ตอนที่ 57 หลอกถาม
บนชั้นหนังสือที่วาง ‘บันทึกโบตั๋น’ มีสาวน้อยหยุดยืนมองอยู่ผู้หนึ่ง แต่งกายในชุดสีเขียวมรกต พอเห็น ‘บันทึกโบตั๋น’ ก็พลันตกใจ
“เอ๋ ไหนบอกว่าไม่ตีพิมพ์แล้ว ถึงกับยังมีขายอีก”
หลิวโจวขยิบตาให้สือโถว ก่อนก้าวเข้าไปทักทายลูกค้า สือโถวแอบออกจากโถงเงียบๆ วิ่งไปรายงานซินโย่ว
“คุณหนูชอบ ‘บันทึกโบตั๋น’ หรือขอรับ”
เห็นคนงานเดินเข้ามา สาวน้อยก็พยักหน้า “ใช่ หลายเดือนก่อนข้ามาร้านหนังสือท่านอยากซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ สักเล่ม ปรากฏว่าซื้อไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมี”
หลิวโจวยิ้ม “เจ้าของร้านเราให้ตีพิมพ์เพิ่ม”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” สาวน้อยหยิบ ‘บันทึกโบตั๋น’ เดินไปจ่ายเงิน “คิดเงิน”
หลิวโจวเริ่มร้อนใจ กวาดตมองไปทางประตูด้านหลัง
คุณหนูท่านนี้ก็ซื้อของรวดเร็วจริง หากเจ้าของร้านยังไม่มาอีก นางก็จะไปแล้วนะ
“คุณหนูไม่ซื้อ ‘วาดหนัง’ อีกเล่มหรือขอรับ ‘วาดหนัง’ เป็นนิยายออกใหม่ของร้านหนังสือเรา สนุกมาก คนซื้อกันมาก…”
ในใจสาวน้อยคิดว่าคนงานคนนี้พูดมากจริง เอ่ยขอบคุณน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ครั้งหน้าเถอะ ‘บันทึกโบตั๋น’ เท่าไร”
นางพูดไปก็ควักเงินในถุงเงิน
“สะ…สี่ตำลึง!” หลิวโจวรีบเปลี่ยนคำพูด สี่ร้อยเหรียญทองแดงเป็นสี่ตำลึง
“เท่าไรนะ” สาวน้อยร้องเสียงหลงอย่างโมโหมาก “ร้านหนังสือเจ้าไม่ไปปล้นชิงเสียเลยล่ะ ‘บันทึกโบตั๋น’ ตอนออกใหม่ๆ ก็แค่สี่ร้อยเหรียญทองแดง!”
นางนำเงินมาแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญทองแดง เดิมได้ยินว่า ‘วาดหนัง’ สนุก คิดมาซื้อ ‘วาดหนัง’ บังเอิญได้พบว่ามี ‘บันทึกโบตั๋น’ ขาย จึงได้เปลี่ยนใจ
“ข้าไม่เคยได้ยินว่านิยายเล่มหนึ่งจะขายถึงสี่ตำลึง ยังเป็นนิยายพิมพ์เพิ่มอีกด้วย!” สาวน้อยลูบฝุ่นบนปก ‘บันทึกโบตั๋น’ ออกก็ยิ่งโมโห “ฝุ่นจับเขรอะขนาดนี้ กว่าจะพบเจ้าของได้ไม่ใช่ง่าย เห็นคนซื้อเป็นลูกหนี้หรือไง!”
ตอนซินโย่วมาถึง ก็ได้ยินคำถามเอาเรื่องตรงไปตรงมาของสาวน้อย
“เกิดอันใดขึ้น”
พอเห็นซินโย่วมา หลิวโจวก็แอบถอนหายใจ รีบส่งเสียงเรียกเจ้าของร้าน ในใจคิดว่าหากท่านยังไม่มาอีก ร้านหนังสือเราคงได้ชื่อว่าเป็นร้านต้มตุ๋นแล้ว
“เจ้าก็คือเจ้าของร้านร้านหนังสือนี้หรือ” สาวน้อยมองไปทางซินโย่ว
ซินโย่วยิ้มพยักหน้า “ข้าเอง”
สาวน้อยสีหน้าไม่ดีนัก “พวกเจ้าตีพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ อีกครั้ง ขายสี่ตำลึงเลยหรือ”
ซินโย่วสบตาหลิวโจวทีหนึ่ง
หลิวโจวรีบเอ่ยว่า “ข้าน้อยหลุดปากพูดผิดไป ไม่ใช่สี่ตำลึงแต่เป็นสี่ร้อยเหรียญทองแดง”
สาวน้อยถลึงตากลมโตจ้องมอง “อะไรเรียกว่าพูดผิด เจ้าคิดหาหลอกเอาเงินชัดๆ!”
หลิวโจวทำท่าทางตบปากตนเอง “คุณหนู ข้าน้อยพูดผิดไปจริงๆ”
“ในเมื่อหลุดปากพูดผิด เหตุใดเมื่อครู่เจ้าไม่อธิบาย”
“คุณหนูเอาแต่พูดไม่หยุด ข้าคิดรอให้ท่านพูดจบค่อยอธิบาย เจ้าของร้านเราบอกไว้แล้ว ตอนลูกค้าพูดอยู่ ห้ามพูดแทรกขอรับ”
สาวน้อยไม่เชื่อสักเท่าไร แค่นเสียงเยียบเย็น ชี้ไปที่ ‘บันทึกโบตั๋น’ “สี่ร้อยเหรียญทองแดงใช่หรือไม่ คิดเงิน”
ซินโย่วห้ามหลิวโจวเก็บเงิน ยิ้มกล่าวกับสาวน้อยว่า “วันนี้คนงานเราผิดพลาด ทำให้คุณหนูอารมณ์ไม่ดี ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มนี้มอบให้คุณหนู ถือเป็นการขอขมาจากข้า”
สาวน้อยเบิกตาโตตกใจอย่างคาดไม่ถึง รีบปฏิเสธทันที “จะได้อย่างไร ราคาเท่าไรก็เท่านั้น ข้าไม่เอาเปรียบเรื่องพวกนี้”
ซินโย่วยัด ‘บันทึกโบตั๋น’ ใส่มือสาวน้อย ยิ้มละไมเอ่ยว่า “เหตุใดจึงว่าเอาเปรียบกัน สี่ร้อยเหรียญทำให้ความรู้สึกดีขึ้นได้ คุณหนูรับหนังสือนี้ไว้เถิด ในใจข้าจึงจะรู้สึกดีขึ้น”
เห็นชัดว่าสาวน้อยไม่ถนัดดึงดันในเรื่องพวกนี้ ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ก็มิได้ปฏิเสธอีก แต่ก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา จึงเอ่ยว่า “ข้าซื้อ ‘วาดหนัง’ อีกเล่มก็แล้วกัน เอ่อ ‘วาดหนัง’ ราคาเท่าไร”
หลิวโจวมองซินโย่ว เห็นนางไม่ได้แสดงท่าทีอันใด เอ่ยออกมาตามจริงว่า “สามร้อยเหรียญทองแดง”
สาวน้อยลอบถอนหายใจ
ยังดี นำเงินมาพอ
ราคานิยายเมืองหลวงส่วนใหญ่กำหนดไว้ที่สองร้อยถึงห้าร้อยเหรียญทองแดง ราคาแท้จริงก็ขึ้นกับชื่อเสียงของนักเขียน และจำนวนหน้านิยาย ‘วาดหนัง’ เล่มหนึ่งขายสามร้อยเหรียญทองแดง เป็นราคาที่ผู้คนค่อนข้างรับได้
ตอนหลิวโจวไปนำ ‘วาดหนัง’ มา ซินโย่วก็เอ่ยถามเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่ตั้งใจว่า “ข้าว่าคุณหนูเองก็ชอบอ่านนิยาย เหตุใดตอนนั้นจึงไม่ได้ซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’”
สถานะสตรีเช่นเดียวกันทำให้สาวน้อยผ่อนคลายความระวังตัว ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ซื้อไว้นานแล้ว เล่มนี้ซื้อไว้มอบให้ผู้อื่น ยังต้องขอบคุณเจ้าของร้านที่ใจดีมอบให้ข้า”
สี่ร้อยเหรียญทองแดงสำหรับนางที่เป็นคุณหนูตระกูลไม่ใหญ่ที่มีค่าขนมจำกัดไม่นับว่าน้อย
ซินโย่วเอ่ยตามน้ำต่อ “ข้าแซ่โค่ว ชื่อชิงชิง คุณหนูเรียกชื่อข้าก็ได้”
สาวน้อยได้ยินผู้อื่นบอกกล่าวชื่อตนเอง ก็ไม่คิดมาก บอกกล่าวชื่อตนเองกลับ “ข้าชื่อจี้ไฉ่หลัน”
“คุณหนูจี้ดูแล้วอายุไล่เลี่ยกับข้า”
ทั้งสองคนต่างบอกกล่าวอายุกันและกันอย่างเป็นธรรมชาติต่อ จี้ไฉ่หลันอายุมากกว่าซินโย่วหนึ่งปี
ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พี่จี้ สหายพี่ชอบ ‘บันทึกโบตั๋น’ กันหลายคนหรือ ช่วยข้าโฆษณาหน่อย”
นางชี้ไปที่ ‘บันทึกโบตั๋น’ ที่เรียงเป็นแถว เอ่ยอย่างเสียไม่ได้ “ข้าเพิ่งรับช่วงกิจการร้านหนังสือ ยังไม่ค่อยเข้าใจ พิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ เพิ่มไม่น้อย ปรากฏกว่าไม่มีคนสนใจ วางไว้บนชั้นฝุ่นจับหนาเขรอะแล้ว”
จี้ไฉ่หลันเอ่ยอย่างเกรงใจ “สหายข้าที่ชอบอ่านนิยายล้วนซื้อไว้หมดแล้ว ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มนี้ข้าซื้อไว้มอบให้น้องสาวญาติข้า น้องสาวข้าความจริงก็มี ‘บันทึกโบตั๋น’ น่าเสียดายทำหายไประหว่างเดินทางเข้าเมืองหลวง”
ซินโย่วได้ยินเช่นนี้ ในใจก็กระตุกวาบ
ระหว่างเดินทางเข้าเมืองหลวง…
คนที่นางตามหาก็คือน้องสาวญาติจี้ไฉ่หลันหรือนี่
ซินโย่วระงับความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมา ยังคงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงคล้ายสนทนาทั่วไป “น้องสาวพี่จี้มิใช่ชาวเมืองหลวงหรือ คิดไม่ถึงว่า ‘บันทึกโบตั๋น’ จะเป็นที่นิยมเช่นนี้ ขายออกไปไกลถึงนอกเมืองหลวงด้วย”
แววตาจี้ไฉ่หลันภูมิใจไม่น้อย “ตอนนั้นคนแย่งกันซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ มาก ของน้องสาวข้าเล่มนั้น ข้าซื้อไว้แล้วฝากให้คนนำไปให้นาง”
“เช่นนั้นวันหน้าหากพี่จี้พาน้องสาวมาซื้อนิยายด้วยกัน ข้าให้ส่วนลดหนึ่งส่วน”
“จะได้อย่างไร” จี้ไฉ่หลันโบกมือพัลวัน
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ข้ากับพี่จี้ได้พบกันครั้งนี้ราวกับเคยพานพบกันมาก่อน คุยกันถูกคอ พี่จี้อย่าได้ปฏิเสธ จะว่าไป กำไรน้อยแต่อาศัยขายได้มาก”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณน้องโค่วแล้ว” จี้ไฉ่หลันรู้สึกเพียงแค่มองสาวน้อยคนงามตรงหน้าสบายใจอย่างมาก แต่ก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “น่าเสียดายขาน้องสาวข้าบาดเจ็บยังไม่หายดี ไม่อาจมาเดินเล่นร้านหนังสือกับข้าได้ ไม่เช่นนั้นหากได้เป็นสหายกับน้องโค่ว นางย่อมต้องดีใจเป็นแน่”
ได้ยินคำพูดจี้ไฉ่หลัน ซินโย่วก็กำมือในแขนเสื้อไว้แน่น สีหน้าไม่แสดงออกแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไร ปกติข้าเองก็อยู่ร้านหนังสือ หากวันหน้าพวกพี่จี้มีเวลาก็มาเที่ยวเล่นที่นี่ได้ทุกเมื่อ บ้านพี่จี้อยู่ไกลไหมเจ้าคะ”
“ไม่นับว่าไกล บ้านข้าอยู่ชุมชนตรอกเมาเอ๋อร์ที่ถนนจี๋เสียงฟาง”
ซินโย่วสืบความได้พอสมควรแล้ว ก็ไม่คิดถามต่อ รอจี้ไฉ่หลันจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ออกไปส่งนางด้วยตนเอง
หลิวโจวใช้ศอกสะกิดสือโถว
“พี่หลิว เป็นอันใดไปหรือ”
หลิวโจวมองไปที่หน้าประตูร้านหนังสือด้วยสีหน้าเลื่อมใส “สือโถว ก่อนหน้านี้เจ้าถามว่าหากได้พบลูกค้าที่ต้องการซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ จะสืบสถานะอีกฝ่ายอย่างไร เรียนรู้แล้วหรือยัง”
เจ้าของร้านเกิดมาเพื่อทำการค้าเสียจริง!