สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 50 ช่วยเหลือกัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 50 ช่วยเหลือกัน

ผู้ดูแลร้านหูเดินตัวปลิว แต่มือกลับกดหน้าอกไว้แน่น

อย่าได้ทำต้นฉบับหายเชียว!

“ท่านผู้ดูแลร้านเหตุใดจึงร้อนใจเพียงนี้” หัวหน้าจ้าวเห็นท่าทางผู้ดูแลร้านหูเช่นนี้ก็ถามอย่างสงสัย

ผู้ดูแลร้านหูชะงัก เอ่ยช้าๆ “ไม่ ไม่มีอันใด”

หัวหน้าจ้าวส่งสายตามองไปที่มือของผู้ดูแลร้านหูที่กดหน้าอกอยู่ อดตกใจไม่ได้ว่า “ท่านเจ็บหัวใจหรือ”

“ผู้ใดเจ็บหัวใจ” ผู้ดูแลร้านหูกวาดตามอง ก่อนจะหรี่เสียงลง “น้องจ้าว มา ข้าให้เจ้าดูของชิ้นหนึ่ง”

โรงพิมพ์มีห้องพักของหัวหน้าจ้าว ทั้งสองคนเดินเข้าไปแล้ว ผู้ดูแลร้านหูก็หยิบต้นฉบับออกมาอย่างระมัดระวัง “อ่านดูก่อน”

“ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ…”

หัวหน้าจ้าวยื่นมืออกมาถูกผู้ดูแลร้านหูตีทีหนึ่ง “ถือระวังหน่อย”

“ของรักของหวงอันใดกัน หวงขนาดนี้” หัวหน้าจ้าวไม่คิดเช่นนั้น แต่พอได้อ่านสีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน

ผ่านไปนานไม่น้อย ผู้ดูแลร้านหูรอจนร้อนใจ ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยเร่งขึ้น “อ่านจบแล้วหรือยัง อ่านจบยัง”

“เงียบ!” หัวหน้าจ้าวสายตาจับจ้องต้นฉบับไม่กะพริบตา ยกมือไปอุดปากผู้ดูแลร้านหูแม่นยำ

หากเป็นยามปกติ ผู้ดูแลร้านหูก็คงด่าไปแล้ว แต่พอคิดถึงอารมณ์ตนเองตอนอ่านต้นฉบับแล้ว ก็อดกลั้นไว้ได้

ในที่สุดหัวหน้าจ้าวก็อ่านจบ ผู้ดูแลร้านหูมองมาด้วยสายตารอคอย “เป็นอย่างไร”

หัวหน้าจ้าวตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เรื่องราวต่อไปล่ะ”

ผู้ดูแลร้านหูหัวเราะร่วน “ไม่มีแล้ว”

เห็นท่าทางหัวหน้าจ้าว เขาก็รู้ว่าไม่มีปัญหาแล้ว หัวหน้าจ้าวไม่ใช่คนชอบอ่านนิยายมากนัก แม้แต่นิยายท่านผิงอันก็อ่านแค่ ‘บันทึกโบตั๋น’

“ไม่มีแล้ว? เหตุใดไม่มีแล้ว แล้วหวางเซิงมองเห็นอันใดผ่านนอกหน้าต่างกัน คนหรือผี?” หัวหน้าจ้าวทนรับแทบไม่ได้ว่าเรื่องราวไม่เพียงแต่ยังไม่จบ แต่ยังหยุดอยู่ในช่วงสำคัญ ความจริงอันแสนโหดร้าย

“คนหรือผีก็ได้แต่รอเล่มสองออกจึงจะรู้ได้ เจ้าว่าท่านเจ้าของร้านซื้อต้นฉบับนี้มาเป็นอย่างไรบ้าง”

“นี่คือนิยายที่ท่านเจ้าของร้านซื้อมาหรือ” หัวหน้าจ้าวตกใจ

ผู้ดูแลร้านหูถอนหายใจ “ใช่ น้องจ้าว เจ้าว่าท่านเจ้าของร้านเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ เหตุใดจึงร้ายกาจเพียงนี้กัน ข้าเฝ้าอยู่ร้านหนังสือทุกวัน มีแต่เรื่องดังสุนัขผายลมเป็นร้อยๆ ก็ไม่เห็นมีเรื่องเช่นนี้ ท่านเจ้าของร้านแค่ออกไปครู่หนึ่งก็ได้พบกับนักเขียนที่สุดยอดน่าตกใจเช่นนี้”

“คนเราเทียบกันได้หรือ ท่านก็ไม่ได้มีเงินสองหมื่นตำลึงมาซื้อร้านหนังสือ” หัวหน้าจ้าวยังคงคิดแต่เรื่องนี้ไม่เลิก “นิยายนี้ซื้อได้คุ้มค่ามาก ต้องรีบตีพิมพ์”

“ข้ามาหาน้องจ้าวก็เพื่อหารือเรื่องนี้ เรื่องหลี่ลี่ทำให้พวกเรารู้จักระวังตัว ตีพิมพ์นิยายใหม่นี้ไม่อาจประมาทได้ ช่างพิมพ์ก็ต้องเป็นช่างที่มีสัญญาอยู่ในมือเจ้าของร้าน ต้นฉบับก็ห้ามรั่วไหลออกไปอย่างเด็ดขาด…”

ผู้ดูแลร้านหูกับหัวหน้าจ้าวหารือกันเรื่องจัดการตีพิมพ์

ซินโย่วอยู่หน้าร้าน นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ดูแลร้านหูหยิบหนังสือมาอ่านไปเรื่อยๆ

เสี่ยวเหลียนบอกคนงานเบาๆ ว่า “หลิวโจว ข้ารู้สึกว่าที่นี่น่าจะวางเก้าอี้ไว้สักสองสามตัว จะได้นั่งอ่านหนังสือได้สะดวก”

“ไม่ได้เด็ดขาด เก้าอี้มากไป คนมาอ่านหนังสืออย่างเดียวก็จะมากขึ้น”

เสี่ยวเหลียนเบ้ปาก “วันๆ ไม่เห็นคนสักกี่คน ผู้ใดจะมาอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ซื้อกัน”

ขณะที่กำลังเอ่ยก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา

เสี่ยวเหลียนมองไป สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

คนงานชินกับการปรากฏตัวได้ตลอดเวลาของเฮ่อชิงเซียวแล้ว ตอนใต้เท้าเฮ่อว่าง ก็มักชอบมาฆ่าเวลาที่ร้านหนังสือ

“ใต้เท้าเฮ่อมา” คนงานเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย พบว่าที่ผู้ดูแลร้านหูเคยนั่งอยู่เปลี่ยนเป็นซินโย่ว ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

ซินโย่ววางหนังสือลง ลุกขึ้นทักทาย “ใต้เท้าเฮ่อ”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าตอบรับ เดินเข้าไปตรงชั้นหนังสือที่คุ้นเคย

โถงร้านหนังสือชิงซงใหญ่มาก ชั้นหนังสือตั้งเรียงกันบังตา ไม่นานก็ไม่เห็นร่างในชุดแดงผู้นั้นแล้ว

เสี่ยวเหลียนสะกิดคนงานเอ่ยเบาๆ ว่า “มาอ่านหนังสืออย่างเดียวจริงหรือ”

คนงานสีหน้าเคร่งเครียด “อย่าพูดจาเหลวไหล ใต้เท้าเฮ่อเรียกว่ามาอ่านหนังสืออย่างเดียวได้หรือ เรียกว่าให้เกียรติมาเยือน เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

ซินโย่วเท้าคางคิด มองไปยังทิศทางที่เฮ่อชิงเซียวเดินเข้าไป

ใต้เท้าเฮ่อท่านนี้คล้ายว่าชอบหนังสือจำพวกบันทึกการเดินทางมาก

จากนั้นนางก็ถอนสายตากลับไปอ่านหนังสือตรงหน้าใหม่

ตอนอ่านสายตามีทั้งกวาดตาอ่านเร็วมากและช้ามาก ซินโย่วตั้งใจอ่านหนังสือ พอพบว่ามีเงามืดบดบังจากด้านบน ก็เงยหน้าขึ้น

“ใต้เท้าเฮ่อจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ”

เฮ่อชิงเซียวกับเอ่ยพูดเหนือความคาดหมายของซินโย่ว “คุณหนูโค่วสะดวกคุยสักครู่หรือไม่”

ซินโย่วอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “ใต้เท้าเฮ่อตามข้ามาเจ้าค่ะ”

นางนำเฮ่อชิงเซียวตรงไปยังห้องพักชั่วคราวของผู้ดูแลร้านหู รินน้ำชาส่งให้แก้วหนึ่ง “ใต้เท้าเฮ่อดื่มน้ำชาเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียวกล่าวขอบคุณ มือหนึ่งหยิบแก้วน้ำชา

กระดูกข้อนิ้วมือชายหนุ่มเป็นข้อชัดเจน ขาวเรียวยาวงามดังหยก วงคิ้วใบหน้างามสง่า กลิ่นอายทวีความงามท่ามกลางกลิ่นหอมกรุ่นของน้ำชา

ซินโย่วอยากรู้มากว่าใต้เท้าเฮ่อผู้นี้ต้องการคุยอันใดกับตนเอง

ครั้งก่อนเตือนนางว่าซื้อร้านหนังสือแพงไป

เฮ่อชิงเซียวไม่ใช่คนอ้อมค้อมไปมา เปิดประเด็นตรงไปตรงมาทันที “ได้ยินว่าหลายวันก่อนมีคนจงใจวางเพลิงร้านหนังสือ”

“ใช่เจ้าค่ะ” ซินโย่วตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติ ในใจกลับรู้สึกประหลาดไม่น้อย

ใต้เท้าเฮ่อคงไม่ใช่เพราะอยากรู้ จึงได้มาหานางผู้เป็นเจ้าของร้านสอบถามเรื่องพวกนี้กระมัง

“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่ สืบหาตัวคนบงการ?”

ยามนี้ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันทีอย่างแท้จริง ถึงกับอดคาดเดาไม่ได้ว่าใต้เท้าเฮ่อคงมิใช่ว่าคิดอันใดกับนางกระมัง

ความคาดเดานี้ผุดขึ้นมาเพียงแวบหนึ่ง แต่พอได้สบดวงตากระจ่างใสคู่นั้นแล้วก็มลายหายไปทันที เหลือเพียงความสงสัยที่ทวีมากขึ้น

หรือใต้เท้าเฮ่อเป็นคนดีมาก?

“ข้าย่อมหวังว่าจะสืบหาตัวคนบงการช่างพิมพ์ได้ เพียงแต่รู้สึกว่ารบกวนใต้เท้าเฮ่อมากเกินไป” ซินโย่วเอ่ยอย่างเกรงใจ

รู้ว่าคำพูดตนเองทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย เฮ่อชิงเซียวอธิบายตรงไปตรงมาทันที “ข้ามักมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือ จึงรู้สึกรังเกียจคนที่วางเพลิงเผาหนังสือมาก”

เขาหวังว่าร้านหนังสือชิงซงจะเปิดต่อไปได้อย่างยั่งยืน

“เช่นนี้ก็รบกวนใต้เท้าเฮ่อแล้วเจ้าค่ะ” ซินโย่วลุกขึ้นคำนับเฮ่อชิงเซียวท่าทีจริงใจ

หลี่ลี่ถูกจับตัวส่งทางการแล้วก็โดนโบยไปชุดหนึ่ง เพราะการวางเพลิงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายหนัก จึงถูกขังแค่ไม่กี่เดือนก็ปล่อยออกมาแล้ว ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้สืบความอันใดต่ออีก

ซินโย่วไม่ใช่คนที่พยายามปกปิดบังข้อจำกัดของตน เรื่องที่ตนเองทำไม่ได้ในทันที มีคนยินดีช่วยเหลือและไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดี นางย่อมไม่โง่ปฏิเสธ

ปฏิกิริยาซินโย่วทำให้เฮ่อชิงเซียวอดผ่อนคลายลงไม่ได้

การได้คบค้าสมาคมกับคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ย่อมทำให้รู้สึกสบายใจ

ซินโย่วส่งเฮ่อชิงเซียวออกมาจากห้อง ก็เห็นผู้ดูแลร้านหูเดินมาอย่างรีบร้อน

“ท่านเจ้าของร้าน…” พอเห็นเฮ่อชิงเซียวกับซินโย่วออกมาจากห้องพักเขาด้วยกัน แววตาผู้ดูแลร้านหูก็ตกใจ “ใต้เท้าเฮ่อ?”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกจากร้านหนังสือ

“ผู้ดูแลร้าน เหตุใดจึงร้อนใจเช่นนี้” ซินโย่วเอ่ยถาม

ท่าทางสงบนิ่งของนางทำให้ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกว่าตนเองเห็นเรื่องปกติเป็นเรื่องน่าตกใจไปได้ รีบรายงานเรื่องการจัดการตีพิมพ์อย่างละเอียด

“ก็ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกัน ใช่แล้ว หนังสือประเภทบันทึกการเดินทางร้านหนังสือเรามีมากไหม”

“ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าของร้านผู้เฒ่าชอบสะสมบันทึกการเดินทาง ร้านหนังสือเราก็มีเก็บไว้จำนวนหนึ่ง เพราะขายไม่ง่ายนัก จึงเก็บเอาไว้ จัดวางไว้ด้านนอกเพียงไม่กี่เล่ม”

ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ท่านจัดออกมาวางเพิ่มอีกสองสามเล่มเถิด”

ตอนนี้นางยังตอบแทนการช่วยเหลือของใต้เท้าเฮ่อไม่ได้ ก็ใช้หนังสือเป็นการแสดงความขอบคุณก็แล้วกัน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท