ตอนที่ 69 สงสัย
เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ในใจซินโย่วกลับราวกับอสุนีบาตฟาดใส่
คำพูดเดียวกัน นางเพิ่งกล่าวกับเฮ่อชิงเซียวก่อนหน้านี้ไม่นาน
ตอนนั้นนางเกิดวู่วามขึ้นมา แทบจะลงมือในทันที นี่คือคำอ้างของนางตอนเข้าใกล้เฮ่อชิงเซียว แต่ตอนนี้เฮ่อชิงเซียวพูดคำเดียวกัน นี่หมายความว่าอย่างไร
เขารู้ความคิดในใจนางหรือ
ซินโย่วไม่แน่ใจ เหลือบตาขึ้นสบสายตากับเฮ่อชิงเซียว
ดวงตางามของบุรุษคล้ายมีเมฆหมอกปกคลุมชั้นหนึ่ง ทำให้ไม่อาจคาดเดาความนัย
ซินโย่วประสานมือสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ หาตัวคนวางยาพบแล้วหรือ”
“หาพบแล้ว”
ซินโย่วเลิกคิ้ว รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้างว่าเฮ่อชิงเซียวจะตอบเร็วเช่นนี้
“หาพบแล้วก็ดี จะได้ไม่ทำให้วันหน้าเป็นผลเสียต่อใต้เท้าเฮ่อ”
เดิมซินโย่วคิดว่าบทสนทนานี้จะจบลงตรงนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าไม่เป็นดังคาด
“คุณหนูโค่วยังจำคำเตือนวันนั้นได้หรือไม่” เฮ่อชิงเซียวน้ำเสียงนิ่งมาก คล้ายว่าคุยเรื่องผู้อื่น “ตอนข้าจับขุนนางคนหนึ่ง ถูกมีดสั้นของเขาที่ซ่อนเอาไว้ลอบแทง คนที่วางยาพิษข้าในร้านน้ำชาก็คือหลานชายเขา…”
ซินโย่วนิ่งฟัง คาดเดาวัตถุประสงค์ของเฮ่อชิงเซียวที่เอ่ยคำพูดเหล่านี้กับนาง
จากที่เห็นหลายวันนี้ไม่มีกระแสข่าวอันใด แสดงให้เห็นว่าเฮ่อชิงเซียวไม่คิดทำให้เรื่องวางยาพิษแพร่ออกไปในวงกว้าง
“คุณหนูโค่ว”
“ใต้เท้าเฮ่อ ท่านว่ามาก่อนเจ้าค่ะ”
แววตาเฮ่อชิงเซียวลุ่มลึก มองใบหน้าขาวเนียนผ่องราวหยกของสาวน้อย ไม่พลาดแววตาแปรเปลี่ยนของนางที่ปรากฏเพียงเล็กน้อย “เรื่องที่ร้านน้ำชาวันนั้น เจ้าทำนายไม่ได้หรือ”
ในใจซินโย่วกระตุกวาบ
แม้ว่านางพยายามควบคุมสีหน้า แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงมองเห็นความผิดปกติบนใบหน้านาง
เฮ่อชิงเซียวสงสัยนางแล้วดังคาด!
นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ จึงพอจะทำให้นางดำรงท่าทีสงบนิ่งไว้ได้
“ใต้เท้าเฮ่อคงไม่รู้ วิชานรลักษณ์ข้าไม่เหมือนวิชานรลักษณ์ธรรมดา ไม่ได้อาศัยใบหน้ามาทำนายความโชคดีหรือโชคร้ายของคนผู้หนี่ง แต่ต้องอาศัยแสงทิพย์เจ้าค่ะ”
“แสงทิพย์?”
ซินโย่วพยักหน้า “ดังนั้นจึงก่อให้เกิดปัญหาประการหนึ่ง”
“ปัญหาใด”
ซินโย่วสีหน้าจริงจัง “ทิพย์เป็นบางเวลา”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง เอ่ยด้วยอารมณ์สับสนอย่างที่สุด “คุณหนูโค่วเตือนข้าสองรอบ ล้วนแม่นยำน่าอัศจรรย์”
ซินโย่วเผยรอยยิ้มเก้อเขิน “ตอนไม่แม่น ส่วนใหญ่ข้าไม่พูดเจ้าค่ะ”
เฮ่อชิงเซียว “…”
ความสงสัยที่ผุดขึ้นมาในใจเขายังคงอยู่ แต่ก็หาหลักฐานไม่ได้
บางทีอาจเป็นดังคุณหนูโค่วกล่าว ตอนนี้เขาเองก็อาศัยความรู้สึกในเรื่องนี้ จึงได้ถามออกไปเช่นนี้
วันนั้นในร้านน้ำชา เขายืนอยู่บนขั้นบันไดสบตากับคุณหนูโค่วที่นั่งอยู่มุมห้องโถง ในใจก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าคุณหนูโค่วรู้
หลายครั้งเป็นดังที่นางรู้ เขาเดินไปบนท้องถนนประสบเหตุกระถางต้นไม้ร่วงลงมาจากฟากฟ้า รู้ว่าเขาจับกุมคนร้ายจะถูกมีดสั้นแทง นางต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นชั้นบนเมื่อครู่ รู้ว่าเขาผ่านวิกฤตมาได้อย่างไร
การนิ่งเงียบของนางหมายความว่าอย่างไร ไม่เอ่ยก็ย่อมรู้ได้
แต่คิดไม่ตกว่าเหตุใดท่าทีคุณหนูโค่วต่อเขาจึงเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “วิชานรลักษณ์อัศจรรย์ดังคาด”
“ใต้เท้าเฮ่อต้องการอ่านบันทึกการเดินทางตอนนี้ไหมเจ้าคะ” ซินโย่วแอบระวังตัวขึ้นมา แต่สีหน้าเผยรอยยิ้มไร้พิรุธ
เฮ่อชิงเซียวมองบันทึกการเดินทางบนชั้นหนังสือที่เรียงกันหลายเล่ม พลางส่ายหน้า “ไม่ละ ยังมีงานที่ต้องทำ วันนี้มาก็เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวต่อจากนั้นกับคุณหนูโค่ว และก็เพื่อขอบคุณคุณหนูโค่วที่ค้นพบในวันนั้น ”
“ใต้เท้าเฮ่อเกรงใจไปแล้ว วันนั้นทันสังเกตเห็นเป็นเหตุบังเอิญโดยแท้”
“เช่นนั้นก็ขอตัวก่อน” เฮ่อชิงเซียวเหลือบมองใบหน้าซินโย่วแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวออกไป
ซินโย่วมองตามแผ่นหลังลับหายไป หลุบตาลงลูบบันทึกการเดินทางเล่มหนึ่ง
เฮ่อชิงเซียวสงสัยนางแล้ว จากนี้ไปจะทำเช่นไรต่อ
มือนางชะงัก สายตาหยุดนิ่งที่บันทึกการเดินทางเล่มนั้นเป็นนาน
หากทายาพิษบนบันทึกการเดินทางที่เขาชอบอ่าน…
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในความคิด แต่ก็ถูกซินโย่วปฏิเสธทิ้งไป หากพลาดทำให้เขาบาดเจ็บ ก็ย่อมมีความผิดสถานหนัก
นับประสาอันใดกับร้านหนังสือสะอาดสะอ้าน คนในร้านหนังสือก็ไม่มีความผิด นางไม่อาจเห็นแก่ตัวแก้แค้นแล้วพลอยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย
ซินโย่วคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
เฮ่อชิงเซียวมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือมักมาคนเดียว ตอนเขากลับไป บางทีอาจมีโอกาสระหว่างทาง
ซินโย่วคิดว่าหลังพบกันครั้งนี้ ระยะนี้เฮ่อชิงเซียวก็คงไม่มาอีก คิดไม่ถึงว่าสองวันต่อมา เขาก็ปรากฏตัวที่ร้านหนังสืออีก
เสี่ยวเหลียนแอบมารายงานซินโย่ว “คุณหนูใต้เท้าเฮ่อมาอ่านหนังสืออีกแล้วเจ้าค่ะ”
“ทราบแล้ว เจ้าไปทำงานเถอะ”
ซินโย่วเดินเข้าห้อง หยิบเครื่องแต่งกายแบบชายออกมาจากตู้ชุดหนึ่ง ส่องกระจกแต่งหน้าทาสีทาบทับ สาวน้อยคนงามกลายเป็นเด็กหนุ่มกระจ่างตา
มุมขมับของเด็กหนุ่มถึงกับมีแผลเป็นจางๆ เส้นหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็คงคิดไม่ถึงว่าความจริงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง
เห็นคนในกระจกแล้ว ซินโย่วก็พยักหน้าพอใจ
นางชอบไปไหนมาไหน บางครั้งไม่สะดวกก็จะปลอมตัวเช่นนี้ ดีที่ฝีมือแต่งหน้าของนางไม่เลว
แสงนอกหน้าต่างเริ่มสลัวแล้ว พระอาทิตย์ยามเย็นใกล้ลับไปแล้ว เด็กหนุ่มใบหน้ากระจ่างเดินบนท้องถนน หันกลับไปมองร้านหนังสือชิงซง
ตั้งแต่การค้าร้านหนังสือดีขึ้น ใต้เท้าเฮ่อก็คล้ายว่ามาอ่านหนังสือตอนเช้าตรู่หรือไม่ก็ยามเย็น
ซินโย่วแต่งกายแบบนี้ละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนแล้วก็เหมือนกับเด็กหนุ่มใบหน้ากระจ่างใสอายุราวสิบกว่าปีทั่วไปในละแวกนั้น ยามนางยืนอยู่บนถนนก็ไม่เป็นที่สังเกตแม้แต่น้อย อำนวยทางสะดวกกับความคิดที่ผุดขึ้นมาของนางอย่างมาก
ซินโย่วแต่งกายเป็นชาย ท่าเดินถึงกับเปลี่ยนไป เดินก้าวเท้าเข้าไปในยังร้านน้ำชา เลือกที่นั่งชิดหน้าต่าง ค่อยๆ บรรจงดื่มน้ำชา
แม้เฮ่อชิงเซียวมักมาอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือ แต่ทุกครั้งจะอยู่ไม่นานนัก ส่วนใหญ่จะไม่เกินครึ่งชั่วยาม ปกติราวสองเค่อ
ซินโย่วคาดว่าคงรออีกไม่นานนัก ดังคาด พอดื่มน้ำชาได้แก้วหนึ่ง ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินออกจากร้านหนังสือ
นางจ่ายเงินเดินออกจากร้านน้ำชา
ร้านค้าสองข้างทางตั้งเรียงราย พอถึงยามเย็นก็ครึกครื้นอย่างมาก ซินโย่วปะปนเข้ากับฝูงชน สะกดรอยตามเฮ่อชิงเซียวไป
สะกดรอยตามมาได้ระยะทางหนึ่ง นางที่เตรียมตัวมาอย่างดีก็พบว่าเป็นเส้นทางกลับจวนฉางเล่อโหว ก็ตัดสินใจรีบเร่งฝีเท้าไปดักรอด้านหน้า
ด้านหน้าเลี้ยวไปไม่ไกลนักก็จะเป็นตรอกชุมชนเล็กๆ ปากทางมีต้นพุทราต้นหนึ่ง อย่างไรก็คงพอจะบดบังสายตาได้บ้าง เป็นที่กำบังสายตาได้อย่างดี
ซินโย่วหลบอยู่หลังต้นไม้ ลูบลูกศรในแขนเสื้อที่ซ่อนอยู่ในท่อนแขน อดทนรอคอยเฮ่อชิงเซียว
ผ่านไปไม่นาน เงาร่างคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในห้วงสายตา
ซินโย่วสะกดลมหายใจให้เบาลง จ้องมองร่างเงานั้นที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างไม่ละสายตา
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…
ในที่สุด เขาก็เดินมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
นิ้วมือเรียวยาวขยับไกปืนหน้าไม้ ลูกศรพุ่งออกไป
วินาทีนั้นในใจซินโย่วพลันว่างเปล่า ความรู้สึกต่างๆ ถูกนางกดทับแน่นสนิทไว้แล้ว สีหน้ายามนี้มีเพียงความเยียบเย็นไร้ความรู้สึก
นางจ้องมองลูกศรที่พุ่งไปทางเฮ่อชิงเซียวเขม็ง กลับไม่แทงทะลุลำคอเขาดังคาด
เขาหลบพ้น!
พอรู้ดังนี้แล้ว ซินโย่วก็รีบหันหลังหนีทันที
ในตรอกชุมชนมืดมิดและทอดตัวยาว ด้านหน้าเป็นถนนอีกสายหนึ่ง มีแสงสว่างลอดเข้ามา ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าไล่ตามมา
ซินโย่วพุ่งออกจากอีกฟากของตรอกชุมชน