สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 38 ต้องการทั้งหมด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 38 ต้องการทั้งหมด

พวกซินโย่วสามคนออกไปแล้ว ผู้ดูแลร้านยังคงนิ่งงันเหมือนไก่ไม้

“ผู้ดูแลร้าน” คนงานถึงแขนเสื้อผู้ดูแลร้าน

ผู้ดูแลร้านตั้งสติได้รวดเร็ว ผลักมือคนงานออก ถามชายหนุ่มอย่างตกใจว่า “ท่านเจ้าของร้าน ท่านจะขายร้านหนังสือสองหมื่นตำลึงจริงหรือขอรับ”

ชายหนุ่มถามกลับอย่างอารมณ์เสีย “สัญญาก็ร่างแล้ว ยังเท็จอีกหรือ”

“แต่มันตั้งสองหมื่นตำลึงนะขอรับ!” ผู้ดูแลร้านยังคงรู้สึกว่าฝันไป

“ตื่นเต้นอันใด สองหมื่นตำลึงไม่ได้ให้เจ้า วันหน้าพวกเจ้าก็ติดตามเข้าของร้านคนใหม่ทำงานให้ดีก็พอ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไพล่หลังเดินออกไป

ผู้ดูแลร้านทอดถอนใจ “ท่านเจ้าของร้านช่างหนักแน่นแท้”

คนงานข้างๆ อยากพูดแต่ก็เงียบลง สะกดกลั้นความคิดที่จะบอกเล่าความจริงทิ้งไป

เจ้าของร้านคนเก่ากำชับไว้แล้วว่าต้องเก็บเป็นความลับ

อ้อ ใช่แล้ว เจ้าของร้านคนใหม่กำชับเขามาเรื่องหนึ่ง เขาต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย

ในรถม้า เสี่ยวเหลียนเองก็รู้สึกว่าเหมือนฝันไปเช่นกัน “คุณหนู พ่อบ้านต้วนถึงกับไม่ห้ามท่านไว้”

ซินโย่วสงบนิ่งอย่างมาก “ไม่แปลก ก็แค่ถ่วงน้ำหนักผลได้ผลเสียเท่านั้น”

ไม่ได้ห้ามนางซื้อร้านหนังสือราคาสูง ยังผลักความรับผิดชอบให้นางว่าเอาแต่ใจไร้เดียงสา แต่หากแพร่ข่าวลือออกไปว่านายหญิงผู้เฒ่ากำสินออกเรือนหลานสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก็ต้องโดนโทสะนายหญิงผู้เฒ่าใส่แทน

เทียบกันแล้ว พ่อบ้านต้วนย่อมเลือกประการแรก

“แต่หากนายหญิงผู้เฒ่าไม่ตกลงจะทำเช่นไร แม้ว่ามอบเงินมัดจำแล้ว แต่หากนายหญิงผู้เฒ่ายินยอมเสียเงินมัดจำไม่ยอมจ่ายสองหมื่นตำลึงเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนเริ่มกังวลขึ้นมา

ซินโย่วแย้มยกมุมปาก “ท่านยายรักข้า จะไม่ตกลงได้อย่างไร”

เสี่ยวเหลียนมองสีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยมของซินโย่ว ใจที่โครมครามไม่แน่ใจก็เริ่มสงบลง

กลับถึงจวนรองเจ้ากรม ซินโย่วรีบเร่งฝีเท้าไปยังเรือนหรูอี้ถัง พ่อบ้านกลับก้าวเดินราวกับฝีเท้าหนัก ก้าวไปคิดไปว่าจะรายงานนายหญิงผู้เฒ่าอย่างไรดี

“นายหญิงผู้เฒ่า คุณหนูนอกกลับมาแล้ว”

นายหญิงผู้เฒ่าที่ยังกังวลอยู่ พอได้ยินสาวใช้รายงานก็เงยหน้าขึ้น เห็นหลานสาวสีหน้าดีใจ ในใจก็ยิ่งรู้สึกย่ำแย่

ดูท่าทางเช่นนี้ คงจ่ายเงินไปแล้ว

“เจรจาเป็นอย่างไรบ้าง” นายหญิงผู้เฒ่าถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ซินโย่วยิ้มละไม “เจรจาราบรื่น วางเงินมัดจำไปแล้วเจ้าค่ะ”

นายหญิงผู้เฒ่าเลิกคิ้ว ถามว่า “ซื้อไว้เท่าไร”

พ่อบ้านได้ยินนายหญิงผู้เฒ่าถาม ก็อดก้มหน้าลงไม่ได้ เขาคิดว่าคุณหนูนอกจะค่อยๆ บอกตัวเลขออกมาด้วยท่าทางไม่แน่ใจ ไม่คิดว่ากลับได้ยิน สาวน้อยพูดไม่หยุดด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ “สองหมื่นตำลึงก็ซื้อได้แล้ว ท่านยาย ท่านไม่เห็น ด้านหลังร้านหนังสือยังมีโรงพิมพ์ มีบ้านพักพื้นที่กว้างขวาง แม้แต่ผู้ดูแลร้านก็มีให้เสร็จสรรพ…”

“เท่าไรนะ” วาจาท้ายๆ นายหญิงผู้เฒ่าล้วนไม่ได้ฟังสักคำ ในสมองมีเพียงแค่สามคำ

สองหมื่นตำลึง สองหมื่นตำลึง สองหมื่นตำลึง…

“ท่านยาย ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ” สาวน้อยเลิกคิ้วเริ่มรู้สึกว่าสีหน้านายหญิงผู้เฒ่าไม่ค่อยถูกต้องนัก

นายหญิงผู้เฒ่าค่อยๆ เบนใบหน้าไปมองพ่อบ้าน “พวกเจ้าใช้เงินสองหมื่นตำลึงซื้อร้านหนังสือ?”

เทียบกับสมบัติมหาศาลของหลานสาว สองหมื่นตำลึงคล้ายว่าไม่มาก แต่เงินเบี้ยประจำปีของบุตรชายคนโตนางยังไม่ถึงสามร้อย!

พ่อบ้านตกใจลงคุกเข่า “คือ คือคุณหนูนอก…”

ซินโย่วเอ่ยรับคำสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ข้าชอบร้านหนังสือนี้มาก ตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งไปจนถึงการจัดร้าน ข้าพอใจกับทุกอย่างของร้านหนังสือนี้ แม้พ่อบ้านต้วนเตือนว่าแพงไป แต่ข้าก็ยังจะซื้อ อย่างไรก็ไม่ใช่ว่าใช้เงินทองซื้อความสบายใจหรือเจ้าคะ ครั้งนี้ซื้อได้ก็ซื้อไว้ ท่านยาย ท่านว่าใช่หรือไม่”

พ่อบ้านมองซินโย่วด้วยสายตาที่ไม่อาจระงับสายตาซาบซึ้งใจของตนเอง

คุณหนูนอกเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นจริงๆ…ถุย หากไม่ใช่คุณหนูนอกไร้เดียงสาจนถูกหลอก จะทำให้นายหญิงผู้เฒ่าไม่พอใจได้อย่างไร

พอตั้งสติได้ พ่อบ้านก็ยิ้มก้มหน้างุด

“ทองคำพันชั่งยากซื้อหาความสบายใจก็จริง แต่ก็ไม่อาจโปรยเงินไปทั่ว!” นายหญิงผู้เฒ่าไม่อาจรับคำพูดเช่นนี้ได้ “ร้านหนังสือที่การค้าไม่ดี แม้มีโรงพิมพ์และเรือนพัก ซื้อมาอย่างมากก็ไม่เกินหมื่นตำลึงกระมัง จ่ายสองหมื่นตำลึงซื้อมา ไม่ใช่ว่าโง่เขลาหรือ”

“แต่ถูกกว่านี้เขาก็ไม่ขาย เจ้าของร้านพวกเขาเปิดราคามาสองหมื่นสองพันตำลึง ข้าต่อราคาจนเหลือสองหมื่นตำลึง”

นายหญิงผู้เฒ่าอัดอั้นตันใจจนปวดใจยิ่ง

ยังต้องเอ่ยชื่นชมนางอีกหรือ?

“หากเจ้าแสดงท่าทางว่าต้องการซื้อ อีกฝ่ายย่อมไม่ยอมลดราคาให้แน่ อีกอย่างหากต่อรองราคาไม่ได้จริงๆ หรือว่าจะไปซื้อร้านอื่นไม่ได้กัน”

“ร้านอื่นชิงชิงล้วนไม่ชอบเจ้าค่ะ” ซินโย่วน้ำเสียงเรียบเฉย

นายหญิงผู้เฒ่ากลับไม่คิดยอมความ เอ่ยต่อด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ชิงชิง ไม่ใช่ว่ายายเสียดาย หากร้านหนังสือราคาสองหมื่นตำลึงจริง ยายก็ยอมให้เจ้าซื้อ แต่เห็นอยู่ว่าของราคาเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง แต่ต้องจ่ายสองเท่า เช่นนั้นมิใช่ว่าย่ำยีเงินทองหรอกหรือ”

“ชิงชิงชอบเจ้าค่ะ เงินมากมายเท่าไรก็ไม่รู้สึกว่าเป็นการย่ำยีเงินทอง และเงินมัดจำก็จ่ายไปแล้ว…”

นายหญิงผู้เฒ่าตัดบทซินโย่ว “เงินมัดจำอย่างมากก็แค่สองพันตำลึง ยอมทิ้งไปก็ได้ ไม่อาจเสียเงินสองหมื่นตำลึงซื้อร้านหนังสือ!”

เห็นนายหญิงผู้เฒ่ายืนยันหนักแน่น ซินโย่วก็เงียบไม่ส่งเสียงอีก

พ่อบ้านที่คุกเข่าอยู่แอบเบ้ปาก

หากรู้ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไยคุณหนูนอกต้องทำเช่นนี้ด้วย

“พ่อบ้านต้วน เจ้าไปที่ร้านหนังสืออีกครั้ง บอกเจ้าของร้านว่าให้ลดราคา หรือไม่การค้านี้ก็ยกเลิกเสีย”

“ขอรับ” พ่อบ้านรีบลุกขึ้น คว้าสัญญาที่ยังร้อนกรุ่นอยู่วิ่งออกไปทันที

เห็นซินโย่วเม้มปากไม่เอ่ยอันใด นายหญิงผู้เฒ่าตัดสินใจว่าจะให้พุทราหวานเอาใจสักหน่อย “พรุ่งนี้เจ้าออกไปเดินเล่นอีกครั้ง หากมีร้านค้าราคาเหมาะสมหรือชอบก็ซื้อไว้ได้ อวี้จู ไปเอาเครื่องประดับร้านหงเป่าชุดนั้นที่เพิ่งทำส่งมาออกมาหน่อย”

สาวใช้ที่ชื่ออวี้จูรับคำ รีบประคองหีบใบเล็กเข้ามา นายหญิงผู้เฒ่าแสดงท่าทางให้นางเปิดออก

หีบใบเล็กทรงแบนกว้าง ในหีบปูด้วยผ้าแพรสีอ่อน มีเครื่องประดับฝังทับทิมงดงามแวววาว ทำให้คนที่ได้เห็นต่างไม่อาจละสายตา

นายหญิงผู้เฒ่ายิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พอเครื่องประดับฝังทับทิมชุดนี้ทำเสร็จ ยายก็รู้สึกว่าเหมาะกับเจ้ามาก เจ้าเอาไปใส่เล่นสิ”

ซินโย่วกวาดตามอง คาดเดาว่าเครื่องประดับชุดนี้เกรงว่านายหญิงผู้เฒ่าเตรียมไว้เพื่อหลานสาวคนใดออกเรือน แน่นอนว่ารวมถึงหลานสาวเช่นโค่วชิงชิง ตอนนี้เพื่อปลอบใจนาง จึงหยิบออกมามอบให้ก่อน

“ชิงชิงชอบมาก ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ” ซินโย่วรับไว้ทันทีอย่างไม่เกรงใจ

นายหญิงผู้เฒ่าเห็นซินโย่วไม่เอาเรื่อง ก็เผยรอยยิ้มพึงใจ

ตอนกลับเรือนหว่านฉิง เสี่ยวเหลียนกังวลหนักใจ “เครื่องประดับฝังทับทิมชุดนี้แม้ว่าดูมีราคา แต่เทียบกับเงินสองหมื่นตำลึงแล้วห่างไกลกันมาก…”

คิดจะดึงสองหมื่นตำลึงจากมือนายหญิงผู้เฒ่ายากเย็นเช่นนี้ นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะจะนำหกส่วนกลับมาอย่างไร

หกส่วน อย่างน้อยก็ต้องหกแสนตำลึง!

ซินโย่วยิ้มตบหลังมือเสี่ยวเหลียน “วางใจเถิด ร้านเครื่องประดับทับทิมกับร้านหนังสือชิงซง พวกเราต้องได้มาทั้งหมด”

เสี่ยวเหลียนยังคิดถามต่อ แต่เห็นคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิงรออยู่ไม่ไกลนัก

ซินโย่วเดินไป ถามขึ้นก่อนว่า “น้องหลิงมารอข้าหรือ”

ต้วนอวิ๋นหลิงพยักหน้าเล็กน้อย มองไปรอบๆ ด้วยสัญชาตญาณ กระซิบว่า “พี่ชิง พี่เดาว่าท่านย่าทำโทษพี่หวาอย่างไร”

ซินโย่วรอนางกล่าวต่อ

ต้วนอวิ๋นหลิงอดยิ้มมุมปากไม่ได้ “พี่หวาถูกลงโทษให้อยู่ในหอบูชาบรรพชน”

ซินโย่วไม่ได้คิดสนใจคุยเรื่องต้วนอวิ๋นหวาถูกลงโทษ ทำสีหน้าจริงจังเอ่ยว่า “น้องหลิงได้ช่วยข้าไว้ ข้าจะจดจำเอาไว้ วันหน้าน้องหลิงต้องการความช่วยเหลือ มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

ต้วนอวิ๋นหลิงรีบพยักหน้า ถามอย่างอยากรู้ว่า “พี่ชิงออกไปทำอันใดมาหรือ”

“ซื้อร้านหนังสือ”

“ซื้อร้านหนังสือ? ใช้เงินไม่น้อยกระมัง ซื้อแล้วหรือยัง”

ซินโย่วมองซ้ายมองขวาก่อนจะยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “น่าจะนะ”

ครั้งนี้พ่อบ้านเดินลิ่วตรงไปยังร้านหนังสือชิงซง ภาพตรงหน้ากลับทำเอาข้าตาค้างไปทันที

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท