สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 44 หาพบ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 44 หาพบ

ตอนนั้นดวงตาวิเศษเป็นบางครั้งของนางมองเห็นอีกแล้ว

ท้องฟ้ามืดแล้ว คนผู้หนึ่งแอบพังกลอนประตูโยนคบเพลิงเข้าไป แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้ดูแลร้านหูก็ปรากฏตัวด้วยสีหน้าโมโหอย่างมาก

คนผู้นั้นยกของในมือขึ้นอย่างไม่ลังเล ทุบไปบนศีรษะผู้ดูแลร้านหูจนเขาล้มลง

พอผู้ดูแลร้านหูล้มลง ภาพก็ตัดจบลง ภาพตรงหน้ากลับคืนสู่ความสว่างดังเดิม

“ท่านเจ้าของร้าน?”

“ท่านไปทำงานเถอะ ข้าคิดอะไรสักครู่”

ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ ผู้ดูแลร้านหูไม่กล้ารบกวนอีก วิ่งไปที่ด้านหน้ารอรับมือกับคนที่มาขายนิยายอยู่เป็นระยะ

ซินโย่วไม่ได้รีบสอบถามผู้ดูแลร้านหู อยากคิดทบทวนภาพนั้นให้ละเอียดเสียก่อน ดูว่าจะพบรายละเอียดอื่นใดหรือไม่

ท้องฟ้ามืดมาก มองไม่เห็นประตูว่าสีอันใด มีเพียงคบเพลิงโยนเข้าไปกับแสงโคมไฟในมือผู้ดูแลร้านหูที่จะพอส่องเห็นใบหน้าทั้งสองคนแวบหนึ่งเท่านั้น

จากนั้นผู้ดูแลร้านหูก็ล้มลง ภาพค่อยๆ จางหายไป…เดี๋ยวนะ

ซินโย่วหลับตาลงอีกครั้ง ภาพปรากฏขึ้นอีก

นอกจากผู้ดูแลร้านหูที่ล้มลงกับพื้นยังมีโคมไฟที่ตกอยู่บนพื้น

โคมไฟส่องสว่างวับแวมทำให้นางมองเห็นสภาพบนพื้นกระจ่าง

ความมืดทำให้แยกสีก้อนอิฐไม่ออก แต่พอจับได้ว่ามีก้อนหนึ่งบิ่นรูปร่างคล้ายเสี้ยวจันทร์เสี้ยว

จันทร์เสี้ยว…

ขนตาซินโย่วกะพริบเล็กน้อย ในภาพพอจะมองเห็นภาพดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่เกือบถูกมองข้าม

นั่นคือจันทร์เต็มดวง แต่พอคิดดูอีกครั้ง ก็เหมือนไม่ได้ข้อมูลมีค่าอันใด

เพราะเวลาสั้นเกินไป แสงก็มืดมาก แม้มองเห็นใบหน้าคนร้าย ซินโย่วก็เพียงแค่รู้สึกว่าคุ้นตา แต่กลับนึกไม่ออกในตอนนี้ว่าคือผู้ใด

ความคุ้นตานี้ทำให้นางวิเคราะห์ได้ว่าน่าจะเป็นคนร้านหนังสือชิงซง

และสถานที่ที่ผู้ดูแลร้านหูเกิดเรื่อง เกรงว่าก็น่าจะรู้ได้จากก้อนหินบนพื้นที่มีรอยบิ่นก้อนนั้น

ส่วนเรื่องเวลา จากประสบการณ์หลายปีของนาง ภาพที่นางเห็นส่วนใหญ่เกิดในระยะเวลาอีกไม่นานนัก ภาพดวงจันทร์เต็มดวงเป็นไปได้มากว่าจะเป็นวันที่สิบสี่ถึงสิบหกสามวันในเดือนนี้

ซินโย่วจัดระเบียบความคิดเรียบร้อยแล้ว ก็พาเสี่ยวเหลียนไปด้านหน้า

คนงานชื่อหลิวโจวกำลังยุ่งกับการต้อนรับแขกที่เข้าร้านมา ผู้ดูแลร้านหูเข้าไปในห้องเล็กที่เชื่อมกับโถงกลาง ที่นั่นเป็นสถานที่พักผ่อนยามปกติของเขา ยามนี้ใช้ต้อนรับคนที่มาขายนิยาย

ตอนซินโย่วเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวาย “ท่านผู้ดูแลร้าน ท่านอ่านอีกรอบ เรื่องนี้ข้าเขียนไม่หลับไม่นอนมาหลายวัน ตรากตรำลำบาก อย่าได้เอ่ยว่าเป็นผลงานน่าตะลึง เทียบกับของท่านผิงอันแล้วก็ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”

“อ่านละเอียดแล้ว ไม่ใช่ที่พวกเราต้องการจริงๆ ขออภัยด้วย”

“ท่านแค่กวาดตามองสองที อ่านละเอียดที่ไหนกัน”

“ขออภัยจริงๆ ทำให้ท่านเสียเวลามาแล้ว” ผู้ดูแลร้านหูกล่าวอย่างสุภาพ แต่กลับไม่มีท่าทียอมอ่อนข้อให้

“เชอะ ดูแคลนผู้อื่น!” คนผู้นี้ฟาดมือมาแย่งนิยายกลับก่อนจะเดินออกไปทันที เห็นซินโย่วก็ชะงักครู่หนึ่ง ประเมินมองก่อนจะถามว่า “คุณหนูก็คือเจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนใหม่?”

ซินโย่วพยักหน้า

คนผู้นั้นยกมือชี้ไปทางผู้ดูแลร้านหูที่ตามออกมา “เจ้าของร้าน ผู้ดูแลร้านของท่านไม่ไหวนะ ข้าขอเตือนท่านให้รีบเปลี่ยนคนดีกว่า ไม่เช่นนั้นช้าเร็วก็คงได้ปิดร้าน”

ซินโย่วยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณที่เตือน โปรดวางใจ ข้าย่อมไม่เปลี่ยนผู้ดูแลร้านแน่”

ได้ยินวาจาครึ่งแรก คนผู้นั้นยังคิดว่านางพอใช้ได้อยู่ แต่พอฟังวาจาครึ่งหลัง ก็พลันโมโหทันที “ข้าก็ว่า คุณหนูอายุน้อยๆ จะไปรู้เรื่องการเปิดร้านหนังสือได้อย่างไร ไม่สู้กลับบ้านไปดีดพิณปักบุปผา”

ซินโย่วไม่คิดมีเรื่องกับคนไม่เกี่ยวข้อง หัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ค่อยๆ เดินนะ ไม่ส่ง”

“เจ้า…” คนผู้นั้นราวกับชกลม ได้แต่สะบัดแขนเสื้อเดินไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ผู้ดูแลร้านหูสีหน้าเก้กัง “ท่านเจ้าของร้าน ไม่ใช่ข้าเลือกมาก แต่นิยายบัณฑิตผู้นั้นดังสุนัขผายลม…”

“พวกเราจะเสียเงินห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายหนึ่งเล่ม จะไม่เลือกมากได้อย่างไร”

ซินโย่วน้ำเสียงนิ่งเรียบ ผู้ดูแลร้านหูกลับรู้สึกซาบซึ้งที่นางปกป้องตนเมื่อครู่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านเจ้าของร้าน บัณฑิตไม่เอาไหนเช่นนี้มักชอบพาลบ่นไม่เลิกที่สุด ข้าน้อยเกรงว่าเขาจะโพนทะนาไปทั่ว ส่งผลต่อคนที่จะนำนิยายมาขายร้านเรานะขอรับ”

“ผู้ดูแลร้านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ หากเขาประกาศออกไปว่าพวกเราเลือกมาก ก็จะได้ตัดพวกเขียนนิยายเลอะเทอะที่คิดจะทดสอบโชคชะตาหรือพวกที่คิดฉวยโอกาสฉกฉวยประโยชน์ออกไป คนที่มั่นใจว่าตนเองเขียนนิยายได้ดียังคงมาลองดูดังเดิม”

“ท่านเจ้าของร้านคิดได้กระจ่างมาก” ผู้ดูแลร้านหูประสานมือ

“ท่านนไปโรงพิมพ์เป็นเพื่อนข้าหน่อย”

ซินโย่วให้ผู้ดูแลร้านหูไปโรงพิมพ์เป็นเพื่อน ก็เห็นช่างพิมพ์กำลังวุ่นกับงาน

แบบพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ ที่ขาดหายไปแกะใหม่เสร็จแล้ว บทคัดสรรกวีนิพนธ์ที่พิมพ์เพิ่มก็เย็บเล่มแล้ว ไม่นานก็จะนำออกวางขายหน้าร้านได้แล้ว

ซินโย่วห้ามช่างพิมพ์คำนับ ค่อยๆ เดินดู

แม้ผู้ดูแลร้านหูไม่รู้เป้าหมายของซินโย่ว แต่กลับไม่ได้รู้สึกรำคาญใจอันใด

ในสายตาเขา เจ้าของร้านคิดแสดงความสามารถ ก็ดีกว่าเจ้าของร้านคนเก่าที่คิดเอาแต่นอนอ่านนิยายอยู่แต่ในบ้าน

ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร ซินโย่วพลันหยุดลง ถามขึ้นท่าทางไม่ตั้งใจนัก “ท่านผู้ดูแลร้าน นี่ห้องนี้คือห้องอะไรหรือ”

“นี่คือห้องเก็บแม่พิมพ์ไม้ขอรับ ห้องนี้เก็บจำพวกจี๋”

ซินโย่วพึมพำ “จำพวกจี๋…”

คิดว่าซินโย่วไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ผู้ดูแลร้านหูอธิบายว่า “พวกที่ซื้อหนังสือประเภทจิง สื่อ จื่อ จี๋[1]ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเรียนหนังสือแท้จริง หากร้านหนังสือใหญ่เช่นพวกเราไม่มีหนังสือพวกนี้ ก็ไม่อาจเงยหน้าสบตาผู้ใดได้”

“ข้าว่าก่อนหน้านี้คนมาซื้อหนังสือพวกนี้ก็ไม่มากนัก”

ผู้ดูแลร้านหูยิ้มเฝื่อน “ก่อนหน้านี้เงียบเหงาไร้คนถามไถ่ก็จริง คนซื้อหนังสือพวกนี้ไม่มาก…แต่ความจริงหากตั้งใจขายสักหน่อย หนังสือพวกนี้ล้วนมียอดขายที่แน่นอน แม่พิมพ์หนังสือเหล่านี้ล้วนทำสำเร็จรูปไว้ ต้นทุนค่าตีพิมพ์เพิ่มต่ำมาก…”

ร้านหนังสือตรงข้ามจงใจช่วงชิงการค้าอย่างชั่วร้าย ไม่เพียงแต่ชิงตัวท่านผิงอันไป ยังลดราคาหนังสือพวกนี้ให้ต่ำลง ส่วนเจ้าของร้านหนุ่มของเขาเผชิญกับกลวิธีต่างๆ ของร้านหนังสือหย่าซินก็ไม่มีแผนรับมืออันใดทั้งนั้น ได้แต่ยอมจำนนแต่โดยดี

แค่จะซักถามก็รังเกียจว่าเสียแรงเปล่า

“หากกล่าวเช่นนี้ แม่พิมพ์เหล่านี้ต้องเก็บรักษาให้ดี”

“แน่นอนขอรับ ทุกปีล้วนต้องพิมพ์หนังสือพวกนี้เพิ่ม หากแม่พิมพ์เสียหายก็จะส่งผลเสียหายอย่างมาก”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ซินโย่วพยักหน้า เดินต่อไป รองเท้าไหมปักยกออก ร่องหินบนพื้นก็ปรากฏรอยจันทร์เสี้ยวอย่างชัดเจน

ผู้ดูแลร้านหูรีบตามไป คิดว่าซินโย่วจะดูห้องเก็บของถัดไป ไม่คิดว่านางเดินไปทางช่างพิมพ์ที่กำลังทำงานวุ่นกันอยู่

“เสี่ยวเหลียน เจ้าไปเรือนด้านหลังนำแตงโมที่แช่ในบ่อน้ำมาสองลูก ให้ทุกคนได้กินดับกระหาย” ซินโย่วเดินไปพลางสั่งการไปพลาง

ไม่นานเสี่ยวเหลียนก็นำผู้คุ้มกันเข้ามาคนหนึ่ง ผู้คุ้มกันร่างสูงใหญ่กำยำอุ้มแตงโมลูกใหญ่มาลูกหนึ่ง

ซินโย่วส่งสัญญาณ เสี่ยวเหลียนตะโกนดัง “ทุกคนพักสักครู่ กินแตงโมคลายร้อนกันก่อนเถิด”

พวกช่างพิมพ์ได้ยิน ไม่ว่ากำลังทำงานหรือไม่ต่างก็ส่งเสียงขานรับล้อมวงกันเข้ามา

แตงโมแช่ในบ่อน้ำมีความเย็นอยู่มาก ทำให้หวานชุ่มคอเป็นพิเศษ พวกช่างพิมพ์กินกันจนไม่มีเวลาคุยกัน ทุ่มเทกับการกินแตงโมชิ้นโต

ซินโย่วนิ่งกวาดตามองใบหน้าที่กำลังกินแตงโมแต่ละใบหน้าอย่างละเอียด สุดท้ายไปหยุดที่ใบหน้าคนผู้หนึ่ง

เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ใบหน้ายาวค่อนข้างตอบ ดูแล้วไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า

ซินโย่วเม้มริมฝีปาก

หาตัวพบแล้ว

[1] ในสมัยโบราณจัดประเภทหนังสือออกเป็นจิง (พวกรวมคำสอนขงจื่อ) สื่อ (พวกประวัติศาสตร์) จื่อ (พวกหนังสือตำราก่อนสมัยราชวงศ์ฉินหรือพวกศาสนา) จี๋ (พวกบทกวี)

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท