สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 67 แตกต่าง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 67 แตกต่าง

“ชิงชิง”

ซินโย่วถอนสายตากลับคืน “ท่านลุงมีอันใดหรือเจ้าคะ”

รองเจ้ากรมต้วนกระแอมไอ ลองหยั่งเชิงถามขึ้นว่า “เจ้าสนิทกับใต้เท้าเฮ่อหรือ”

“ไม่สนิทเจ้าค่ะ”

ปฏิกิริยาแรกรองเจ้ากรมต้วนคือไม่เชื่อ แต่เห็นสีหน้าเย็นเยียบของซินโย่ว ความสงสัยก็จางหายไป

สาวน้อยริรัก มิใช่ปฏิกิริยาเช่นนี้

คงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลยุ่งยากเช่นฉางเล่อโหวจริงๆ รองเจ้ากรมต้วนถอนใจโล่งอก แม้แต่เงินพันตำลึงก็ไม่ทันได้รู้สึกปวดใจ

ซินโย่วดื่มน้ำชาท่าทางเหม่อลอย

จากภาพที่เห็นไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก หลังจากเฮ่อชิงเซียวเข้าไปในห้องรับรองจนกระทั่งโดนพิษ ใช้เวลานานเท่าไร

ตอนนี้พิษนั้นเข้าปากเขาไปแล้วใช่หรือไม่

ซินโย่วกำแก้วชาแน่น ในห้วงความคิดมีภาพเฮ่อชิงเซียวช่วยนางไว้หลายครั้ง

เขากระโดดจากหลังม้าเพื่อหยุดม้าตื่นตกใจ เขาอาสามาช่วยนางสืบหาตัวคนบงการวางเพลิง เขาสั่งการให้ลูกน้องจับตัวนักเลงหัวไม้ไป…

คนที่มีความแค้นสังหารมารดากับเขาก็คือซินโย่ว คนที่ได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากเขาก็คือ ‘โค่ว ชิงชิง’ แต่คนที่รับผลทั้งหมดก็คือนางเพียงผู้เดียว คิดถึงว่าอีกไม่นานคนผู้นั้นก็จะเกิดเรื่องแล้ว หากจะบอกว่าในใจไม่รู้สึกอันใดก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

นางไม่ใช่คนเลือดเย็น ย่อมทนไม่ได้ ย่อมดิ้นรนสับสน ย่อมยากทนรับไหว แต่อารมณ์ทั้งหมดล้วนเกิดเพราะเขาอาจจะตาย แต่หากเขาไม่ตาย สิ่งที่นางต้องการก็ยังคงเป็นชีวิตของเขา

ซินโย่วดื่มน้ำชาลงไปหมดแก้ว

น้ำชาเย็นแล้ว มีแต่ความขม ไม่หลงเหลือความหวาน

รองเจ้ากรมต้วนพึงพอใจกับการพูดกันน้อยลงยามนี้ จะได้ไม่เผลอถูกนางไถเงินอีก

คนงานยกอาหารขึ้นโต๊ะ

“กินเถอะ กินข้าวแล้วจะได้รีบกลับร้านหนังสือ”

ซินโย่วพยักหน้าหยิบตะเกียบ

รองเจ้ากรมต้วนสั่งอาหารค่อนข้างจืดสองสามอย่าง กินแล้วไร้รสชาติ ซินโย่วเหลือบมองไปที่บันได

“ชิงชิง ลุงสั่งอาหารไม่ถูกปากใช่หรือไม่”

คนงานหูไวได้ยินก็มองมาทันที

อะไรนะ รังเกียจอาหารร้านน้ำชาเขาไม่อร่อยหรือ

มือซินโย่วที่จับตะเกียบไว้พลันชะงัก พยักหน้าเอ่ยว่า “ท่านลุง ข้าอยากกินปลากระรอกเปรี้ยวหวาน[1]เจ้าค่ะ”

มุมปากรองเจ้ากรมต้วนกระตุกทีหนึ่ง

โทษเขาเองที่ปากเปาะ! ไม่ต้องเอ่ยถึงราคา แค่รอกินปลากระรอกเปรี้ยวหวานเสร็จ อย่างน้อยก็ต้องอีกครึ่งชั่วยาม!

สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนย่ำแย่ขึ้นมาทันที “ร้านน้ำชานี้…”

คนงานตบหน้าอกรับคำขึ้นว่า “ร้านน้ำชาเรามีขอรับ รับรองว่ารสชาติไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง!”

รองเจ้ากรมต้วน “…” เกี่ยวอันใดกับคนงานผู้นี้?

แต่มีคนอื่นดูอยู่ เขาจะไม่ยินดีอย่างไรก็ได้แต่ได้แต่สั่งปลากระรอกเปรี้ยวหวาน

หากเป็นบุตรสาวตนเองก็จะปฏิเสธทันที แต่พอเป็นหลานสาวกลับทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากแพร่ออกไปว่าเขาผู้เป็นลุงเสียดายที่หลานสาวกำพร้าจะสั่งปลากระรอกเปรี้ยวหวานกิน เช่นนั้นก็เป็นวาจายากรับฟังแล้ว

ซินโย่วคีบผักเงียบๆ

เวลาเหลือเฟือ ค่อยๆ รอต่อไปได้

ขณะรอปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวาน ก็มีทั้งลูกค้าใหม่ที่เข้ามาสั่งอาหาร และลูกค้าที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วเตรียมตัวกลับ สำหรับซินโย่วกับรองเจ้ากรมต้วนแล้ว เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าอยู่สักหน่อย

รองเจ้ากรมต้วนถามถึงเรื่องร้านหนังสือ “ท่านซงหลิงคือผู้ใด”

ซินโย่วตอบว่า “เป็นนักเขียนนิยายที่มีความสามารถมากเจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมต้วนพยักหน้ารับรู้พลางกำชับด้วยท่าทีผู้อาวุโส “ชิงชิง ร้านหนังสือเจ้าอาศัยนิยายท่านซงหลิงจึงได้ดีขึ้นได้ ต้องดึงตัวเขาเอาไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะโดนร้านหนังสืออื่นซื้อตัวไปเหมือนท่านผิงอัน เช่นนั้นก็คงยุ่งยากแล้ว”

ซินโย่วยิ้มละไม “ท่านลุงกล่าวได้ถูกต้องเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงบอกท่านซงหลิงแล้วว่าวันหน้านิยายที่เขาเขียนเสร็จล้วนให้ราคาสูง และยังจะจ่ายเงินเดือนให้เขาอีกด้วย ทำให้ตอนนี้ข้าค่อนข้างฝืดเคืองอยู่สักหน่อย…”

สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนพลันบิดเบี้ยว แทบอยากจะตบปากตัวเองฉาดหนึ่ง

“ปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวานมาแล้วขอรับ” คนงานวางจานปลากระรอกขึ้นโต๊ะ

รองเจ้ากรมต้วนฝืนฉีกยิ้ม “กินตอนร้อนๆ เลยสิ”

“ท่านลุงก็กินด้วยสิเจ้าคะ” ซินโย่วคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่ง พลันได้ยินเสียงของตกลงพื้นจากเหนือศีรษะ

พริบตานั้นเอง แม้ว่าเตรียมใจไว้แล้ว แต่นางยังคงไม่อาจควบคุมตนเองได้ ผุดลุกขึ้นยืนทันที ในใจราวกับถูกมือไร้รูปร่างบีบแน่น

ปฏิกิริยาซินโย่วทำให้รองเจ้ากรมต้วนสะดุ้งตกใจ

“ชิงชิง?”

อยู่ๆ นางลุกขึ้นยืนเช่นนี้ทำเอาสายตาหลายคู่มองมา ยังดีที่ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าตึงตังดังขึ้น กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินหลายนายรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน ดึงสายตาทุกคนกลับไป

ซินโย่วค่อยๆ ลงนั่ง จ้องมองไปที่บันไดตาไม่กะพริบ แต่พอเห็นคนด้านหลังองครักษ์จิ่นหลินสองนาย ม่านตานางพลันหดเกร็ง

เขาไม่เป็นอันใด!

ซินโย่วหลับตาลงด้วยสัญชาตญาณ จมจ่อมเข้าสู่ภาพที่เห็น

เฮ่อชิงเซียวถือแก้วชาอยู่ในมือ โลหิตสดไหลออกจากปากและจมูก หยดลงบนสาบเสื้อ

ซินโย่วลืมตาขึ้น จ้องมองชายที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดเขม็ง

องครักษ์จิ่นหลินสองนายเดินลงบันไดมา ชักดาบชี้ไปที่ผู้คนในโถง ตวาดดังว่า “ทุกคนอยู่กับที่ ห้ามขยับ!”

ทุกคนพากันลุกขึ้นยืน มีเสียงแก้วน้ำชาตก สภาพการณ์วุ่นวายโกลาหลขึ้นมาทันที มีเพียงชายชุดแดงที่ยืนอยู่บนขั้นบันได มองทุกคนในโถงด้านล่างด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

สายตาเขาหยุดอยู่ที่ซินโย่ว แววตานิ่งสงบพลันคล้ายมีคลื่นกระทบ

ซินโย่วคิดแสดงท่าทางตื่นเต้นเป็นห่วง แต่กลับไม่รู้ว่าเหตุใด ยามที่ได้สบตาเมื่อครู่นี้ เหมือนถูกเขามองทะลุจิตใจ

ทำให้ยามนี้นางไม่รู้ว่าควรแสดงท่าทีเช่นไร สีหน้านิ่งไร้ความรู้สึก

เฮ่อชิงเซียวเดินลงมา

ผู้ดูแลร้านน้ำชาถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ใต้เท้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ ร้านเราต้อนรับขาดตกบกพร่องหรือ…”

ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งรำคาญตัดบทเขาขึ้นว่า “มีคนวางยาในน้ำชาใต้เท้าเรา ทุกคนในที่นี่ล้วนต้องสงสัย!”

วางยา?

พอได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ยิ่งแตกตื่นลนลาน

รองเจ้ากรมต้วนคิดแสดงท่าทีสบายๆ สักหน่อย แต่ก็รู้ดีว่ามีปัญหากับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเป็นเรื่องน่ากลัวเพียงใด ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่มาร้านน้ำชานี้

“ใต้เท้า หรือว่านำตัวคนพวกนี้กลับไปที่ทำการก่อนขอรับ” ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งถามเฮ่อชิงเซียว

“ไม่ต้อง ตามคนงานยกน้ำชามาก่อน”

คนงานเข่าอ่อนลงคุกเข่าขอร้อง “ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยยกน้ำชาไปให้ท่าน ไม่มีทางวางยาพิษอย่างเด็ดขาด!”

“ระหว่างเจ้านำน้ำชามา มีอันใดผิดปกติหรือไม่” เฮ่อชิงเซียวน้ำเสียงนุ่มนวล มองไปไม่ออกว่าเมื่อครู่เกือบจะเกิดเรื่อง

“ไม่มีขอรับ พอชงน้ำชาเสร็จก็ยกมาทันที”

“ผู้ใดดูแลเรื่องชงน้ำชา”

ผู้ดูแลร้านรีบตอบว่า “ผู้ที่รับหน้าที่ชงชาให้ห้องรับรองชั้นสองก็คืออาจารย์ชงชาที่ทำงานที่ร้านน้ำชาเรามาหลายปีแล้ว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน…”

ไม่นานกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็นำคนผู้นั้นมา เป็นชายชราวัยใกล้ห้าสิบผู้หนึ่ง

ในห้องโถงกลางมีลูกค้าคุ้นหน้าไม่น้อย คนไม่น้อยกระซิบกันว่า “ไม่น่านะ ตาเฒ่าหยางเป็นคนงานเก่าแก่ในร้านน้ำชามาหลายปีแล้ว…”

ซินโย่วลุกขึ้นยืนทันที ก้าวไปหาเฮ่อชิงเซียว

“ชิงชิง!” รองเจ้ากรมต้วนด้านหลังส่งเสียงเรียกเบาๆ พยายามระงับอาการตื่นตกใจ

ซินโย่วเดินต่อไปคล้ายไม่ได้ยิน

การเข้าใกล้ของนางทำให้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินส่งเสียงตวาดดัง “หยุดนะ!”

เฮ่อชิงเซียวแสดงท่าทางบอกให้ลูกน้องถอยออกไป มองสาวน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขม็ง

“คุณหนูโค่วมีเรื่องอันใดหรือ” น้ำเสียงเขาเหมือนไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าตนเองจะได้ยินคำตอบอันใด

แต่ผู้ที่ยืนในระยะห่างเช่นซินโย่วนี้ ในที่สุดก็แน่ใจได้ว่า สาบเสื้อเฮ่อชิงเซียวไม่มีร่องรอยโลหิตแม้แต่น้อย

ไม่เหมือนภาพที่เห็น

[1] ปลากระรอกเปรี้ยวหวาน อาหารจานเด็ดจากมณฑลเจียงซู หั่นเนื้อปลาให้เป็นชิ้นแบบดอกไม้ยามราดซอสเปรี้ยวหวานลงบนปลา จะได้ยินเสียงคล้ายเสียงกระรอก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท