ตอนที่ 42 ประเมินต่ำ
“ได้” ซินโย่วพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ส่งเสียงเรียกเจี้ยงซวงมาทันที
เจี้ยงซวงเห็นหานเสวี่ยคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็เอ่ยถามอย่างสงสัยอยู่บ้างว่า “คุณหนู มีอันใดสั่งการหรือเจ้าคะ”
“ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามความคิดเห็นพวกเจ้า เพราะข้าไม่ทันได้ใส่ใจเอง หานเสวี่ยอยากอยู่ต่อ ข้ารับปากแล้ว จึงอยากถามความเห็นเจ้า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าข้าจะไม่พอใจ ทำตามที่ต้องการก็พอ”
หากให้ซินโย่วเลือกจริงๆ นางก็อยากพาเสี่ยวเหลียนไปแค่คนเดียว ไม่มีคนอื่นจะสะดวกกว่า
เจี้ยงซวงมองหานเสวี่ยที่ก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยอันใดอย่างตกใจ เอ่ยแสดงท่าทีว่า “บ่าวอยากติดตามคุณหนูเจ้าค่ะ”
ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนจะได้ไม่สร้างความกดดันให้สาวใช้ “คิดให้ดีนะ”
“บ่าวคิดดีแล้ว บ่าวจะไปร้านหนังสือกับคุณหนูเจ้าค่ะ”
ซินโย่วพยักหน้าเดินเข้าห้อง
หานเสวี่ยไม่เข้าใจการเลือกของเจี้ยงซวง ดึงนางมากระซิบถามว่า “เหตุใดเจ้าติดตามคุณหนูไป ผู้หญิงเราไปอยู่ข้างนอกไม่ง่ายนะ โดยเฉพาะคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน คุณหนูก็มิได้ตำหนิลงโทษ ไยไม่อยู่ในจวนต่อ”
เจี้ยงซวงเองก็ไม่เข้าใจการเลือกของหานเสวี่ย “คุณหนูมีร้านค้า มีบ่าวและคนงาน เหตุใดไม่ง่ายเล่า ติดตามคุณหนูไปดูแลกิจการร้านหนังสือดีกว่าถูกกักตัวอยู่ที่นี่ไหม จะว่าไปข้างกายคุณหนูก็มีเพียงพี่เสี่ยวเหลียนคนเดียว ก็คงไม่พอ”
หานเสวี่ยเองก็รู้ดีกว่าการกระทำของตนนั้นแล้งน้ำใจ จึงเอ่ยอันใดไม่ออก ในใจแอบด่าคนโง่
ทันทีที่ชื่อเสียงคุณหนูถูกทำลายหมดสิ้น พวกนางที่ติดตามรับใช้นางวันหน้าก็จะออกเรือนยาก เจี้ยงซวงทำเช่นนี้ไม่ใช่คนโง่แล้วคืออันใด
วันรุ่งขึ้นตอนอำลานายหญิงผู้เฒ่า ซินโย่วให้เหตุผลว่าอยากให้คนอยู่เฝ้าเรือนหว่านฉิงมากอีกหน่อย จึงให้หานเสวี่ยอยู่ต่อ
สาวใช้คนหนึ่งจะอยู่หรือไป นายหญิงผู้เฒ่าล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ ไม่ได้ถามมากก็รับปากทันที
ซินโย่วเดินมาตรงหน้าต้วนเหวินไป่กับจูซื่อย่อกายลงคำนับ “ขอบคุณท่านลุง ท่านป้าที่ดูแลข้ามาตลอดเจ้าค่ะ”
ในใจจูซื่อแอบทอดถอนใจ เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “อยู่ข้างนอกไม่ชินก็กลับมาบ้านนะ”
ตอนนี้นางดูแลจวน แม้ไม่อาจทำอันใดให้สาวน้อยน่าสงสารผู้นี้ได้มากนัก แต่จะให้นางได้มีกินอยู่สบายก็พอทำได้อยู่
ซินโย่วรับรู้ได้ถึงความจริงใจของจูซื่อ จึงขอบคุณอีกครั้ง
ต้วนอวิ๋นหลิงไม่กล้าแสดงท่าทีสนิทสนมมากเกินไปต่อหน้านายหญิงผู้เฒ่า ได้แต่มองซินโย่วด้วยแววตาจริงใจอย่างที่สุด “พี่ชิง พี่ต้องกลับมาบ่อยๆ นะเจ้าคะ”
“แน่นอน หากน้องหลิงออกไปเดินเล่นข้างนอก ก็ไปหาข้าที่ร้านหนังสือได้ตลอดเวลา”
ฉากอำลาจบลง ในที่สุดซินโย่วก็นั่งรถม้าไปร้านหนังสือชิงซง
เสี่ยวเหลียนในรถม้าถอนหายใจเต็มแรง “ในที่สุดก็หลุดออกจากถ้ำพยัคฆ์มาได้แล้ว คุณหนูร้ายกาจจริงเจ้าค่ะ”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “รอให้นำสมบัติคุณหนูโค่วกลับคืนมาได้ครึ่งหนึ่งก่อน ค่อยชมข้าก็ไม่สาย”
“คุณหนู ท่านมีวิธีหรือเจ้าคะ”
“ค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์”
มาถึงร้านหนังสือชิงซง รถม้าจอดที่ประตูหลังของร้าน คนที่อยู่ในร้านได้ข่าวมาก่อนแล้ว จึงมารวมตัวกันคำนับซินโย่วที่นี่
ทั้งหมดแปดคน หนึ่งคนเฝ้าประตู สองคนทำความสะอาดพื้น สองคนซักล้าง สองคนเย็บปะชุนเสื้อผ้า คนหนึ่งทำอาหาร ยังมีอีกสองคนทำหน้าที่ลาดตระเวนคุ้มกันรอบร้าน
ซินโย่วมอบให้ฟางหมัวมัวจัดการดูแลคนเหล่านี้ เสี่ยวเหลียนพาเจี้ยงซวงไปจัดของที่นำมา ส่วนตนเองไปที่หน้าร้าน
ร้านหนังสือเงียบเหงา ผู้ดูแลร้านหูกับคนงานยังคงมองหน้ากันไปมาไม่มีงานให้ทำ
“ท่านเจ้าของร้าน ท่านมาแล้ว” พอเห็นซินโย่ว ผู้ดูแลร้านหูก็กุลีกุจอหยิบประกาศที่เขียนเสร็จเข้ามารายงาน “ท่านดูว่าเช่นนี้ได้หรือไม่ หากไม่มีปัญหาใด ข้าน้อยก็จะนำไปติดประกาศ”
ซินโย่วกวาดตาอ่าน แล้วก็ไม่มีความคิดเห็นใด ชี้ไปที่จำนวนเงิน เอ่ยว่า “แก้ห้าสิบตำลึงเป็นห้าร้อยตำลึง”
ผู้ดูแลร้านหูตกใจ “ห้าร้อยตำลึง?”
“อืม”
“ท่านเจ้าของร้าน สูงไปหรือไม่ขอรับ” ผู้ดูแลร้านหูเอ่ยเตือนอ้อมๆ ไม่ใช่รู้สึกว่าสูงไปบ้าง แต่สูงไปมากมายมหาศาลจริงๆ
“หากซื้อนิยายดีมาได้ ก็ไม่สูงสักนิด ผู้ดูแลร้านไปปิดประกาศนี้เถอะ”
ผู้ดูแลร้านหูได้แต่รับคำ แต่ตอนติดประกาศก็เอ่ยกับคนงานอย่างรู้สึกสับสนในใจ “ท่านเจ้าของร้านใจคอกว้างขวางแท้ มิน่าซื้อร้านหนังสือมาถึงสองหมื่นตำลึง”
หากเป็นบุตรสาวเขา เขาก็คงด่าว่าผลาญสมบัติ
ในใจคนงานยังสับสนยิ่งกว่าผู้ดูแลร้านหู คิดว่า ผู้ดูแลร้านท่านช่างไร้เดียงสาแท้
ประกาศติดเสร็จ ไม่นานก็มีคนมามุงกันไม่น้อย
“หากนิยายเข้าตา ก็จะได้ห้าร้อยตำลึงหรือ”
“จริงหรือเท็จกันนี่ สูงไปหน่อยแล้วกระมัง”
“ก็ใช่น่ะสิ หรือว่านิยายนั่นใช้ผงทองเขียนออกมากัน”
ทุกคนอยู่ในอาการตกใจพากันแย่งถามผู้ดูแลร้านหู
ผู้ดูแลร้านหูประสานมือคำนับทุกคน “ประกาศติดแล้วจะไม่จริงได้หรือ มีเรื่องดีงามเช่นนี้จริง ห้าร้อยตำลึงไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว”
แม้เขารู้สึกว่าราคาไม่เหมาะ แต่ก็ไม่อาจทำให้เจ้าของร้านคนใหม่เสียกำลังใจได้
“ผู้ดูแลร้านหู เจ้าของร้านคนใหม่ท่านเด็ดเดี่ยวจริง”
ผู้ดูแลร้านหูเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ยังต้องขอให้ทุกท่านช่วยกันประกาศออกไปด้วย”
ทุกคนรีบเอ่ยว่า “ไม่มีปัญหา”
นิยายหนึ่งเรื่องห้าร้อยตำลึง เรื่องไม่ค่อยได้พบเห็นเช่นนี้ แม้ผู้ดูแลร้านไม่ฝากฝัง ทุกคนก็อดป่าวประกาศไม่ได้
คนหน้าร้านหนังสือชิงซงมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้น ผู้ดูแลร้านหนังสือหย่าซินอดเดินออกมาไม่ได้ ส่งคนงานออกมาถามสาเหตุ
“เรื่องหนึ่งห้าร้อยตำลึง?” ผู้ดูแลร้านหนังสือหย่าซินได้ยินข่าวที่คนงานไปสืบมาก็แค่นเยาะ “นี่คิดใช้ ทองคำพันชั่งซื้ออาชางามหรือ เพียงแต่น่าเสียดายการเขียนนิยายไม่เหมือนเรื่องอื่น ไม่ใช่ว่ายอมจ่ายเงินก็จะเป็นนิยายที่ได้รับความนิยมจากผู้คนได้”
แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ผู้ดูแลร้านหนังสือหย่าซินยังไม่วางใจ ส่งคนงานไปสั่งจองโต๊ะเลี้ยงท่านผิงอันสักหน่อย
ผู้ดูแลร้านหูเดินเข้าไปในร้านหนังสือ ประสานมือคำนับซินโย่วอย่างตื่นเต้น “ท่านเจ้าของร้าน ข้าน้อยเข้าใจเจตนารมณ์ของท่านแล้วขอรับ ห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายแม้ว่ามาก แต่ผู้คนรู้กันทั่วในพริบตา วันหน้าหนังสือในร้านออกวางขายใหม่ คนไม่น้อยย่อมมาชมด้วยความอยากรู้อยากเห็น”
นี่คือสิ่งที่ผู้ดูแลร้านหูคิดได้หลังจากได้เห็นคนมากมายมามุงดูกันมากขึ้นเรื่อย และเห็นท่าทางคู่อาฆาตร้านตรงข้าม
เขาเข้าใจเจ้าของร้านผิดไปแล้ว!
ซินโย่วไม่ได้ปฏิเสธคำพูดผู้ดูแลร้าน “ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง”
ผู้ดูแลร้านหูตกใจ “ยังมีประโยชน์อื่นอีกหรือ”
ซินโย่วไม่ตอบ ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลร้านไปโรงพิมพ์ด้านหลังเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งก็คือปุ๋ยดีย่อมไม่ใส่ให้ที่นาผู้อื่น ห้าร้อยตำลึงนางเตรียมไว้ให้ตนเอง
แน่นอนว่าไม่อาจเอ่ยเช่นนี้ ซินโย่วไม่คิดให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงรู้ว่าคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมยังเขียนนิยายได้
นอกร้านหนังสือชิงซงครึกครื้นอย่างมาก โรงพิมพ์กลับเงียบเหงาราวกับไร้ชีวิต ช่างพิมพ์หลายคนกำลังบ่นเข้าหู้ซินโย่วพอดี
“นำนิยายที่ออกขายพิมพ์ปีที่แล้วมาพิมพ์อีก เจ้าของร้านคนใหม่เงินทองมากมายจนต้องเอามาเผาเล่นใช่หรือไม่”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าว่าร้านหนังสือนี่คงเปิดได้อีกไม่นานแล้ว…”
“เป็นคุณหนูไม่สงบเสงี่ยมอยู่แต่ในเรือน แล่นออกมาเปิดร้านหนังสือ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหรือนี่!”
“แค็กๆ!” ผู้ดูแลร้านหูกระแอมไอดัง
“ท่านเจ้าของร้าน ผู้ดูแลร้าน” ช่างพิมพ์หลายคนทักทายด้วยสีหน้าเก้กัง
ผู้ดูแลร้านหูเห็นสีหน้านิ่งเฉยของซินโย่ว รีบเอ่ยว่า “พวกเขาเป็นพวกไม่มีความรู้ ท่านเจ้าของร้านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยขอรับ”
ซินโย่วกวาดตามองทุกคน ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่หรอก ทุกคนทำงานไปให้ดีก็พอ ร้านหนังสือจะต้องเปิดต่อไปได้อีกยาวนานเป็นแน่”