สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 37 ตกลง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 37 ตกลง

ตกลงเรียบร้อย เสี่ยวเหลียนก็กลับไปก่อน

ชายหนุ่มตั้งใจเดินให้ช้าลง ถามคนงานว่า “คุณหนูโค่วที่จะซื้อร้านหนังสือผู้นั้นเป็นคนเช่นไร”

คนงานรีบเอ่ยถึงภาพแรกที่ได้พบซินโย่ว “รูปโฉมงดงาม และยังจิตใจงาม!”

ชายหนุ่มสีหน้าประหลาดใจ

ที่เขาคิดถามมิใช่รูปโฉม ส่วนเรื่องจิตใจงาม ซื้อร้านผ่องถ่ายเงินหมื่นตำลึงของตระกูลเข้ากระเป๋าเรียกว่าจิตใจงามหรือ

คนงานบอกว่าคุณหนูโค่วจิตใจงาม เพราะตอนเช้าซินโย่วให้เงินเด็กหนุ่มผู้นั้น เห็นสีหน้าไม่ถูกต้องของเจ้าของร้านก็ตั้งสติได้

แต่วาจาที่เอ่ยออกไปแล้วไม่อาจเสียหน้าได้ คนงานเกาหัวเอ่ยเบาๆ “ท่านเจ้าของร้าน ท่านไม่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูโค่วหรือ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

“คุณหนูโค่วเป็นคุณหนูนอกของจวนรองเจ้ากรม!”

เอ่ยถึงคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม ชายหนุ่มก็พลันจำได้รางๆ “คุณหนูนอกที่เกิดเหตุม้าตื่นเกือบเกิดเรื่องท่านนั้นน่ะหรือ”

“ใช่ ใช่ ใช่ ก็คือคุณหนูนอกผู้นั้น”

ชายหนุ่มเกาคางพึมพำว่า “หรือว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง”

เขาอดอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคุณหนูนอกในข่าวลือไม่ได้ รีบเร่งฝีเท้าเดินไปร้านหนังสือชิงซง

ในร้านหนังสือ พ่อบ้านจวนรองเจ้ากรมกำลังถามสภาพการณ์ค้าหนึ่งปีมานี้ ผู้ดูแลร้านกลัวว่าการเจรจาจะล้มเหลว กว่าจะหาคนมาซื้อได้ก็ไม่ง่าย คงได้แต่ออกกำลังภายในกันสักหน่อยแล้ว

ยังดีที่ได้ยินเสียงคนงาน “ท่านเจ้าของร้านมาแล้ว”

ผู้ดูแลร้านโล่งอก รีบเข้าไปต้อนรับชายหนุ่มแนะนำเขาต่อเขาซินโย่วและพ่อบ้านต้วน

ชายหนุ่มจ้องมองซินโย่ว

คนงานกล่าวไม่ผิด คุณหนูโค่วท่านนี้งามจริง ดวงตาดำขลับทั้งคู่นั้นสงบนิ่งจนทำให้รู้สึกได้ถึงความเย็นเรียบ นึกภาพไม่ออกว่าเป็นนางที่ส่งสาวใช้ไปหาเขาเพื่อผ่องถ่ายเงินซื้อขาย

“ได้ยินว่าคุณหนูคิดซื้อร้านหนังสือชิงซง”

“ใช่”

“หากซื้อร้านหนังสือไปแล้ว คุณหนูมีแผนการเช่นไรต่อ”

“ก็จะเปิดร้านหนังสือต่อ ท่านปู่ข้าเคยเปิดร้านหนังสือ น่าเสียดาย ท่านจากไปแล้วก็ไม่ได้เปิดอีก ตอนนี้ข้าโตแล้ว คิดจะหาอะไรทำสักหน่อย จึงเลือกเปิดร้านหนังสือ และก็เพื่อจะได้สืบทอดปณิธานท่านปู่”

“คุณหนูคิดได้ไม่เลว” ชายหนุ่มพยักหน้า

รับช่วงต่อร้านหนังสือและเปิดต่อ บิดาเขาในปรภพก็คงด่าเขาน้อยลงสักหน่อยกระมัง

“ท่านเจ้าของร้านคิดปล่อยราคาเท่าไรเจ้าคะ”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่ก็เสนอตัวเลข “สองหมื่นสองพันตำลึง”

เคร้ง ผู้ดูแลร้านรีบลนลานประคองถ้วยน้ำชาไว้ไม่ให้ร่วง ก่อนมองพ่อบ้านจวนรองเจ้ากรมที่ก็มีท่าทางเหมือนเขา

“ท่านเจ้าของร้าน ราคานี้จริงใจขายจริงหรือ” พ่อบ้านคว้าถ้วยน้ำชาให้นิ่ง ก่อนจะหันมาถามด้วยอาการใบหน้ากระตุก

สองหมื่นสองพันตำลึง ไม่ไปปล้นเสียเลยล่ะ!

เป็นห่วงแค่คุณหนูนอกจะไม่รู้ พ่อบ้านส่งสายตาให้ซินโย่ว

ซินโย่วขมวดคิ้ว “แพงไปหรือ”

พ่อบ้านแอบถอนหายใจ

“สองหมื่นตำลึงได้หรือไม่”

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบอย่างไม่ลังเล “ได้”

“เช่นนั้นก็ร่างสัญญา มอบเงินมัดจำก่อน”

“ตกลง”

“ช้าก่อน!” พ่อบ้านกระโดดตัวลอยใบหน้าแดงก่ำ “ราคานี้ซื้อไม่ได้!”

ซินโย่วกับชายหนุ่มหันไปมองเขาพร้อมกัน

“คุณหนูนอก ราคานี้แพงเกินไป เกินสภาพการณ์การค้าขาย”

“เกินสภาพการณ์การค้าขาย” ซินโย่วกะพริบตาปริบๆ

พ่อบ้านสีหน้าจริงจัง “ไม่ผิด อย่าว่าแต่สองหมื่นตำลึง แค่หมื่นตำลึงก็สูงไปสักหน่อยแล้ว!”

เหตุใดจึงชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้!

“อย่างนั้นหรือ” ซินโย่วมองไปทางชายหนุ่ม

ชายหนุ่มสีหน้าเย็นเยียบ “ต่ำกว่านี้หนึ่งพันตำลึงก็ไม่ได้ หากไม่สูงข้าจะขายหรือ”

ซินโย่วอดพยักหน้าไม่ได้

พ่อบ้านสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนูนอกอย่าได้ถูกหลอก สองหมื่นตำลึงซื้อร้านหนังสือเช่นนี้ได้ถึงสองร้าน”

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ “เช่นนั้นก็เชิญตามสบาย”

“คุณหนูนอก พวกเราไป!”

พ่อบ้านเดินไปสองก้าวหันหลังกลับมามอง กลับเห็นซินโย่วยังคงนั่งนิ่ง

“คุณหนูนอก?”

ซินโย่วยิ้มละไม “หรือว่าพ่อบ้านต้วนกลับไปก่อนดีกว่า”

พ่อบ้าน “?”

พ่อบ้านจึงต้องเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยเตือนอย่างใจเย็น “คุณหนูนอก ท่านคิดซื้อร้าน เราก็ค่อยๆ หารือกันได้ ร้านนี้ไม่เหมาะสมก็หาร้านอื่น…”

“ข้าว่าร้านนี้เหมาะมาก ข้าจะซื้อร้านหนังสือนี้”

พ่อบ้านเริ่มปวดขมับตุบๆ หากไม่ใช่ว่ามีสถานะค้ำคอ ก็แทบจะลากคุณหนูออกไปแล้ว “คุณหนูนอกการค้าการขายไม่ได้เจรจากันแบบนี้ แม้ท่านชอบร้านหนังสือ เมืองหลวงก็มิใช่ว่ามีแค่ร้านหนังสือนี้ร้านเดียว”

“แต่ในละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็มีแค่ร้านหนังสือสองร้านนี้ ข้าดูการค้าร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามดีมาก สองหมื่นตำลึงก็คงไม่ขาย”

“คุณหนูนอก เหตุใดต้องเปิดละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน” พ่อบ้านถูกความไร้สมองของคุณหนูนอกทำเอาปวดขมับ

ซินโย่วสีหน้ามั่นใจเต็มที่ “พี่ชายข้าสองคนไม่ใช่ว่าเรียนอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหรือ ใกล้กันสักหน่อยจะได้ดูแลกันได้ พ่อบ้านต้วนช่วยข้าดูแลสัญญาให้ดีก็พอ เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องใส่ใจ”

พ่อบ้านไหนเลยจะรับปาก เอ่ยอย่างร้อนใจ “หากคุณหนูนอกท่านต้องการใช้เงินมากมายเพียงนี้เพื่อซื้อร้านหนังสือนี้จริง บ่าวกลับไปจะไปรายงานนายหญิงผู้เฒ่าอย่างไร”

“ท่านยายสนับสนุนให้ข้าซื้อร้านหนังสือ”

“แต่ไม่ได้สนับสนุนท่านซื้อร้านหนังสือสองหมื่นตำลึง!” อารามร้อนใจ พ่อบ้านถึงกับหลุดวาจาเช่นนี้ออกมา

ซินโย่วสีหน้างุนงง “แต่เงินซื้อร้านหนังสือเป็นเงินของข้านี่”

พอเอ่ยเช่นนี้ เจ้าของร้าน ผู้ดูแลร้านกับคนงานก็หันขวับมองไปทางพ่อบ้าน

พ่อบ้านนิ่งอึ้งไปทันที

ซินโย่วเห็นดังนี้ก็เริ่มแอบแค่นเยาะในใจ

ดูท่าทางพ่อบ้านเองใช่ว่าไม่เคยคิดเรื่องสมบัติติดตัวคุณหนูโค่ว ท่าทีพ่อบ้านไหนเลยจะเก็บงำท่าทีแท้จริงของจวนรองเจ้ากรมไว้ได้

“ท่านยายบอกไว้แล้ว จะช่วยดูแลเงินทองบิดามารดาข้าไว้ก่อน วันหน้าก็เป็นสินออกเรือนของข้า ในเมื่อเป็นของข้า ข้าคิดนำส่วนหนึ่งมาซื้อร้านหนังสือ ยังต้องขอความเห็นจากพ่อบ้านต้วนหรือ”

“คือว่า…” เพราะมีสายตาเจ้าของร้านและคนอื่นๆ อยู่ พ่อบ้านพลันคิดถึงข่าวลือพวกนั้นขึ้นมา

หลายคนต่างซุบซิบว่าจวนรองเจ้ากรมละโมบในทรัพย์สินคุณหนูนอก หากเขามีท่าทีห้ามปรามขัดขวางคุณหนูนอกซื้อร้านหนังสือ กลับไปเกิดมีคนจากร้านหนังสือเหล่านี้แพร่ข่าวไม่ดีออกไป นายหญิงผู้เฒ่าคงไม่ชมเชยเขาที่ประหยัดเงินซื้อร้านหนังสือมาได้ แต่คงตำหนิเขาที่ทำงานไม่ได้ความ ทำให้จวนรองเจ้ากรมเสื่อมเสียชื่อเสียง

ในใจพ่อบ้านก็เริ่มดีดลูกคิด

ซินโย่วจีบปากจีบคอเอ่ยว่า “ท่านยายรักข้าที่สุด ข้าซื้อของมาแล้วสบายใจ นางก็จะดีใจแทนข้า หากพ่อบ้านต้วนเป็นห่วงว่าซื้อแพงไปแล้วจะถูกท่านยายว่า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”

พ่อบ้านเงียบงันไปนาน

ซินโย่วส่งยิ้มให้ชายหนุ่มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ร่างสัญญา ข้าวางมัดจำสองพันตำลึง ใช่แล้ว สัญญาต้องมีสองฉบับกระมัง”

ชายหนุ่มได้ยินซินโย่วเน้นย้ำที่คำว่า ‘สอง’ และเพราะคำพูดของเสี่ยวเหลียนก่อนหน้านี้ ย่อมเข้าใจความหมาย

สัญญาปกติทั่วไปก็จะร่างสองฉบับ ลงนามประทับลายนิ้วมือแล้วก็แบ่งให้ผู้ขายหนึ่ง ผู้ซื้อหนึ่ง แต่คำว่าสองฉบับของซินโย่วกลับหมายถึงสัญญาราคาขายที่ต่างกันสองฉบับ

“ใช่แล้ว สองฉบับ” ชายหนุ่มยิ้มพยักหน้า

ที่แท้ข่าวลือเป็นจริง สมบัติคุณหนูนอกผู้นี้อยู่ในมือยายตน

ช่างน่าสงสารจริง

ไม่นานก็ร่างสัญญาเสร็จ ซินโย่วส่งให้พ่อบ้านอ่าน “ข้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ พ่อบ้านต้วนช่วยข้าตรวจสอบสักหน่อย”

พ่อบ้านรับสัญญามาด้วยท่าทางไร้ความรู้สึก ซินโย่วถามชายหนุ่ม “ท่านเจ้าของร้านพาข้าไปดูโรงพิมพ์ด้านหลังหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ย่อมได้ ผู้ดูแลร้านหู ช่วยข้าต้อนรับพ่อบ้านต้วนสักครู่”

ซินโย่วกับชายหนุ่มถือโอกาสที่ออกไปนี้ไปดูสัญญาอีกฉบับ ชายหนุ่มอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “คุณหนูโค่วไม่กลัวข้าพูดออกไปหรือ”

ซินโย่วยิ้ม “เรื่องผู้อื่นขาดทุน ตนได้ประโยชน์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่าคนฉลาดย่อมไม่ทำ”

ชายหนุ่มเองก็ยิ้มประสานมือ “เช่นนั้นร้านหนังสือชิงซงวันหน้าก็รบกวนท่านเจ้าของร้านคนใหม่แล้ว”

ซินโย่วประสานมือตอบ “จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเจ้าค่ะ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท