดอันใด ถึงกับ…”

“นางไม่เมตตาต่อน้องชิง ไม่กตัญญูต่อท่านย่า” รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยเสียงเข้ม

“ไม่เมตตา? ไม่เมตตาอย่างไร” เดิมต้วนอวิ๋นเฉินนิสัยสุขุม แต่อย่างไรก็ยังเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่ได้วัยสวมหมวกเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ท่านแม่ถูกท่านพ่อหย่า ย่อมส่งผลกระทบต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ม้าของน้องชิงตื่นตกใจ เป็นฝีมือท่านแม่เจ้า”

“เป็นไปไม่ได้!” ต้วนอวิ๋นเฉินหลุดเสียงออกมา

รองเจ้ากรมต้วนมองดูบุตรชาย สีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยว่า “หากไม่ใช่เช่นนี้ จะต้องถึงขั้นนี้หรือ”

เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็แค้นใจในความโหดเหี้ยมและโง่เขลาของเฉียวซื่อ และโมโหหลานสาวที่ไม่ยอมลดราวาศอก

พอต้วนอวิ๋นเฉินได้ยินเช่นนี้ ก็สีหน้าซีดเผือด ในใจไม่อาจคาดหวังอันใดอีกแล้ว

ท่านพ่อกล่าวไม่ผิด ท่านแม่เป็นนายหญิงตระกูล ยังอบรมเลี้ยงดูเขาและน้องหวามา หากไม่ทำความผิดมหันต์ จะถึงขั้นถูกหย่าได้อย่างไร

“วันนี้คนตระกูลเฉียวมาตรวจนับสินออกเรือนของท่านแม่เจ้ากลับไป วันหน้าสองตระกูลก็ไม่มีอันใดต้องเกี่ยวข้องกันอีก เจ้าตั้งใจศึกษาต่อไป อย่าได้ปล่อยให้เรื่องพวกนี้ทำให้ปณิธานซัดส่าย”

รองเจ้ากรมต้วนกล่าวจบก็ไพล่หลังเดินไป

ต้วนอวิ๋นเฉินนิ่งราวกับดินปั้น ยังคงตั้งสติไม่ได้อยู่เป็นนาน

ต้วนอวิ๋นหลางปลอบโยนอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ ท่านปล่อยวาง…”

ท่านป้าถึงกับเป็นคนเช่นนี้!

ต้วนอวิ๋นเฉินตั้งสติได้ ก็ก้าวไปยังเรือนหย่าซินย่วน

ต้วนอวิ๋นหลางกลัวพี่ชายคิดไม่ตก จึงรีบตามไป

เรือนหย่าซินย่วนที่ปกติสงบเงียบ ยามนี้อลหม่านไปหมด มีคนยกของ มีคนตรวจนับของ ยังมีคนดีดลูกคิด

ต้วนอวิ๋นเฉินมองดูเงียบ ๆ รู้สึกเพียงแค่เหมือนมิใช่ความจริง

นายท่านสองต้วนเหวินไป่เห็นเขาก่อน “เฉินเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้ว”

ต้วนอวิ๋นเฉินอ้าปากแต่ถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก

ต้วนเหวินไป่ตบไหล่เขาถอนหายใจ “ที่นี่วุ่นวาย กลับไปก่อนเถอะ”

ต้วนอวิ๋นเฉินพยักหน้านิ่งอึ้ง ออกจากเรือนหย่าซินย่วนด้วยอาการเหม่อลอย บอกกับต้วนอวิ๋นหลางที่ตามหลังเขามา “น้องรองไม่ต้องตามข้ามา ข้าไปพบน้องหวาสักหน่อย”

“อ้อ อ้อ” ต้วนอวิ๋นหลางปกติเป็นคนพูดมาก แต่ตอนนี้เอ่ยเพียงคำเดียวสั้นๆ

ตั้งแต่ต้วนอวิ๋นหวาถูกรองเจ้ากรมต้วนให้ส่งกลับห้องเมื่อวาน ก็ถูกกักอยู่แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปที่ใด พอเห็นพี่ใหญ่มาก็ร่ำไห้ดัง “พี่ใหญ่ ท่านแม่ถูกท่านพ่อเขียนหนังสือหย่า! ฮือ ฮือ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”

เผชิญหน้ากับน้องสาวที่ไม่อาจคุมสติตนเองได้ ต้วนอวิ๋นเฉินก็กลับคืนสู่ความสุขุมนิ่งดังเดิม “น้องหวา น้องอย่าร้องไห้ เล่าให้พี่ฟังละเอียดหน่อยว่าแท้จริงเมื่อวานเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

ต้วนอวิ๋นหวาส่ายหน้างุนงง “ข้าไม่รู้ คล้ายว่าเกิดเรื่องอันใดสักอย่างขึ้นที่สวนดอกไม้ จากนั้นก็ได้ยินว่าท่านแม่ถูกเขียนหนังสือหย่า ข้าไปถามท่านพ่อ ท่านพ่อให้คนส่งข้ากลับมาไม่ให้ออกไปไหนอีก พี่ใหญ่ พี่ได้พบท่านพ่อแล้วหรือยัง ท่านพ่อว่าอย่างไรบ้าง”

“ท่านพ่อบอกว่า…ท่านแม่ทำให้ม้าตื่นตกใจทำร้ายน้องชิง…”

“เหลวไหล!” เห็นท่าทางพี่ใหญ่ตนเอง ในใจต้วนอวิ๋นหวาก็คล้ายว่ามีเปลวไฟแผดเผา “ข้ารู้ว่าเกี่ยวข้องกับโค่วชิงชิง! พี่ใหญ่ไม่รู้ เพราะโค่วชิงชิง ท่านแม่จึงไม่เบิกบานใจมานานแล้ว…”

ต้วนอวิ๋นเฉินยิ้มขื่น “ท่านแม่ทำร้ายน้องชิงน่าจะจริง ไม่เช่นนั้นท่านพ่อไม่มีทางตัดขาดเช่นนี้”

“นั่นก็เพราะถูกโค่วชิงชิงบีบคั้น หากไม่ใช่นางหน้าไม่อายคิดแต่งกับพี่ใหญ่ ท่านแม่จะคิดไม่ตกทำเรื่องเช่นนี้เพื่อปัดงานแต่งงานนี้ทิ้งได้อย่างไร!”

“น้องหวา อย่าได้โมโหเดือดดาลเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรน้องชิงก็เป็นผู้ถูกกระทำ” แม้ต้วนอวิ๋นเฉินกล่าวเช่นนี้ แต่พอคิดถึงสาวน้อยที่มองเขาด้วยแววตาเว้าวอนรักใคร่ ในใจก็รังเกียจอยู่ไม่น้อย

ส่วนทางต้วนอวิ๋นหลางก็เดินไปเรือนหว่านฉิง

ซินโย่วรู้ว่าวันนี้จวนรองเจ้ากรมจะครึกครื้น แต่ไม่เตรียมตัวไปดูความครึกครื้น อยู่แต่ในเรือนไม่ออกไปที่ใด

“น้องชิง สบายดีกระมัง” ต้วนอวิ๋นหลางมองประเมินซินโย่ว แววตามีแต่ความห่วงใยแท้จริง “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจวนเราจะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณพี่รองที่ห่วงใย”

ท่าทางสงบนิ่งของซินโย่วยิ่งทำให้ต้วนอวิ๋นหลางละอายใจ “ข้าควรใส่ใจมากกว่านี้…”

ท่านป้าดูแลจวน กลับมีใจคิดปองร้ายน้องชิง นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าน้องชิงจะตกอยู่สถานการณ์ยากลำบากมากมายเพียงใด

ส่วนเขาถึงกับยังเอาแต่มาขอยืมเงินน้องชิง!

“น้องชิง เจ้าเห็นข้าเป็นพี่ชายแท้ๆ ก็แล้วกัน วันหน้ามีเรื่องอันใดอย่าลืมมาหาข้า อย่าได้เกรงใจอย่างเด็ดขาด!”

ซินโย่วไม่ได้รับคำ เพียงแต่ถามขึ้นว่า “พี่รองกลับมา ไปคำนับท่านยายแล้วหรือยัง”

“ไปแล้ว ท่านย่ากำลังพักผ่อน…”

เรือนหรูอี้ถัง

บ่าวสูงวัยผู้หนึ่งกำลังรายงานนายหญิงผู้เฒ่า “คุณชายใหญ่ไปหาคุณหนูรอง คุณชายรองไปหาคุณหนูนอก…”

นายหญิงผู้เฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย สั่งการไปว่า “อาหารค่ำคืนนี้จัดที่เรือนหรูอี้ถังดังเดิม”

ธรรมเนียมจวนรองเจ้ากรม ทุกครั้งที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหยุด สองบ้านก็จะมารวมตัวรับประทานอาหารกันที่เรือนหรูอี้ถัง

ซินโย่วได้รับการแจ้งเรื่องนี้แล้ว อาหารกลางวันก็กินสบายๆ ไปสองสามคำ แล้วก็ไปพัก พอตื่นขึ้นมาฟางหมัวมัวก็กลับมาแล้ว

“แม่นม ลำบากท่านแล้ว สอบถามได้ความอย่างไรบ้าง”

แดดข้างนอกเผาจนฟางหมัวมัวหน้าแดงเล็กน้อย แต่จิตใจกลับกระฉับกระเฉง “คุณหนูให้บ่าวไปสอบถามเรื่องร้านหนังสือชิงซง พบว่าพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ร้านหนังสือนั่นอยู่ละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ทั้งพิมพ์หนังสือและขายหนังสือ เป็นร้านหนังสือใหญ่ เดิมกิจการการค้าเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ตั้งแต่ท่านผิงอันถูกร้านหนังสือตรงข้ามแย่งตัวไป ก็ค่อยๆ เงียบเหงาซบเซาลง…”

ท่านผิงอัน…แววตาซินโย่ววูบไหว นึกถึงนิยายเล่มนั้น

ผู้แต่ง ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มนั้นก็คือท่านผิงอัน

ซินโย่วตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะออกไปดูร้านหนังสือชิงซงสักหน่อย

ใกล้เวลาอาหารค่ำ ทุกคนมารวมตัวกันที่เรือนหรูอี้ถัง

บรรยากาศรับประทานอาหารร่วมกันในวันนี้เงียบเชียบมาก ไม่ได้มีบรรยากาศคุยสรวลเสเฮฮากันเหมือนดังปกติ

นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าในใจพวกเจ้าเสียใจ แต่อย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะเฉินเอ๋อร์กับหวาเอ๋อร์ หากพวกเจ้าจิตใจเศร้าสร้อยกันเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ผิดต่อท่านพ่อเจ้า ยังผิดต่อท่านย่ากับท่านปู่ที่จากไปของพวกเจ้าอีกด้วย”

รองเจ้ากรมต้วนกวาดตามองบุตรชายหญิง ถามขึ้นน้ำเสียงเข้มงวดว่า “คำพูดท่านย่า จดจำได้แล้วใช่ไหม”

ต้วนอวิ๋นเฉินกับต้วนอวิ๋นหวาลุกขึ้นพร้อมกัน “จำได้แล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”

นายหญิงผู้เฒ่ามองไปทางซินโย่ว “ชิงชิง เจ้าต้องทนกล้ำกลืนแล้ว อย่าได้ปล่อยให้การกระทำส่วนบุคคลทำลายความสัมพันธ์เครือญาติของเรา จวนรองเจ้ากรมเป็นบ้านเจ้าตลอดไป”

“ชิงชิงทราบแล้ว”

ต้วนอวิ๋นหวากัดริมฝีปากแน่น พยายามฝืนไม่ให้แค่นหัวเราะออกไป

สายตาเหลือบพาดผ่านใบหน้านางไป ในใจซินโย่วกระตุกเล็กน้อย

บางทีการจะไปจากจวนรองเจ้ากรมคงไม่อาจขาด ‘ความช่วยเหลือ’ ของคุณหนูรองผู้นี้

อาหารมื้อนี้กินกันอย่างไรรสชาติ เช้าวันรุ่งขึ้นต้วนอวิ๋นเฉินกับต้วนอวิ๋นหลางต้องรีบกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ซินโย่วไปคำนับนายหญิงผู้เฒ่าเอ่ยเรื่องขอออกไปเดินเล่น

นายหญิงผู้เฒ่ากำลังคิดรั้งใจหลานสาวคืนมา ย่อมไม่ห้ามไว้

รถม้าแล่นขึ้นเหนือ ตะบึงตรงมายังละแวกร้านหนังสือชิงซงก็ไปต่อไม่ได้แล้ว

ซินโย่วเลิกม่านหน้าต่างรถขึ้นมองออกไป ก็เห็นทางนั้นมีคนออกันเต็ม แต่ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปในร้านหนังสือชิงซง แต่คนที่ร้านหนังสือตรงข้ามเยอะมากเกินไป เข้าแถวมาถึงหน้าประตูใหญ่ร้านหนังสือชิงซง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท