สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 59 แอบดู

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 59 แอบดู

เฮ่อชิงเซียวได้ยินก็หันหลังกลับมามองด้วยสีหน้านิ่งสงบ

ซินโย่วก้าวเข้ามาใกล้หรี่เสียงเอ่ยว่า “ใต้เท้าเฮ่อ ข้าเห็นหน้าผากท่านดำคล้ำ เกรงว่าจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก…”

เฮ่อชิงเซียว “…”

“ใต้เท้าเฮ่อ?” ซินโย่วรู้สึกได้ว่าเฮ่อชิงเซียวเหม่อลอย จึงเอ่ยเรียก

เฮ่อชิงเซียวตั้งสติได้ กำมือขึ้นบังริมฝีปากกระแอมไอทีหนึ่ง ก่อนจะหาข้ออ้างไปอย่างนั้นว่า “ขออภัย ข้าพลันนึกถึงคดีหนึ่ง เมื่อครู่คุณหนูโค่วเอ่ยอันใดหรือ”

“ข้ากล่าวว่าเกรงว่าใต้เท้าเฮ่อจะประสบเคราะห์เลือดตกยางออก ตอนทำคดีให้ระวังคนร้ายเจ้าค่ะ” ซินโย่วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

ภาพเมื่อครู่ที่ปรากฏ นางเห็นเฮ่อชิงเซียวนำลูกน้องไปจับคนร้าย คนที่ถูกฉับพลันชักมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อแทงใส่ท้องเขา โลหิตสดไหลซึมออกมาทันที

ซินโย่วมองชายหนุ่มร่างงามสง่าดังไผ่สนตรงหน้าก็ส่ายหน้าเล็กน้อย

ตามหลักแล้ว ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเจิ้นฝูซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้ย่อมมีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดา วันนั้นที่ม้าตื่น ปฏิกิริยาใต้เท้าเฮ่อก็ไม่เลว แต่ในภาพทุกครั้ง เขาล้วนไม่มีสภาพงามสง่าเช่นนี้

แต่คนเราก็มักมีช่วงเวลาไม่ทันระวังตัว

ซินโย่วหาเหตุผลพบแล้ว

เห็นสีหน้าจริงจังของสาวน้อย ในใจเฮ่อชิงเซียวก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

เพราะคำเตือนครั้งก่อน เขาจึงไม่คิดสงสัยคำพูดคุณหนูโค่ว ขอเพียงคุณหนูโค่วมีความเชี่ยวชาญวิชา นรลักษณ์ วันหน้าเกรงว่าคงต้องได้ยินว่า ‘ใต้เท้าเฮ่อเกรงว่ามีเคราะห์เลือดตกยางออก’ พวกนี้อยู่เรื่อยๆ เป็นแน่

ตั้งแต่ยังเด็ก เฮ่อชิงเซียวก็พบว่าดวงเขาย่ำแย่อยู่เล็กน้อย อุบัติเหตุแต่ละอย่างเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ดีที่หลังฝึกวิชาการต่อสู้แล้วก็มีปฏิกิริยาว่องไว ได้ฝึกสภาพจิตใจ ไม่ค่อยได้พบเคราะห์เลือดตกยางออกอีกมากนัก จึงทำให้คนข้างกายเขาไม่ทันสังเกตเห็นความโชคร้ายผิดธรรมดาของเขา

เฮ่อชิงเซียวจัดการสภาพจิตใจเรียบร้อยก็เอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ขอบคุณคุณหนูโค่วที่เตือน ข้าจะระวังตัว”

“ใต้เท้าเฮ่อค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”

ส่งเฮ่อชิงเซียวกลับไปแล้ว ซินโย่วก็เดินออกจากร้านหนังสือ

ยามเย็นเมืองหลวงคึกคักมาก เป็นเวลาที่ลูกค้ามานั่งดื่มสุราที่ร้าน

ซินโย่วเดินผ่านถนนใหญ่ซอยเล็กมาถึงถนนจี๋เสียงฟาง

จี้ไฉ่หลันกับโจวหนิงเยวี่ยเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มารดาจี้ไฉ่หลันเป็นพี่สาวของบิดาโจวหนิงเยวี่ย บิดา โจวหนิงเยวี่ยได้ย้ายมาเมืองหลวง อาศัยพี่สาวช่วยเช่าบ้านพักในถนนจี๋เสียงฟางให้

ตระกูลจี้และตระกูลโจวล้วนอยู่บนถนนจี๋เสียงฟาง ซินโย่วมาที่นี่เพราะโจวหนิงเยวี่ย นางต้องการดูว่าโจวหนิงเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไร

แต่ละบ้านยามนี้ล้วนมีควันไฟปรุงอาหารลอยโขมง กลิ่นอาหารอบอวลลอยมาตามสายลม เสียงเรียกลูกๆ กลับบ้านกินข้าวดังขึ้นเป็นระยะ

ซินโย่วมองประเมินรอบๆ พบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กิ่งก้านต้นไม้ตั้งตรงและผิวลื่น ห่างจากพื้นเกือบสองจั้งจึงจะมีกิ่งก้านยื่นออกมา คนธรรมดาแทบจะปีนขึ้นไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับซินโย่ว

ซินโย่วแอบปีนต้นไม้ กิ่งไม้ก้านใบบดบังนางไว้ให้ได้มองที่พักด้านใน

นี่คือบ้านแบบหนึ่งชั้น มีเรือนกลางและห้องด้านข้าง ยังมีเรือนตะวันออกและตะวันตก คาดเดาได้ว่าตระกูลโจวเป็นครอบครัวระดับกลาง

ในลานบ้านมีคนแต่งกายแบบสาวใช้กำลังเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ ห้องครัวมีควันไฟหุงหาอาหาร ยังมองเห็นแมวตัวหนึ่งนอนขี้เกียจอยู่บนขั้นบันได

ซินโย่วอดทนรอต่อไปอาจเพราะดวงดี รอคอยอยู่ครู่หนึ่งก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมา

“หู่พั่ว…”

แมวบนขั้นบันไดขยับตัวก่อนจะพาดตัวลงนอนต่อ

ไม่นานก็มีสาวน้อยผู้หนึ่งเดินออกมาจากเรือนตะวันตก

“เรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบ เจ้าตัวขี้เกียจ” สาวน้อยก้มลงอุ้มแมวขึ้นมา ลูบหัวมันอย่างอ่อนโยนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปเรือนตะวันตก

ซินโย่วมองลงไป ในที่สุดก็มองเห็นสาวน้อยชัดเจน

ดวงตากลมโต ผิวพรรณขาวดังหิมะ มองการเดินแทบมองไม่ออกว่าขาเดินไม่คล่อง

นี่คือโจวหนิงเยวี่ยหรือ

ซินโย่วรู้สึกว่าน่าจะใช่

ยามนี้เองพลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น สาวน้อยที่อุ้มแมวอยู่พลันชะงักฝีเท้ามองไปยังประตูทางเข้า

ไม่นานประตูก็เปิดออก มีสาวน้อยถือตะกร้าใบหนึ่งเดินเข้ามา ก็คือจี้ไฉ่หลัน

“พี่หลันมาแล้ว” พอเห็นจี้ไฉ่หลัน สีหน้าสาวน้อยก็เผยรอยยิ้ม

จี้ไฉ่หลันชูตะกร้าในมือขึ้น “ท่านแม่ข้าทำขนมดอกกุ้ยมา ให้ข้าเอามาให้”

ต้นไม้ที่ซินโย่วซ่อนตัวอยู่ไม่ได้ใกล้บ้านตระกูลโจวมากนัก ถึงกับยังห่างออกมาระยะหนึ่ง แต่ต้นไม้สูงมาก มองจากมุมไกลลงไป หูซินโย่วก็ดีมาก จึงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนกระจ่างชัด แน่ใจว่าสาวน้อยใบหน้ากลมคือโจวหนิงเยวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย

“น้องเยวี่ย ‘วาดหนัง’ อ่านจบหรือยัง สนุกใช่ไหม”

โจวหนิงเยวี่ยพยักหน้า “สนุกมาก พี่หลันซื้อกลับมาให้ข้าอีกเล่มนะ จะได้หยิบอ่านได้ตลอดเวลา”

“หากน้องเยวี่ยชอบ ข้าพาเจ้าไปซื้อดีไหม ข้าบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ร้านหนังสือชิงซงเปลี่ยนเจ้าของร้านแล้ว เป็นหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับพวกเรา เป็นคนดีมาก…”

โจวหนิงเยวี่ยดูแล้วสนใจอยู่บ้างแต่กลับส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ออกไปข้างนอกยุ่งยากมาก”

“น้องเยวี่ย ไปเถอะๆ ขาเจ้าก็หายดีแล้ว ไม่ควรเอาแต่ขลุกอยู่แต่ในบ้าน”

“ข้ามักรู้สึกว่าข้าเดินไม่ค่อยคล่อง”

“นั่นเป็นความรู้สึกที่เจ้าคิดไปเอง พรุ่งนี้ข้ามาหาเจ้า พวกเราไปร้านหนังสือชิงซงกัน…”

ซินโย่วมองสองสาวพี่น้องเดินเข้าไปเรือนกลาง ในลานก็พลันเงียบลง

จี้ไฉ่หลันคล้ายว่าจะอยู่รับประทานข้าวต่อ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้เดินออกจากเรือนกลาง โจวหนิงเยวี่ยไปส่งนางที่หน้าประตูใหญ่

ฟ้ามืดแล้ว ยุงบินกันว่อน ซินโย่วคอยอยู่อีกครู่หนึ่งเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดแล้ว จึงอาศัยความมืดกำบังกายลงจากต้นไม้กลับร้านหนังสือชิงซง

ร้านหนังสือเงียบลงแล้ว ซินโย่วเข้าไปที่เรือนตะวันออกทางประตูหัวมุม เห็นเสี่ยวเหลียนกำลังเดินไปเดินมา

“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!” พอเห็นซินโย่ว เสี่ยวเหลียนก็เผยสีหน้าดีใจ

“ที่ร้านมีเรื่องหรือ”

“ไม่มีอันใด แค่ฟ้ามืดแล้วไม่เห็นคุณหนูกลับมา บ่าวรู้สึกเป็นห่วง”

ตอนปรนนิบัติซินโย่วอาบน้ำเห็นรอยยุงกัดตามตัวนางเป็นตุ่มแดงหลายตุ่ม เสี่ยวเหลียนก็อดบ่นไม่ได้ “คุณหนูไปที่ไหนมาเจ้าคะ เหตุใดเป็นตุ่มยุงกัดไปทั้งตัว”

“ไว้เดี๋ยวทายาลดบวมก็หายแล้ว” ซินโย่วคิดว่าหากไม่มีเหตุผิดคาด พรุ่งนี้ก็จะได้พบโจวหนิงเยวี่ยแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมา

เด็กสาวจากนอกเมืองหลวงมีนิยายที่วางขายในเมืองหลวง ตอนนั้นนางก็คาดเดาได้แล้วว่าเด็กสาวผู้นี้เป็นคนชอบอ่านนิยายมาก

ที่แน่ใจได้ก็คือเด็กสาวผู้นี้ติดตามครอบครัวเข้าเมืองหลวง เช่นนั้นการเปิดร้านหนังสือขายนิยายที่ได้รับความนิยมจากนักอ่านอย่างมาก มีความเป็นไปได้มากที่เด็กสาวจะมาซื้อหนังสือ แม้ว่าไม่ได้มาซื้อ ‘วาดหนัง’ แต่ช้าเร็วก็ต้องมาซื้อหนังสืออื่น

สำหรับซินโย่วแล้ว หาตัวเด็กสาวผู้นี้พบเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี โจวหนิงเยวี่ยปรากฏตัวออกมาทำให้นางรู้สึกว่าดวงนางก็มิได้เลวร้ายเพียงนั้น

เป็นครั้งแรกที่ซินโย่วเข้านอนด้วยจิตใจรุ่มร้อนวาดหวังถึงการมาถึงของวันพรุ่งนี้

เช้าวันต่อมา ซินโย่วก็ไปที่หน้าร้าน

หลิวโจวกับสือโถวยังเช็ดโต๊ะอยู่ พอเห็นซินโย่วมาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ท่านเจ้าของร้านวันนี้มาเช้าจริง”

“ไม่มีธุระอันใด แค่มาดูว่าลูกค้าเยอะหรือไม่”

“เช่นนั้นท่านมาเช้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องรออีกราวครึ่งชั่วยามกว่าจึงจะมีลูกค้ามา”

แม้หลิวโจวกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจก็รู้สึกอิ่มเอม การค้าระยะนี้ดีจริง หากเป็นเมื่อก่อน รอถึงบ่ายก็ไม่แน่ว่าจะมีลูกค้ามา

“จริงหรือ” ซินโย่วมองไปที่ประตู

หลิวโจวมองตามไปก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามาแต่เช้าตรู่ แล้วก็หันไปมองซินโย่วอีกที ความอยากรู้อยากเห็นก็ลุกโชน

เจ้าของร้านกับใต้เท้าเฮ่อคงไม่ได้นัดกันไว้กระมัง!

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท