สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 40 คนดี

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 40 คนดี

ซินโย่วคิดไม่ถึงว่าวาจาเช่นนี้จะออกจากปากผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้ แม้แต่สีหน้าเรียบเฉยดังเช่นยามปกติ ยามนี้ก็คล้ายปรากฏสีหน้า

เฮ่อชิงเซียวหลุบตาลงกลบเกลื่อนอาการเก้กัง

พฤติกรรมเขาเช่นนี้เป็นการยุ่งเรื่องผู้อื่นจริงๆ เพียงแต่พอคิดถึงว่าเด็กสาวกำพร้าใช้ชีวิตไม่ง่าย แท้จริงก็คือทนเห็นนางใช้เงินทองเช่นนี้ไม่ได้

ซินโย่วกลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม ย่อกายคำนับเฮ่อชิงเซียวเล็กน้อย “ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่เตือนเจ้าค่ะ ราคานี้…เป็นราคาที่ข้าได้เจรจาต่อรองกับเจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนเดิม พวกเราต่างพึงพอใจมาก”

เฮ่อชิงเซียวเงียบไปก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้กิจการคุณหนูโค่วเจริญรุ่งเรือง อ้อ คุณหนูโค่วยังจะเปิดร้านหนังสือต่อหรือไม่”

“อืม เพราะคิดว่าจะเปิดร้านหนังสือ จึงได้ถูกใจร้านหนังสือชิงซงเจ้าค่ะ”

เห็นสีหน้ายิ้มละไมของสาวน้อย เฮ่อชิงเซียวก็คิดเอ่ยว่าการเปิดร้านหนังสือตรงข้ามร้านหนังสือหย่าซินไม่ง่าย ซึ่งเป็นวาจาไม่เป็นมงคลอีก จึงไม่เอ่ยออกมา ได้แต่อวยพรก่อนจะเดินออกไป

พอซินโย่วได้ลงนั่งตรงหน้าเจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนเดิม สองฝ่ายต่างไม่ปิดบังแววตาประหลาดใจของตนเอง

ซินโย่วรู้ชื่อชายหนุ่มแล้ว ชื่อว่าเสิ่นหนิง

“คุณหนูโค่วสนิทกับใต้เท้าเฮ่อหรือ”

ซินโย่วสีหน้าเรียบเฉย “ใต้เท้าเฮ่อเคยช่วยข้าไว้”

“อ๋อ อ๋อ ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต” เสิ่นหนิงรีบพยักหน้ารับรู้ อดถามต่อไม่ได้ว่า “แค็กๆ คุณหนูโค่วจ่ายสองหมื่น’ตำลึงซื้อร้านหนังสือชิงซง ใต้เท้าเฮ่อคงไม่มาเอาเรื่องข้ากระมัง”

ล่วงเกินผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เพื่อเงินที่ได้มาเพิ่มสองพันตำลึง ไม่คุ้มค่า

ซินโย่วยิ้มหวาน “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน วันนี้ข้าพบกับใต้เท้าเฮ่อเป็นครั้งที่สามเท่านั้น ใต้เท้าเฮ่อได้ยินว่าซื้อร้านหนังสือ เพียงแต่มาถามดูเพราะรู้สึกอยากรู้เท่านั้นเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี” เสิ่นหนิงถอนหายใจโล่งอกลงได้ หัวเราะมีเลศนัยเอ่ยว่า “หากคุณหนูโค่วจะเปิดร้านหนังสือต่อ เช่นนั้นก็คงได้พบกับใต้เท้าเฮ่อบ่อยๆ”

สบแววตาไม่เข้าใจของซินโย่ว เสิ่นหนิงก็ยิ้มอธิบายว่า “ใต้เท้าเฮ่อชอบมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือมาก”

และเพราะเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้หวาดกลัวผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินท่านนี้มากนัก เขามักรู้สึกว่าใต้เท้าเฮ่อไม่เหมือนพวกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินพวกนั้น

“ใต้เท้าเฮ่อเป็นคนปักใจมั่น ร้านหนังสือตรงข้ามแย่งลูกค้าไปหมดแล้ว เขายังคงมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือชิงซงเรา” เสิ่นหนิงพูดไปก็ได้สติ “วันหน้าไม่ใช่ร้านหนังสือชิงซงแล้วสิ คุณหนูโค่วคิดชื่อใหม่ไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง”

ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ไม่มีแววตาเสียใจแม้สักนิด มีแต่ความผ่อนคลายที่ได้สลัดภาระนี้หลุด

ไม่จำเป็นต้องถมเงินใส่ร้านหนังสือว่างเปล่าไร้การค้านี้อีกแล้ว และไม่จำเป็นต้องค้นหานักเขียนนิยายอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ซื้อนิยายท่านผิงอันอีกแล้ว

วันหน้าเขาก็จะเป็นนักอ่านนิยายเพียงอย่างเดียว

“ร้านหนังสือชิงซง ชื่อนี้ก็ดีมากแล้ว ข้าคิดว่าจะใช้ชื่อนี้ต่อเจ้าค่ะ”

นางต้องการหาตัวเจ้าของ ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มนั้น และ ‘บันทึกโบตั๋น’ ก็พิมพ์ที่ร้านหนังสือชิงซง เก็บชื่อร้านหนังสือไว้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการตามหาตัวอย่างแน่นอน

เสิ่นหนิงตกใจ “คุณหนูโค่วถึงกับไม่คิดเปลี่ยนชื่อ?”

กล่าวเช่นนี้ วันหน้าไม่ว่าร้านหนังสือกำไรหรือขาดทุน ร้านหนังสือชิงซงก็ล้วนยังอยู่ เช่นนั้นบิดาเขาในปรภพก็คงไม่ด่าเขา

ใต้หล้าถึงกับมีคนดีเช่นนี้ด้วย

เสิ่นหนิงซาบซึ้งใจมาก บทสนทนาต่อจากนั้นก็เป็นไปอย่างราบรื่น เขาถึงกับแอบกล่าวกับซินโย่วว่า “คุณหนูโค่ว ข้ายังมีร้านค้าอีกไม่น้อย หากท่านต้องการซื้อ ราคาคุยกันได้ พวกเรายังร่างสัญญาสองฉบับได้อีกด้วย”

ซินโย่ว “…” ช่างขายสมบัติบรรพชนได้อย่างไม่รู้สึกสำนึกเสียจริง

“วันหน้าหากต้องการ ข้าจะไปพบคุณชายเสิ่นเจ้าค่ะ”

“ได้ พวกเราร่วมปันผลประโยชน์กัน”

ได้เงินเพิ่มมาอีกสองพันตำลึง เสิ่นหนิงเดินออกไปอย่างดีอกดีใจ

ได้กลับมาอีกหนึ่งหมื่นตำลึง ซินโย่วเองก็อารมณ์ดีไม่เลว ให้ผู้ดูแลร้านตามคนในร้านหนังสือมา นับว่าเป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับทุกคนในสถานะเจ้าของร้าน

คนในร้านหนังสือแบ่งออกเป็นสามส่วน ปกติผู้ดูแลร้านกับคนงานสองคนอยู่โถงด้านหน้าร้าน จัดการงานในเรือนเจ็ดแปดคน คนทำงานในโรงพิมพ์มีมากที่สุด มีทั้งช่างคัดอักษร ช่างแกะอักษร ช่างพิมพ์…รวมกันก็หลายสิบคน

ผู้ดูแลร้านหูถอนหายใจ “ตอนร้านหนังสือเราเจริญรุ่งเรือง แค่งานทั่วไปก็หลายสิบคนแล้ว…”

ต่อมาการค้าไม่ดี จ้างไม่ไหว บ้างก็จากไป บ้างก็กลับบ้านไป เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านี้ คนเหล่านี้เป็นรากฐานของร้านหนังสือ แม้นั่งตบยุง ขาดทุนจนต้องกัดฟันก็ต้องเลี้ยงดูไว้ ไม่เช่นนั้นร้านหนังสือก็ไม่มีวันพลิกฟื้นอีก

ผู้ดูแลร้านหูหูเป็นห่วงว่าซินโย่วไม่เข้าใจ จึงหันไปบอกให้ทุกคนกลับไปก่อน ตนเองบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้นางฟังอ้อมๆ

“ขอบคุณผู้ดูแลร้านที่เอ่ยเตือน ข้าทราบแล้ว” เข้าใจการจัดการของร้านหนังสือแล้ว ซินโย่วทำท่าทางเหมือนคุยอย่างไม่ตั้งใจ “ข้ามีน้องสาวลูกพี่ลูกน้องผู้หนึ่ง ชอบอ่านนิยายมา โดยเฉพาะ ‘บันทึกโบตั๋น’ ของร้านหนังสือชิงซง นางยังเสียใจมากที่ต่อมาหาซื้อไม่ได้แล้ว ไม่อาจซื้ออีกเล่มไปแจกสหายนาง”

“‘บันทึกโบตั๋น’? อา เป็นนิยายที่ขายดีที่สุดของร้านหนังสือเรา…” เอ่ยถึงตอนยังรุ่งเรือง ผู้ดูแลร้านหูก็มีวาจามากมายคุยไม่จบไม่สิ้น

“ในเมื่อ ‘บันทึกโบตั๋น’ ได้รับความนิยมเช่นนี้ เหตุใดไม่ขายอีก”

เดิมซินโย่วคิดว่ามีเหตุผลพิเศษอันใด ปรากฏผู้ดูแลร้านหูเอ่ยถึงสาเหตุอย่างเป็นเรื่องปกติ “มีแมลงกัดกินแม่พิมพ์ และเพราะได้รับความนิยมมาก ทุกคนในเมืองหลวงที่ชอบอ่านนิยายแทบจะซื้อไว้กันหมดแล้ว การจะแกะแม่พิมพ์ใหม่ไม่คุ้มค่า จึงไม่ได้พิมพ์อีก”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ซินโย่วคิดแล้วก็สั่งการผู้ดูแลร้านหู “เช่นนั้นก็ให้ช่างแกะแม่พิมพ์ที่เสียใหม่ แล้วก็ตีพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ ร้อยเล่มวางขายในร้านหนังสือ”

ผู้ดูแลร้านหูสีหน้าลำบากใจ “ท่านเจ้าของร้าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ฟังคำสั่งท่านนะขอรับ เพียงแต่การจะทำแบบพิมพ์ใหม่ แม้ ‘บันทึกโบตั๋น’ หนึ่งร้อยเล่มขายหมดก็ยังขาดทุน”

“ผู้ดูแลร้านไปจัดการตามนี้ก็พอ ข้าทำกิจการร้านหนังสือยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญ หากว่าขาดทุนก็ถือว่าฝึกฝนฝีมือ จะว่าไปตอนนี้ไม่มีนักเขียนที่โดดเด่น ช่างเหล่านั้นก็ว่างอยู่เฉยๆ ไม่สู้หางานให้ทำสักหน่อย”

ผู้ดูแลร้านหูได้ยินก็รู้สึกเสียดแทงใจ

ท่านผิงอันถูกร้านหนังสือตรงข้ามแย่งตัวไปด้วยเงินก้อนโต ไม่ใช่แสดงให้เห็นว่าไม่มีนักเขียนอื่นอีกหรือ แต่หนังสือเล่มหนึ่งตั้งแต่เลือกต้นฉบับจนกระทั่งพิมพ์ออกมาต้องลงทุนก้อนโตไม่น้อย ทันทีที่ขายไม่ดี แม่พิมพ์นั่นก็เท่ากับเอาไปทำฟืนได้เลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกหนังสือมาพิมพ์จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด

นอกจากท่านผิงอัน นักเขียนมีชื่ออีกสองสามคนล้วนถูกร้านหนังสืออื่นกุมตัวไว้แน่น นิยายที่ร้านหนังสือชิงซงได้ต้นฉบับจากนักเขียนอื่นอีกจำนวนหนึ่งก็ช่างไร้ราคาให้เอ่ยถึงเสียจริง

นิยายที่รู้ว่าอย่างไรก็ต้องขาดทุน ไม่สู้ไม่ตีพิมพ์เสียดีกว่า

ได้ยินผู้ดูแลร้านหูเอ่ยถึงสถานการณ์วิกฤตของร้านหนังสือชิงซง ซินโย่วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไปติดประกาศหน้าร้านหนังสือ หากมีต้นฉบับนิยายดี พวกเรายินดีลงทุนซื้อ ไว้ค่อยเลือกคนจากร้านหนังสือสองสามคนที่พูดจาเก่งไปประกาศเรื่องนี้”

ผู้ดูแลร้านหูส่ายหน้าเล็กน้อย “เมื่อก่อนเองก็เคยทำเช่นนี้ แต่ไร้ประโยชน์”

ทุ่มเงินก้อนโต ได้ต้นฉบับมาไม่น้อย แต่ก็มีนิยายบางเรื่องที่ราวกับสุนัขผายลม อ่านแล้วปวดตาปวดใจอย่างมาก

“เมื่อก่อนไม่ได้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ไม่แน่อาจได้ประโยชน์ ดีกว่าไม่ทำอันใดสักอย่าง ผู้ดูแลร้านว่าใช่หรือไม่”

นิยายที่ท่านแม่เคยเล่าให้นางฟังพวกนั้น ในที่สุดก็จะได้เล่าให้คนมากมายได้ฟังแล้ว

ผู้ดูแลร้านหูไม่อาจทำให้เจ้าของร้านเสียหน้า ได้แต่พยักหน้ารับคำ

เรื่องที่ควรเข้าใจก็ทำความเข้าใจแล้ว ซินโย่วพาเสี่ยวเหลียนเตรียมกลับจวนรองเจ้ากรม แต่กลับเห็น ต้วนอวิ๋นหลางวิ่งมาอย่างรีบร้อน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท