สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 45 พระจันทร์เต็มดวง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 45 พระจันทร์เต็มดวง

ซินโย่วรู้ชื่อชายหนุ่มผู้นี้ เขาชื่อว่าหลี่ลี่ เป็นช่างพิมพ์ฝึกหัด

ในรายชื่อที่ผู้ดูแลหูส่งมา ช่างพิมพ์ที่มีความสามารถล้วนมีสัญญาอยู่ในมือ เพราะติดตามเจ้าของร้านคนใหม่ ตอนนี้สัญญาจึงอยู่ในมือของซินโย่ว และยังมีช่างพิมพ์ฝึกหัดทั่วไปอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่คนงานของเสิ่นหนิง เป็นเพียงพวกลูกจ้างเท่านั้น

หลี่ลี่ผู้นี้ก็คือจำพวกหลัง

หาตัวคนลงมือพบแล้ว และก็หาสถานที่เกิดเหตุพบแล้ว เรื่องที่เหลือก็แค่รอวันพระจันทร์เต็มดวง

ความจริงซินโย่วอยากรู้มากว่าตอนนั้นเหตุใดผู้ดูแลหูจึงปรากฏตัวในห้องเก็บแม่พิมพ์ แต่เห็นชัดว่าการถามออกไปไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาด

คนเช่นหลี่ลี่ หากจะขับไล่ไปนับว่าสบายเขาเกินไป วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือจับโจรพร้อมของกลาง แล้วค่อยถามสาเหตุจากเขา

เพราะอยู่ร่วมกับคนงานไม่ได้ จึงหาทางระบายอารมณ์ หรือว่าเห็นว่าร้านหนังสือเริ่มดีขึ้น จึงถูกคนบงการมา?

ดีที่พรุ่งนี้ก็คือวันที่สิบสี่เดือนหก เฝ้าวันที่สิบสี่ สิบห้า สิบหก สามวันนี้ไว้ ปีศาจร้ายก็ย่อมปรากฏร่าง

“ท่านผู้ดูแลร้าน ประตูเรือนพักไปจนถึงประตูโรงพิมพ์ ผู้ใดมีกุญแจบ้าง” ระหว่างเส้นทางกลับจากโรงพิมพ์ ซินโย่วก็ถามขึ้น

“นอกจากท่านกับข้า ก็มีผู้คุ้มกันสองคนมีหนึ่งดอก หัวหน้าจ้าวมีหนึ่งดอกขอรับ”

ร้านหนังสือมีพ่อบ้านสองคน คนหนึ่งคือผู้ดูแลหู ทำหน้าที่ดูแลด้านหน้า อีกคนหนึ่งก็คือหัวหน้าจ้าว ทำหน้าที่ดูแลช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์

เรือนพักซินโย่วแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งตะวันออกกับตะวันตก เรือนตะวันตกแบ่งให้ช่างพิมพ์พัก สองผู้คุ้มกันนอกจากลาดตระเวนในบริเวณที่พักแล้ว ก็ยังรับหน้าที่ลาดตระเวนในโรงพิมพ์อีกด้วย

“สองผู้คุ้มกันจะมาลาดตระเวนโรงพิมพ์ในเวลาใด”

ผู้ดูแลร้านยิ้มตอบขึ้นว่า “กลางวันโรงพิมพ์มีคน ย่อมไม่ต้อง ส่วนใหญ่ลาดตระเวนกลางคืน ก่อนนอนก็จะมาลาดตระเวนรอบหนึ่งขอรับ”

“มีเพียงผู้คุ้มกันสองคนลาดตระเวนทั้งในที่พักและโรงพิมพ์ ลำบากพวกเขาแล้ว ผู้ดูแลร้าน ท่านว่าแม่พิมพ์หนังสือจิง สื่อ จื่อและจี๋สำคัญมาก แม่พิมพ์เหล่านี้ล้วนเป็นไม้ ต้องคอยลงยากันแมลงและกันไฟกระมัง”

“แน่นอน ห้องเก็บแม่พิมพ์ล้วนสร้างไว้ต่างหาก ไม่เชื่อมต่อกัน พื้นก็เป็นก้อนหิน การป้องกันแมลงก็มีการจัดการโดยเฉพาะ นอกจากเข้าไปนำออกมาและนำไปเก็บ ปกติไม่อนุญาตให้คนเข้าออก”

“ข้าเห็นแม่พิมพ์ในห้องโถงมีผ้าคลุมไว้ คลุมไว้เพื่อการใดหรือ”

ผู้ดูแลหูรู้สึกอีกครั้งว่าเจ้าของร้านคนใหม่เริ่มก้าวหน้าแล้ว จึงตั้งใจอธิบายอย่างยินดี “นั่นคือผ้ากันไฟ มีประโยชน์ในการป้องกันไฟได้ แม่พิมพ์ไม้หรือพวกกระดาษกำลังตีพิมพ์ มีคนทำงานกันมาก เกิดเหตุไฟไหม้ง่าย จึงต้องใช้ผ้ากันไฟคลุมไว้”

“เช่นนี้หรือ…” ซินโย่วเผยสีหน้าเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง “ในเมื่อผ้ากันไฟป้องกันไฟได้ แล้วในห้องเก็บของได้ใช้หรือไม่”

ผู้ดูแลหูสีหน้าสับวน “ไม่ได้ใช้”

ผู้ดูแลร้านเห็นท่าทางสงสัยของเจ้าของร้านคนใหม่ มุมปากก็กระตุกทีหนึ่ง เอ่ยว่า “เราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น”

ผ้ากันไฟไม่ใช่ถูกๆ แม่พิมพ์ในโรงพิมพ์ไหนจะใช้ผ้ากันไฟคลุมทั้งหมดกัน

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ซินโย่วพลันเข้าใจ

ผู้ดูแลหู “…” ไม่เช่นนั้นเล่า?

“เอาอย่างนี้ ไปซื้อผ้ากันไฟมาอีกหน่อย ไปคลุมในห้องเก็บของที่ข้าเพิ่งไปดูมาเมื่อครู่ รออีกหน่อยการเงินเราคล่องกว่านี้ ก็ค่อยคลุมในห้องเก็บของอื่นด้วย”

ผู้ดูแลหูอ้าปากคิดเอ่ยเตือน แต่พอหวนคิดได้ว่าเจ้าของร้านคนใหม่จ่ายสองหมื่นตำลึงอย่างไม่เสียดาย จึงไม่เอ่ยเตือนดีกว่า “ขอรับ”

พอตกบ่าย ผู้ดูแลหูก็มารายงานซินโย่วว่าซื้อผ้ากันไฟมาแล้ว

“ท่านสั่งการคนที่ไว้ใจได้สองคน พอตกค่ำก็ให้นำผ้าเหล่านี้ไปคลุมในห้องเก็บของ”

ผู้ดูแลหูนิ่งอึ้งไปทันที

ซินโย่วสีหน้าเห็นด้วย “ระยะนี้ร้านหนังสือเรามีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ทางโรงพิมพ์ก็พยายามทำงานไปตามปกติ จะได้ไม่ทำให้คนงานแตกตื่นตกใจ”

“ท่านเจ้าของร้านคิดการได้รอบคอบ”

พอตกค่ำ ผู้ดูแลหูก็ตามคนที่ไว้ใจได้มาสองคน นำผ้ากันไฟไปคลุมในห้องเก็บแม่พิมพ์จำพวกจี๋

พริบตาก็วันที่สิบสี่เดือนหก ผู้ดูแลหูพบว่าคนมาซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือน้อยลงไปสักหน่อย นึกถึงบัณฑิตยากจนที่จากไปอย่างโกรธจัดเมื่อวานนี้แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยวางใจ ส่งคนงานออกไปสืบข่าว

ผ่านไปไม่นาน คนงานชื่อหลิวโจวก็กลับมาอย่างกระหืดกระหอบ

“ท่านผู้ดูแลร้าน บัณฑิตยากจนผู้นั้นบอกว่าร้านหนังสือเราจ่ายเงินห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายเป็นเรื่องหลอกลวง นิยายเขียนดีอย่างไรก็ไม่ซื้อ เพียงแค่ล่อให้คนมาจะได้ขายหนังสืออื่น!”

ผู้ดูแลหูได้ยินก็รีบมารายงานซินโย่ว

“ท่านเจ้าของร้าน หากปล่อยให้เขาโพนทะนาไปทั่วเช่นนี้ ข้าน้อยเกรงว่านักเขียนนิยายแท้จริงจะโดนพวกเขาทำให้ไขว้เขว…”

“ท่านผู้ดูแลร้านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าพอรู้อยู่แล้วว่าควรทำเช่นไร”

ผู้ดูแลหูเห็นซินโย่วไม่เดือดร้อน ในใจก็แอบทอดถอนใจ

เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าครั้งนี้เจ้าของร้านอาจจะคาดผิด

เอาเถอะ เจ้าของร้านอายุยังน้อย เผชิญอุปสรรคบ้าง บางทีอาจเติบโตได้เร็วขึ้น เขาเป็นผู้ดูแลร้าน ไม่อาจทำลายความมั่นใจของเจ้าของร้าน

ซินโย่วกลับถึงที่พักด้านหลัง ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง เขียนนิยายที่ยังเขียนไม่เสร็จต่อ

พริบตาก็ตกค่ำแล้ว

พระจันทร์ดวงกลมโต อากาศร้อนอบอ้าวในหน้าร้อนยามนี้คลายลงมาก มีลมพัดกระทบต้นไม้

ในร้านเงียบมาก แม้แต่ผู้คุ้มกันลาดตระเวนตรวจสอบกุญแจแต่ละห้องเรียบร้อยก็กลับไปพักกันแล้ว

มีเพียงตามเส้นทางเดินที่มีแสงจันทร์ส่องให้ความสว่างเท่านั้น ยามนี้มีคนสองคนเดินอยู่ ก็คือซินโย่วกับเสี่ยวเหลียน

“คุณหนูระวังเท้าเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนกระซิบเตือน

นางไม่เข้าใจคุณหนูว่าเหตุใดออกมาข้างนอกตอนนี้ ยังไม่จุดโคมไฟ แต่ก่อนหน้านี้เรื่องต่าง ๆ ที่ซินโย่วทำมาล้วนทำให้นางมั่นใจในตัวเจ้านายคนใหม่หมดใจ

ในใจเสี่ยวเหลียน คุณหนูลึกลับน่าอัศจรรย์และร้ายกาจ นางถึงกับเคยคิดว่าคงมิใช่เทพเซียนลงมาจุติ มาแก้แค้นให้คุณหนูนางกระมัง

“คืนนี้พระจันทร์สว่างมาก” ซินโย่วเงยหน้ามองดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้า พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ

เสี่ยวเหลียนเองก็มองดวงจันทร์ทีหนึ่ง เอ่ยรับคำว่า “จริงด้วย พรุ่งนี้ก็สิบห้าแล้ว”

เอ่ยถึงตรงนี้ เสี่ยวเหลียนก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกสองเดือนก็จะวันไหว้พระจันทร์แล้ว

ถึงตอนนั้น ก็คงมีเพียงแค่นางฉลองเทศกาลเป็นเพื่อนคุณหนูกระมัง

คุณหนูมีญาติหรือไม่

สาวใช้คิดไปคิดมา ซินโย่วกลับยืนยันก้าวต่อไป จนกระทั่งถึงโรงพิมพ์

เทียบกับเรือนพักที่มีโคมไฟใต้ชายคาส่องสว่างแล้ว โรงพิมพ์มืดกว่า แม้ว่ามีพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า แต่ทุกอย่างก็มืดสนิทไปหมด

ซินโย่วหยุดชะงักมองไปยังห้องเก็บของนั้น

นางได้แต่คาดเดาว่าตอนเกิดเหตุอยู่หลังเวลาเข้านอน เวลาที่แน่นอนยังไม่อาจวิเคราะห์ได้ ได้แต่ใช้วิธีการโง่งมก็คือการมาดักรอแล้ว

เดิมคิดจะมอบให้ผู้คุ้มกันไปจัดการ แต่พอคิดถึงช่างฝึกหัดหลี่ลี่ ซินโย่วก็ตัดความคิดนี้ทิ้ง

นางเพิ่งรับช่วงร้านหนังสือต่อมา คนใดไว้ใจได้แท้จริง คนใดมีใจเป็นอื่น ล้วนไม่อาจรู้ได้ ในเมื่อนางยับยั้งเรื่องนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมอบให้คนที่ไม่แน่ใจไปจัดการแทน

สามคืน ยังพอเฝ้าไหว

ยามนี้พลันมีเสียงฝีเท้าเบายิ่งดังมา เสี่ยวเหลียนตกใจรีบดึงแขนเสื้อซินโย่วไว้

ซินโย่วตบแขนนางทีหนึ่งว่าอย่าได้ตื่นเต้นไป หลบอยู่ในที่ลับจ้องมองคนที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ดวงนางดีไม่เลว ภาพที่เห็นเกิดในคืนแรกนี้เอง

คนผู้นี้ชะเง้อมองไปมา เดินไปที่หน้าประตูห้องเก็บของ ควักเอาที่จุดไฟออกมาจุดคบไฟ พังประตูโยนคบไฟเข้าไปด้านใน

ในตอนนี้เองผู้ดูแลหูก็ปรากฏตัว ตวาดดุดัน “เจ้าทำอันใด!”

หลี่ลี่สีหน้าแปรเปลี่ยน ควักเอาก้อนหินที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาฟาดใส่ศีรษะผู้ดูแลหูเต็มแรง

เสี่ยวเหลียนอดส่งเสียงตกใจไม่ได้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท