สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 60 ใกล้ชิด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 60 ใกล้ชิด

ความตกใจของซินโย่วที่ได้เห็นเฮ่อชิงเซียวไม่น้อยไปกว่าหลิวโจว

นางถึงกับอดกวาดตามองไปบนที่ชั้นหนังสือแถวนั้นไม่ได้ ในใจคิดว่าใต้เท้าเฮ่อเพื่อมายืนอ่าน เอ่อ ไม่สิ อ่านหนังสือ ช่างสู้ชีวิตแท้

เฮ่อชิงเซียวได้เห็นซินโย่ว ความจริงก็แปลกใจมาก

เขาไม่ชอบร้านหนังสือตอนนี้ที่ไม่ค่อยเงียบสงบ จึงตั้งใจมาแต่เช้าตรู่เพื่ออ่านบทท้ายๆ ของบันทึกการเดินทางเล่มนั้นให้จบ ไม่คิดว่ายามนี้คุณหนูโค่วก็อยู่ด้วย

คุณหนูโค่วใส่ใจร้านหนังสือเช่นนี้ มิน่าจัดการร้านหนังสือชิงซงให้ฟื้นคืนได้

หลิวโจวเห็นทั้งสองคนต่างเงียบ ก็รู้ตัวขึ้นมาเองว่าหรือเป็นเพราะเขากับสือโถวอยู่ขวางคอ จึงเข้าไปเอ่ยทักทายว่า “ใต้เท้าเฮ่อ อรุณสวัสดิ์ขอรับ เชิญท่านด้านใน”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าให้หลิวโจวอย่างสุภาพก่อนจะเดินเข้าไป

ซินโย่วยิ้มทักทาย “ใต้เท้าเฮ่อ อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ”

“คุณหนูโค่ว อรุณสวัสดิ์”

ทั้งสองคนทักทายกันแล้ว คนหนึ่งกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้ อีกคนเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือ

หลิวโจวเริ่มงุนงงแล้ว

แค่นี้? ไม่ใช่ว่านัดกันไว้แล้ว?

เขาแอบเหลือบมองซินโย่วทีหนึ่ง เห็นตรงหน้าซินโย่วมีหนังสือเล่มหนึ่ง แต่กลับหลับตา

คนงานจ้องมองเจ้าของร้านหลับตา ใต้เท้าเฮ่อเดินไป ได้แต่มองฟ้าไร้วาจาจะเอ่ย

ใต้เท้าเฮ่อถือโอกาสเงียบสงบมาอ่านหนังสือ เตียงดีๆ เจ้าของร้านไม่นอน แต่แล่นมาสัปหงกที่นี่ คิดอันใดอยู่กันแน่

ผู้ดูแลร้านหูเข้ามาก็เห็นซินโย่ว ถามขึ้นอย่างงุนงงว่า “ท่านเจ้าของร้าน เหตุใดท่านมาเช้าเช่นนี้”

ซินโย่วขยี้หัวคิ้ว ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “มาดูสักหน่อย เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ พอนั่งลงก็ง่วง ทางโรงพิมพ์เป็นอย่างไรบ้าง”

ผู้ดูแลร้านหูมาจากโรงพิมพ์ พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็กระตือรือร้นขึ้นมา “ท่านเจ้าของร้านวางใจได้ ราบรื่นดี ข้าน้อยกับหัวหน้าจ้าวจับตาดูอย่างดี รับรองว่าไม่มีอักษรผิดแม้แค่อักษรเดียว”

อักษรผิดเป็นเรื่องเล็ก สาเหตุหลักก็เพราะกลัวเกิดเหตุเช่นหลี่ลี่ขึ้นอีก

“ลำบากผู้ดูแลร้านแล้ว ไว้เสร็จงานช่วงนี้ จะจัดเลี้ยงทุกท่าน”

ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวรีบขอบคุณ สือโถวยิ้มเกาหัว

ตอนจี้ไฉ่หลันกับโจวหนิงเยวี่ยมาถึง เร็วกว่าที่ซินโย่วคาดไว้มาก

เห็นซินโย่วอยู่ที่โถง จี้ไฉ่หลันก็มีสีหน้าตกใจ “น้องโค่ว บังเอิญจริงเจ้าก็อยู่ที่นี่”

“ข้าคือเจ้าของร้าน ไม่มีอันใดก็จะมาดูสักหน่อย” ซินโย่วมองไปทางโจวหนิงเยวี่ย

จี้ไฉ่หลันรีบแนะนำ “นี่คือน้องสาวข้า นางชื่อโจวหนิงเยวี่ย อายุน้อยกว่าน้องโค่วหนึ่งปี นี่คือเจ้าของร้านหนังสือชิงซงที่ข้าเอ่ยถึงกับเจ้า เรียกนางว่าพี่โค่วก็ได้”

“น้องโจว” ซินโย่วยิ้มทักทาย

เห็นซินโย่นอ่อนโยนคบหาง่ายดังที่พี่สาวว่า โจวหนิงเยวี่ยก็เผยรอยยิ้ม “พี่โค่ว”

แนะนำจบ จี้ไฉ่หลันก็กุมมือซินโย่ว “น้องโค่ว ‘วาดหนัง’ ร้านหนังสือเจ้าสนุกมาก เมื่อไรจะออกเล่มสอง”

ร้านหนังสือยามนี้มีคนเริ่มมากันแล้ว ได้ยินบทสนทนาก็พากันเงี่ยหูฟัง

โจวหนิงเยวี่ยตั้งแต่ขาเจ็บก็ความรู้สึกไวกับคนรอบตัวมาก รับรู้ได้ว่ามีคนแอบมองก็แอบดึงจี้ไฉ่หลัน ส่งสายตาบอกให้นางอย่าได้ถามเหลวไหล

ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “พวกเราเข้าไปคุยด้านในกัน”

หลังห้องพักชั่วคราวของผู้ดูแลร้านหูได้รับการปรับเปลี่ยนก็เหมาะแก่การต้อนรับลูกค้า ซินโย่วพาสองพี่น้องเข้าไป ได้ยินเสียงลูกค้าไม่พอใจดังแว่วมา

“อ่า เหตุใดยังต้องไปคุยส่วนตัวกันเล่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองแท้จริงจะออกเมื่อใด”

ห้องรับรองห้องนี้กับโถงกลางร้านหนังสือมีเพียงผ้าม่านกั้นไว้ เสียงดังสักหน่อยก็จะได้ยินชัดเจน

จี้ไฉ่หลันเผยสีหน้าเกรงใจ “น้องโค่ว พวกเรามารบกวนเจ้าใช่หรือไม่”

“ที่ไหนกัน” ซินโย่วรินน้ำชาให้ทั้งสองคน “ก็มิใช่ความลับใด ข้าอยากจะให้ทุกคนสนใจเวลาออกวางขายหนังสือใหม่จะแย่”

ผู้ดูแลร้านหูเอ่ยปลอบใจลูกค้าดังแว่วเข้ามา “ใกล้แล้วๆ อย่างมากไม่เกินสองเดือน…”

จี้ไฉ่หลันวางใจ กลับไปเป็นคนช่างพูดดังเดิม “‘วาดหนัง’ สนุกมากจริงๆ น้องสาวข้ามาซื้อ ‘วาดหนัง’ ”

โจวหนิงเยวี่ยยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พี่หลันให้ข้ายืมอ่าน ‘วาดหนัง’ พอได้อ่านก็ติด หนังสือที่ข้าชอบ ข้ามักจะเปิดอ่านประจำ ดังนั้นจึงมาซื้อเล่มหนึ่ง”

“วันนั้นพี่จี้มาซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ ได้ยินว่าเอาไปให้น้องสาว” ซินโย่วย่อมเอ่ยถึง ‘บันทึกโบตั๋น’

โจวหนิงเยวี่ยได้ยินชื่อ ‘บันทึกโบตั๋น’ ก็ขมวดคิ้วทันทีด้วยสัญชาตญาณ

ซินโย่วเผยสีหน้าขออภัย “ข้ากล่าวผิดไปใช่หรือไม่…”

โจวหนิงเยวี่ยรู้สึกดีต่อซินโย่วไม่น้อย รีบเอ่ยว่า “พี่โค่วอย่าได้คิดมาก เพราะข้าพลันคิดถึงเรื่องตอนเดินทางเข้าเมืองหลวงขึ้นมาเท่านั้น”

ซินโย่วเผยสีหน้าสงสัย

โจวหนิงเยวี่ยเม้มปาก เห็นชัดว่าไม่ใช่ความทรงจำที่มีความสุขอันใด แต่ยังคงเอ่ยออกมาว่า “ข้าเดิมอยู่หว่านหยาง ต้นปีบิดาข้าเดินทางเข้ามารับตำแหน่งในเมืองหลวง จากนั้นท่านแม่ข้าก็พาข้ามาอยู่กับบิดาที่เมืองหลวง ไม่คิดว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากรถม้า ทำเอาขาหัก…”

“ร้ายแรงมากหรือ” ซินโย่วน้ำเสียงห่วงใย

“ตอนนั้นเจ็บมาก ดีที่ได้พบกับท่านป้าใจดีผู้หนึ่ง นางช่วยต่อกระดูกให้ข้า…”

ได้ยินโจวหนิงเยวี่ยเอ่ยเล่า ซินโย่วก็พลันนิ่งสลดลง มาถึงตอนนี้ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการตายของมารดาจะเกี่ยวข้องกับโจวหนิงเยวี่ย ไม่เช่นนั้นคนที่กินปูนร้อนท้องย่อมไม่เอ่ยเรื่องเหล่านี้กับคนเพิ่งรู้จักกันอย่างไม่คิดอะไร

หากไม่ใช่โจวหนิงเยวี่ย แล้วคนที่นำภัยมาสู่มารดานางจะเป็นมารดาของโจวหนิงเยวี่ยหรือไม่ หรือว่าเริ่มแรกนางก็มาผิดทาง

ความเป็นไปได้ของประการหลังทำให้ในใจซินโย่วเย็นวาบ มือไม้เย็นเฉียบ

พอดื่มน้ำชาหมดไปจอกหนึ่ง จี้ไฉ่หลันยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “การค้าร้านหนังสือดีเช่นนี้ พวกเราไม่รบกวนน้องโค่วแล้ว วันหน้าข้ากับน้องสาวค่อยเชิญเจ้าไปดื่มน้ำชา”

ซินโย่วพยายามระงับความตื่นเต้นในใจ ลุกขึ้นเหมือนไม่ได้คิดอันใด “ได้สิ ไว้ค่อยนัดกัน”

นางอยากมอบ ‘วาดหนัง’ ให้โจวหนิงเยวี่ย โจวหนิงเยวี่ยยืนยันปฏิเสธ หลังจากกล่าววาจากันตามมารยาทแล้วก็ขายให้ในราคาลดไปหนึ่งส่วน

“ขอบคุณพี่โค่ว”

“น้องโจวเกรงใจไปแล้ว พวกเจ้ามาซื้อนิยาย ก็คือมาอุดหนุนกิจการข้า ข้าควรขอบคุณพวกเจ้ามากกว่า”

ซินโย่วส่งทั้งสองคนออกจากร้านหนังสือ

เดินจากมาได้ระยะหนึ่ง โจวหนิงเยวี่ยก็หันกลับไปมอง เห็นซินโย่วยังยืนอยู่หน้าประตูร้านหนังสือก็โบกมือให้ซินโย่ว เอ่ยว่า “พี่หลัน พี่โค่วไม่เลวจริงๆ”

จี้ไฉ่หลันยิ้มกล่าวว่า “ดังนั้นน้องเยวี่ยอย่าได้วันๆ เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในบ้าน ตอนนี้ขาหายแล้ว ออกมาข้างนอกบ่อยๆ คบหาสหายให้มาก”

“อืม”

สองพี่น้องเดินคุยกันไปหัวเราะกันไปจากไปไกล

ซินโย่วหุบยิ้ม หลุบตาลงเล็กน้อย แบมือออกเห็นหยกประดับชิ้นเล็กวางนิ่งอยู่ในฝ่ามือ

นางย่อมไม่ปล่อยไปเช่นนี้ ในเมื่อโจวหนิงเยวี่ยดูแล้วน่าจะไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็ไปพบมารดาโจวหนิงเยวี่ยสักหน่อยก็แล้วกัน

กลับถึงร้านหนังสือก็อ่านหนังสือตามสบายอีกครู่หนึ่ง ประมาณเวลาได้พอสมควร ซินโย่วก็รีบไปชุมชนตรอกเมาเอ๋อร์ที่ถนนจี๋เสียงฟาง

ปากทางเข้าชุมชนมีคนนั่งรับอากาศเย็นสบายคุยเล่นกันอยู่ไม่น้อย ซินโย่วถามขึ้นด้วยท่าทีสุภาพว่า“ขอถามหน่อยว่าละแวกนี้มีคุณหนูแซ่จี้ท่านหนึ่งพักอาศัยใช่หรือไม่”

“เจ้ามาหานังหนูไช่หลันใช่หรือไม่”

“ใช่ ข้ามาหาพี่ไช่หลันเจ้าค่ะ”

เห็นซินโย่วอายุใกล้เคียงกับจี้ไฉ่หลัน เพื่อนบ้านต่างคิดว่านางคือสหายของจี้ไฉ่หลัน พากันชี้ทางอย่างกระตือรือร้น “นั่น บ้านนางอยู่หลังที่สามในชุมชนเรา”

ซินโย่วกล่าวขอบคุณ เดินเข้าไปในชุมชนเคาะประตูบ้านหลังที่สาม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท