ตอนที่ 33 มีเรื่องกัน
ยามนี้นายหญิงผู้เฒ่ากำลังดื่มน้ำชาอยู่
กะละมังน้ำแข็งวางอยู่ในห้อง สาวใช้เปิดหน้าต่าง หลังจิบชาลงท้องไปได้สองสามคำ ความหงุดหงิดรำคาญใจของนายหญิงผู้เฒ่าในสองสามวันมานี้ก็ผ่อนคลายลงไปมาก
เสียงสาวใช้หน้าประตูดังขึ้น เสียงเรียกประหลาดใจระคนตื่นตกใจ “คุณหนูนอก…”
มือที่ยกน้ำชาอยู่ของนายหญิงผู้เฒ่าชะงักกึก พลันมองไปที่ประตู
ซินโย่วรีบก้าวเข้าไปคำนับนายหญิงผู้เฒ่า “ท่านยาย ชิงชิงจะไปจากจวนรองเจ้ากรมแล้ว มาขอกราบอำลาท่านยายเจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่าสมองอื้ออึงไปครู่หนึ่ง หลุดเอ่ยออกไปว่า “เกิดอันใดขึ้น”
ซินโย่วไม่ตอบ แต่ปาดน้ำตาที่หางตา สะพายห่อผ้าเดินออกไป
เสี่ยวเหลียนเองก็ก้าวตามไป ในมือมีห่อผ้าใหญ่ยิ่งกว่า
นายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจสุดขีด รีบตะโกนเสียงดัง “รีบรั้งคุณหนูนอกไว้!”
บ่าวหญิงและสาวใช้หน้าประตูรีบเข้าขวางซินโย่ว พลางเอ่ยกล่อมว่า “คุณหนูนอก มีอันใดก็พูดจากันดีๆ ก่อน”
ซินโย่วหันกลับมา สบตากับนายหญิงผู้เฒ่าที่สีหน้าดำทะมึนแล้วก็กลอกลูกตาก่อนจะหลุบตาลง นายหญิงผู้เฒ่าจึงได้เห็นแขนเสื้อที่ถูกกระชากขาด
ยามนี้นายหญิงบ้านสองจูซื่อก็รีบมาถึง นายหญิงผู้เฒ่าถามนางว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
จูซื่อไม่อยากให้คุณหนูสองคนต้องมีเรื่องกัน รีบตอบว่า “สะใภ้ดูแลไม่รอบคอบเอง ได้ยินเยี่ยนเอ๋อร์ว่า…”
นางลังเลเล็กน้อย ในใจลึก ๆ นึกเห็นใจคุณหนูนอกผู้นี้มากกว่า จึงเอ่ยว่า “บอกว่าหวาเอ๋อร์ลงมือกับชิงชิง”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้ายิ่งดำทะมึน “ตามคุณหนูทั้งสามมา”
ระหว่างที่สาวใช้ออกไปเชิญ นายหญิงผู้เฒ่าปลอบใจหลานสาว “ชิงชิง หากพี่สาวเจ้ามีอันใดไม่ถูกต้อง ก็บอกยาย ยายจะอบรมนางให้เอง แต่อย่าได้เอะอะมีเรื่องก็เอ่ยว่าจะออกจากบ้านเช่นนี้”
“เมื่อครู่พี่หวามาขวางหน้าข้าที่สวนดอกไม้ ตบหน้าข้าทีหนึ่ง คิดว่าเฉียวไท่ไทถูกเขียนหนังสือหย่าเป็นเพราะข้า ข้าไม่อยากมีเรื่องกับนาง จึงได้พาเสี่ยวเหลียนกลับเรือนหว่านฉิง พี่หวากลับไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามมากระชากเสื้อผ้าข้าขาด…” ซินโย่วเอ่ยฟ้องอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ
“เจ้าตัวบัดซบ!” นายหญิงผู้เฒ่าโมโหตบโต๊ะดัง
คุณหนูทั้งสามพากันมาถึง คนแรกที่มาถึงก็คือคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิง แล้วก็คุณหนูสี่ต้วนอวิ๋นเยี่ยน สุดท้ายจึงเป็นคุณหนูรองต้วนอวิ๋นหวา
ต้วนอวิ๋นหวาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถลึงตาใส่ซินโย่วทีหนึ่ง
นังชั้นต่ำโค่วชิงชิง ถึงกับมาฟ้องท่านย่า
นายหญิงผู้เฒ่าเห็นนางเช่นนี้ ก็ยิ่งโมโห “หวาเอ๋อร์ เจ้าลงไม้ลงมือกับน้องชิงในสวนดอกไม้หรือ”
ตอนนั้นคนมากมายอยู่ในเหตุการณ์ ต้วนอวิ๋นหวาไม่อาจปฏิเสธ กัดฟันเอ่ยว่า “นางบีบให้ท่านแม่ต้องไป ยังทำท่าได้ใจต่อหน้าข้า…”
“หุบปาก!” นายหญิงผู้เฒ่าตวาดใส่ทีหนึ่ง “เจ้าได้ยินข่าวนี้มาจากที่ใด เฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่าเป็นเพราะนางทำตัวเอง ไม่เกี่ยวอันใดกับน้องชิงเจ้า น้องชิงเจ้าคือผู้ถูกกระทำ เจ้าไม่เพียงไม่รู้สึกสำนึก ยังลงมือกับนางต่อหน้าทุกคน ถึงกับกระชากเสื้อผ้านางขาด ธรรมเนียมที่เจ้าเรียนมาถูกสุนัขคาบไปกินหมดแล้วหรือ”
พอได้ยินว่ากระชากเสื้อนางขาด ต้วนอวิ๋นหวาก็ไม่ทนอีกต่อไป “ท่านย่า ข้าไม่ได้ระชากเสื้อผ้านางขาด! ข้าเพียงแต่ดึงแขนเสื้อนางมาถามให้กระจ่างเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ว่าแขนเสื้อนางขาดง่ายเพียงนั้น ออกแรงดึงเล็กน้อยก็ขาด”
“แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้าก็วู่วามเกินไป ยังไม่ขอโทษน้องชิงเจ้าอีก!”
ต้วนอวิ๋นหวาสีหน้าไม่ยินยอม แต่ต้องยอมเพราะสายตาดุของนายหญิงผู้เฒ่า นางมองไปทางซินโย่ว “น้องชิง ข้า…”
ซินโย่วไม่รอให้นางเอ่ยขอโทษ เอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ข้าไม่รับคำขอโทษของเจ้า ความอับอายที่ถูกกระชากเสื้อผ้าขาดนี้ ข้าไม่อาจลืมเลือนได้ชั่วชีวิต”
ต้วนอวิ๋นหวาเคยต้องทนรับวาจาโต้ตอบจากคนวัยเดียวกันเมื่อใดกัน จึงโมโหเดือดดาลขึ้นทันที “โค่ว ชิงชิง ผู้อื่นให้เกียรติแล้ว เจ้าอย่าได้สลัดทิ้ง!”
ซินโย่วมองไปทางนายหญิงผู้เฒ่า “ท่านยาย พี่หวาตบหน้าข้า กระชากเสื้อข้าขาด ยังคิดว่าคำขอโทษเป็นการให้เกียรติข้า แค่คิดก็พอนึกภาพออกว่าหากชิงชิงอยู่จวนรองเจ้ากรมต่อไป ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขัดแย้งกับพี่หวาอีกมากมายเพียงใด ถึงตอนนั้นก็จะเป็นเรื่องกันจนในจวนไม่เป็นสุข เทียบกับการต้องเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ปล่อยชิงชิงออกจากจวนไปพักที่อื่นเถิด”
นายหญิงผู้เฒ่าจะยอมตกลงให้หลานสาวที่เป็นสาวเป็นนางออกจากจวนไปพักที่อื่นได้อย่างไร กวาดตามองต้วนอวิ๋นหวาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ชิงชิง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ วันหน้าจะไม่ให้พี่หวาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าก็แล้วกัน”
ซินโย่วค่อยๆ ส่ายหน้า “อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จะไม่พบหน้ากันได้อย่างไร หากท่านยายบอกว่าจะกักบริเวณพี่หวา เช่นนั้นชิงชิงรับไว้ไม่ไหว แม้พวกเรารู้เหตุที่เฉียวไท่ไทถูกเขียนหนังสือหย่า แต่อย่างไรก็เกี่ยวข้องกับข้า หากแพร่ออกไปอีกว่าพี่หวาทำร้ายข้าจนโดนลงโทษ ข้างนอกจะพูดกันอย่างไร”
ซินโย่วกวาดสายตามองผู้คน เผยเห็นรอยยิ้มเฝื่อน “แพร่ไปแพร่มา สุดท้ายต้องแพร่ออกไปว่าข้าไม่ยอมคน ท่านยาย ท่านควรรู้ดีกว่าข้าว่าข่าวลือน่ากลัวเพียงใด หากท่านยายรักและสงสารชิงชิงจริง ก็ให้ข้าไปเถิดเจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นสาวเป็นนาง ออกจากจวนรองเจ้ากรมไปก็ไม่มีญาติ จะไปอยู่ที่ใดกัน” นายหญิงผู้เฒ่าเริ่มรู้สึกรำคาญบ้างแล้ว
นางไม่คิดว่าตั้งแต่เรื่องเฉียวซื่อมา หลานสาวที่ว่านอนสอนง่ายมาตลอดกลับกลายเป็นคนชอบหาเรื่องเช่นนี้
ไม่เอ่ยถึงว่าคุณหนูน้อยออกไปอยู่ข้างนอกปลอดภัยหรือไม่ เอ่ยถึงเพียงแค่ถึงตอนนั้นคนภายนอกจะวิพากษ์วิจารณ์จวนรองเจ้ากรมอย่างไร
ซินโย่วหลุบตาลงปิดบังความเยียบเย็นในแววตา “แม้ไม่อยู่จวนรองเจ้ากรม ท่านยายก็ยังคงเป็นญาติข้า ผู้คนรู้ว่าข้าเป็นคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมจะต้องไม่กล้ารังแกข้าอย่างแน่นอน”
“ชิงชิง อย่าเหลวไหล”
นายหญิงผู้เฒ่ายืนยันท่าทีจริงจัง ซินโย่วเองก็คาดการณ์ไว้แล้ว ได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็น้ำตาร่วง “ก็ถือเสียว่าชิงชิงเหลวไหล อย่างไรข้าก็ไม่อาจอยู่ในจวนรองเจ้ากรมต่อไปได้อีกแล้ว”
ซินโย่วพูดจบ ก็หันหลังสะพายห่อผ้าเดินออกไปทันที
นายหญิงผู้เฒ่าตกตะลึง จูซื่อตะลึง ต้วนอวิ๋นหวาสามพี่น้องเองก็ตะลึงไปทันทีเช่นกัน
เป็นนานกว่านายหญิงผู้เฒ่าจะราวกับตื่นจากภวังค์ ลุกขึ้นยืนตะโกนเสียงดังเฉียบขาดว่า “รีบขวางคุณหนูนอกไว้!”
ตอนนี้เอง ซินโย่วก็ไปถึงมุมประตูแล้ว ด้านหลังยังมีสาวใช้กับบ่าวหญิงอีกเป็นโขยง
นายหญิงผู้เฒ่าสั่งการให้ขวางไว้ บ่าวหญิงสองคนที่ไกลออกไปรีบเข้าจับตัวหลานสาวไว้ แต่ยังไม่ได้ทันได้เอ่ยอันใด ก็เห็นสาวน้อยไม่รู้ว่าสลัดหลุดได้อย่างไร พุ่งไปถึงประตูแล้ว
นอกประตูก็คือท้องถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน
นายหญิงผู้เฒ่าหน้ามืด ร่างเซเกือบล้ม
“นายหญิงผู้เฒ่า ระวังเจ้าค่ะ!”
นายหญิงผู้เฒ่าผลักคนที่เข้ามาประคองนางออก “รีบไปพาคุณหนูนอกกลับมา!”
ยามนี้ใกล้จะมืดแล้ว ยังเลยเวลาที่อากาศร้อนที่สุดยามบ่ายไปแล้ว บนท้องถนนผู้คนสัญจรไปมากันไม่น้อย ทุกคนได้เห็นกลุ่มคนกรูออกมาจากจวนรองเจ้ากรม น่าเสียดายไม่ได้มองละเอียด คนกลุ่มนั้นก็ถอยกลับเข้าไปแล้ว
เกิดเรื่องอันใดขึ้น?
ผู้คนพากันหยุดมองวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
ในที่สุดนายหญิงผู้เฒ่าตามกลับมาได้ทัน พอเห็นว่าหลานสาวถูกพาตัวกลับมาได้ทัน สีหน้าก็เขียวคล้ำ “ชิงชิง เจ้าทำเช่นนี้ ยังต้องการชื่อเสียงอีกหรือไม่”
สาวน้อยถูกบ่าวจับตัวไว้ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ท่าทางสงบนิ่ง มองไม่ออกว่าเป็นสาวน้อยคนเมื่อครู่ที่วู่วามสะพายห่อผ้าผลุนผลันออกไป “ท่านยายหมายถึงชื่อเสียงชิงชิง หรือว่าชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรม”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าตื่นตระหนก ในใจนึกโมโหความเหิมเกริมของหลานสาว ออกคำสั่งเสียงเย็นเยียบ “คุณหนูนอกอารมณ์ร้อนอยู่ ส่งนางกลับเรือนหว่านฉิงไปสงบสติอารมณ์ก่อน”
ต้วนอวิ๋นหวาข้าง ๆ ได้ยินเช่นนี้ก็สะใจแทบจะตบมือดัง
โค่วชิงชิงถูกท่านย่ากักบริเวณแล้ว!
นางยังคิดว่าโค่วชิงชิงจะเก่งกล้าเพียงใด ที่แท้ก็แค่เท่านี้