สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 35 เดิมพัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 35 เดิมพัน

ขุนนางราชวงศ์ต้าซย่าเบี้ยประจำปีไม่มาก แต่จากการสังเกตของซินโย่ว จวนรองเจ้ากรมขุนนางเพียงแค่ระดับสี่เท่านั้น แต่ชีวิตกลับหรูหรามาก ในการนี้อย่างไรก็ต้องใช้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากทรัพย์สมบัติตระกูลโค่วเป็นแน่ แค่คิดก็พอรู้ได้แล้ว

ซินโย่วมองกระจ่างชัด สะใภ้ถูกเขียนหนังสือหย่าก็ดี หลานสาวถูกลงโทษก็ช่าง เรื่องเหล่านี้แค่เพียงทำให้นายหญิงผู้เฒ่ารำคาญใจ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเข้าเนื้อ

สมบัติมหาศาลที่โค่วชิงชิงนำมา จึงจะเป็นการขอดเกล็ดนายหญิงผู้เฒ่าให้เจ็บปวดได้อย่างแท้จริง

ยามนี้ซินโย่วเอ่ยถึงเงินก้อนนี้ เทียบกับเรื่องที่นางคิดจะแยกออกไปอยู่ข้างนอก สร้างความกดดันให้กับนายหญิงผู้เฒ่าไม่ต่างกัน

ยามนี้นายหญิงผู้เฒ่ารู้สึกปวดหัวแท้จริงแล้ว

ภายนอกเดิมก็มีข่าวลือว่าจวนรองเจ้ากรมละโมบทรัพย์สมบัติของคุณหนูนอก แต่พอเฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่า ข่าวลือเหล่านี้ก็ตกไปอยู่ที่เฉียวซื่อคนเดียว แต่หากหลานสาวออกมาเอ่ยอันใด ชื่อเสียงที่จวนรองเจ้ากรมพยายามกู้กลับมาก็คงจบสิ้น

กอปรกับวันนี้ตอนหลานสาววิ่งออกไปมีหลายคนต่างได้เห็น หากกักบริเวณนาง นานวันเข้าก็ไม่รู้ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์จวนรองเจ้ากรมอย่างไร ไม่แน่ยังอาจนำพาผู้บัญชาการแห่งเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาร่วมวงด้วย

นายหญิงผู้เฒ่าคิดไปคิดมา หากไม่มีทางรอมชอมกับหลานสาว ก็ได้แต่ทำตามข้อเสนอของนาง ซึ่งส่งผลกระทบน้อยที่สุด ถึงกับยังเป็นการแสดงความรักของนางที่มีต่อหลานสาวให้ผู้คนได้รู้กันอีกด้วย

หากหลานสาวไปดูแลกิจการร้านหนังสือแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา อย่างไรนางก็แซ่โค่ว ส่วนนางแซ่ต้วน จวนรองเจ้ากรมอย่างมากก็ตกเป็นกระแสวิจารณ์ว่ายายตามใจหลานสาวมากเกินไปเท่านั้น

ตามใจหลานสาวอย่างไรก็น่าฟังกว่าจวนรองเจ้ากรมละโมบในทรัพย์สมบัติคุณหนูนอกมากนัก

มองดูแผ่นหลังตั้งตรงของสาวน้อยแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าจำต้องรอมชอม เอาเถอะ เทียบกับหลานสาวใช้วิธีการมัจฉาตายแหขาด[1]แล้ว เสียเงินเล็กน้อยซื้อร้านให้นางน่าจะดีกว่า

พอตัดสินใจได้แล้ว สีหน้านายหญิงผู้เฒ่าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ชิงชิง นั่นเป็นสินออกเรือนที่บิดามารดาเจ้าทิ้งไว้ให้เจ้า วันหน้าจะได้เป็นรากฐานมั่นคงในตระกูลฝั่งสามี เจ้านำมาทำการค้าร้านหนังสือ หากว่าขาดทุนเล่า”

ซินโย่วฟังแล้วก็คิดหัวเราะเยาะ

ซื้อร้านหนังสือชิงซงในสายตาผู้คนอื่นก็เป็นเงินก้อนโตจริง แต่ก็ไม่เกินหนึ่งหมื่นตำลึง เทียบกับสมบัติมหาศาลแล้วก็แค่ขนเส้นเดียวจากวัวเก้าตัว แต่พอนายหญิงผู้เฒ่าเอ่ย ก็คล้ายว่าหากขาดทุนก็จะเป็นเงินทองทั้งหมดที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้นางอย่างนั้น

ซินโย่วก้มหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงกลับคืนสู่คุณหนูน้อยอ่อนปวกเปียกดังเดิม “หากขาดทุน ไม่ใช่ว่ายังมีท่านยายดูแลข้าอีกหรือเจ้าคะ”

นายหญิงผู้เฒ่านิ่งอึ้ง ฝืนยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ชิงชิง นี่ไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ เจ้าต้องคิดให้ดี”

“คิดดีแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านปู่ชิงชิงก็ทำกิจการร้านหนังสือ แม้ตอนนั้นข้ายังเล็ก ไม่ได้มีความทรงจำมากนัก แต่วันนี้เดินเข้าไปในร้านหนังสือก็รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ บางทีอาจเป็นเพราะสายโลหิตสืบทอดก็เป็นได้”

นายหญิงผู้เฒ่ามุมปากกระตุก ย่อมไม่เชื่อวาจาเหลวไหลพวกนี้ แต่ก็ทำทีเข้าใจพลางถามขึ้นว่า “หากผู้อื่นถามถึงการเปิดร้านหนังสือ…”

“เพื่อสืบทอดปณิธานท่านปู่ ต้องการเปิดร้านหนังสืออันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า ท่านยายรักข้า จึงสนับสนุนให้ข้าเปิด”

นายหญิงผู้เฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย พึงพอใจคำตอบนี้ จิบน้ำชาไปคำหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “พี่หวาเจ้า…”

ซินโย่วยิ้มตอบว่า “เกี่ยวอันใดกับพี่หวา ชิงชิงรู้สึกว่าตนเองโตแล้ว เปิดร้านหนังสือได้แล้ว ท่านยายเริ่มแรกก็ไม่เห็นด้วย แต่ชิงชิงเอาแต่ใจอยู่สักหน่อย ท่านยายไร้หนทาง ได้แต่ยอมตามใจข้าเจ้าค่ะ”

นายหญิงผู้เฒ่ามองสาวน้อยยิ้มละไม พลันรู้สึกว่ามองหลานสาวคนนี้ยังไม่กระจ่าง

“ชิงชิง เจ้ารู้ไหมว่าหากแพร่ออกไป ล้วนไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”

“ไม่เป็นอันใด ชิงชิงก็มิได้ร้อนใจออกเรือน หากไม่อาจออกเรือน ได้อยู่กับท่านยายตลอดไปได้ก็จะดีที่สุดเจ้าค่ะ”

“พูดจาอันใดกัน” นายหญิงผู้เฒ่าปากเอ่ยเช่นนี้ แต่ในใจอดกระตุกวาบไม่ได้

เดิมนางคิดให้หลานสาวแต่งกับหลานชายคนโต เพราะความโง่เง่าของเฉียวซื่อจึงไม่อาจเป็นไปได้แล้ว แต่วันนี้ดูท่าหลานสาวคนนี้มีความคิดเป็นของตนเอง คิดจะจับคู่นางกับหลานชายคนรองก็คงไม่ราบรื่นเป็นแน่

เช่นนั้น หลานสาวช้าเร็วก็ย่อมต้องออกเรือน

แต่หากหลานสาวชื่อเสียงไม่ดี ก็คงแต่งไม่ออก อยู่เฝ้าจวนรองเจ้ากรมตลอดไป?

นายหญิงผู้เฒ่าจำต้องยอมรับว่าคำพูดที่เพิ่งออกจากปากหลานสาวเมื่อครู่ทำให้นางเกิดความคิดใหม่

“ในเมื่อเจ้าชอบ พรุ่งนี้ก็ให้พ่อบ้านไปลองถามดู”

นายหญิงผู้เฒ่ายอมอ่อนข้อให้ ซินโย่วก็คลายกังวลลง

ฉากความวุ่นวายในวันนี้เริ่มตั้งแต่เข้ามาในเรือนหรูอี้ถัง ก็กลายเป็นดังการต่อสู้เดิมพันระหว่างนางกับนายหญิงผู้เฒ่า

หากนายหญิงผู้เฒ่าไม่สนใจอันใด จับนางไปขังไว้ แม้นางหนีออกไปได้ คิดจะทำให้อีกฝ่ายยอมคายเงินไม่น้อยเช่นนี้ออกมาก็คงไม่ง่ายดายเช่นนี้เป็นแน่

ดีที่นายหญิงผู้เฒ่าเป็นคนดังเช่นที่นางคาดไว้ ใช้วิธีมัจฉาตายแหขาดมาข่มขู่ได้ ใช้การไม่แต่งงานเป็นเหยื่อล่อก็สำเร็จ

การยอมรอมชอมของนายหญิงผู้เฒ่าก็เหมือนกับเรื่องของเฉียวซื่อ เกิดจากความละโมบในใจคน

ในใจซินโย่วรู้สึกดูแคลน แต่สีหน้ากลับมีแต่รอยยิ้ม “เลือกวันดีไม่สู้วันสะดวกนะเจ้าคะ วันนี้ก็ให้พ่อบ้านไปกับข้า จะได้ไม่ทำให้ผู้อื่นคาดเดากันไปต่างๆ นานา”

“รอไว้เจรจาสำเร็จ เจ้าค่อยออกหน้าก็ไม่สาย”

“ท่านยาย ชิงชิงอยากจะเรียนรู้ให้เร็วขึ้นอีกหน่อย”

นายหญิงผู้เฒ่าลังเลเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้า

ซินโย่วรีบถามขึ้นว่า “เช่นนั้นต้องนำเงินไปเท่าไรจึงจะเหมาะสมเจ้าคะ”

นายหญิงผู้เฒ่าหายใจติดขัด มุมปากกระตุกก่อนจะอธิบายว่า “ซื้อร้านหนังสือไม่ใช่ซื้อปิ่นปักผมหรือกล่องชาดประทินผิวง่ายดายเช่นนั้น แม้วันนี้ไปเจรจาก็คงไม่อาจเสร็จสิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว”

“แต่ไม่นำเงินไปด้วย ชิงชิงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเจ้าค่ะ อีกฝ่ายอาจจะสงสัยว่าข้าเป็นคุณหนูเหลวไหล ท่านยายก็คงไม่อยากให้ข้าถูกคนข้างนอกหัวเราะเยาะหรือปฏิบัติต่อข้าอย่างไร้มารยาทกระมัง”

นายหญิงผู้เฒ่าสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง สงบจิตสงบใจตนเองลงแล้วก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็นำตั๋วแลกเงินสองพันตำลึงไปด้วย หากเจรจาสำเร็จก็วางมัดจำ”

ซินโย่วเห็นว่าได้คืบแล้ว ก็ไม่คิดเอาศอก รีบรับปากทันที

นายหญิงผู้เฒ่ายื่นมือออกไป “รอกันนานแล้ว ประคองยายออกไปกันเถอะ”

ซินโย่วเข้าประคองนายหญิงผู้เฒ่าด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย

พวกจูซื่อรออย่างสงบกันอยู่ในห้องโถง พอเห็นซินโย่วประคองนายหญิงผู้เฒ่าออกมาก็พากันตกตะลึง

นี่คือ…ดีกันแล้ว?

“จูซื่อ”

“เจ้าค่ะ”

“สั่งการให้พ่อบ้านไปกับชิงชิงหน่อย ก่อนไปก็ไปห้องการเงินเบิกเงินสองพันตำลึงออกมาด้วย”

ในใจจูซื่อตกใจอย่างมาก แต่ปากกลับรีบรับคำ

ต้วนอวิ๋นหวากลับไม่ได้มีสติระงับอารมณ์เช่นนาง โพล่งถามขึ้นทันทีว่า “ท่านย่า เหตุใดยังให้เงินนางและยังให้นางออกไปข้างนอกอีก!”

ไหนว่าจะกักบริเวณโค่วชิงชิง เหตุใดจึงปล่อยนางออกไป ยังให้เงินนางอีกสองพันตำลึง

นั่นมันสองพันตำลึงเชียวนะ!

ต้วนอวิ๋นหวาตกใจ ทั้งคาดคิดและโมโหอย่างมาก พลันหลงลืมความยำเกรงบารมีย่าตนเองไป

นายหญิงผู้เฒ่าเห็นหลานสาวรองสีหน้าโมโหคุกรุ่นก็โมโหตวาดเสียงดังว่า “เจ้าคุกเข่า!”

ต้วนอวิ๋นหวาตั้งสติเก็บงำท่าทีได้แล้วก็กัดริมฝีปากลงคุกเข่า

ซินโย่วไม่ได้หยุดเดิน นางเดินออกไปอย่างสบายใจ

ด้านหลังได้ยินเสียงนายหญิงผู้เฒ่าอบรมว่า “หวาเอ๋อร์ เจ้าทำให้ย่าผิดหวัง…”

ต้วนอวิ๋นหลิงไม่ได้รับอนุญาตจากท่านย่า ย่อมตามออกไปไม่ได้ ได้แต่พยายามทำตัวให้ลีบที่สุด ได้ยินท่านย่าอบรมพี่หวาอย่างไม่ไว้หน้า สายตาก็อดเหลือบมองออกไปที่ประตูไม่ได้

ไม่เพียงแต่ไม่โดนลงโทษ ยังได้เงินสองพันตำลึงออกไปกับพ่อบ้าน พี่ชิงทำได้อย่างไรกัน!

พอก้าวออกจากประตูจวนรองเจ้ากรม ซินโย่วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พ่นลมหายใจที่อัดแน่นอยู่ภายในออกมา

ก้าวต่อไปหวังว่าจะซื้อร้านหนังสือชิงซงในราคาที่นางพึงพอใจได้

[1] หมายถึงต่อสู้จนยอมตายตกไปด้วยกัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท