ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 322 ฤทธิ์เหล้า(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 322 ฤทธิ์เหล้า(2)

ตอนที่ 322 ฤทธิ์เหล้า(2)

ฉินมู่หลานเล่าเรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้นทั้งหมด หลังจากนั้นก็เอ่ยถาม “พ่อคะ พวกพ่อทำงานกันเสร็จแล้ว หลังจากนี้ก็จะกลับบ้านหลังเลิกงานได้ตรงเวลาแล้วใช่ไหมคะ?”

เจี่ยงสือเหิงส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “เรื่องนี้ไม่แน่ใจ แต่ช่วงนี้งานเสร็จหมดแล้ว พวกเราถึงกลับมาบ้าน”

หลังจากเหยาจิ้งจือ ซูหว่านอี๋ ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงกลับมา ก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กับเจี่ยงสือเหิงได้อย่างรวดเร็ว หลายคนจึงเอ่ยพูดด้วยสายตาแปลกใจ “สือเหิง อาหลี่ ในที่สุดพวกคุณก็กลับมากันแล้ว”

“ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากเลย”

ฉินเจี้ยนเซ่อก้าวเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะตบบ่าเจี่ยงสือเหิงแล้วเอ่ยพูด “ใช่แล้วสือเหิง รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันนานมากเลย ฮ่าฮ่า…เพราะฉะนั้นเย็นนี้ต้องดื่มฉลองสักหน่อยแล้ว”

“เอาสิ”

เจี่ยงสือเหิงยิ้มตอบ หลังจากนั้นเซี่ยเหวินปิงกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดื่มกันไปหลายแก้ว ทุกคนจึงเตรียมตัวเข้านอนพักผ่อน

ฉินมู่หลานมองไปที่แก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะอดพูดไม่ได้ “ทำไมวันนี้คุณถึงดื่มด้วยล่ะ”

“เพราะหายากที่ทุกคนจะมีความสุข ผมจึงอดใจไม่ไหวเลยต้องดื่มด้วยสักสองสามแก้ว”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ยังพอมีสติ ฉินมู่หลานจึงทราบว่าเขาไม่ได้เมา เธอเห็นว่าลูกทั้งสองคนหลับไปแล้ว จึงเตรียมตัวเข้านอนด้วยเหมือนกัน แต่ทันทีที่เธอทิ้งตัวนอนลง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ตรงเข้ามาหา ก่อนจะสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง “มู่หลาน…คุณภรรยา…”

รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดรินตรงต้นคอ ฉินมู่หลานก็อดที่จะหดคอของตนเสียไม่ได้ เธอใช้ศอกกระทุ้งเข้าตรงหน้าอกของเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดขึ้น “ทำอะไรคะเนี่ย ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ไม่…ไม่นอน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ลูบไล้เรือนร่างฉินมู่หลาน ก่อนจะเริ่มหายใจหนักขึ้น เขายังไม่เมาก็จริง แต่ก็ดื่มไปหลายแก้ว จึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่านิดหน่อย เมื่อเห็นภรรยาที่ไม่เจอกันมานานมาก เขาจึงได้แต่คิดว่าอยากจะกอดคนเอาไว้ให้แน่น

“คุณ…”

ใบหน้าของฉินมู่หลานเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีลูกแล้วก็ตาม แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ทำตัวดีมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนอนด้วยกัน แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย คืนนี้เขากลับทำให้คนหน้าแดงก่ำและใจเต้นแรง

“มู่หลาน…”

เซี่ยเจ๋อหลี่พูดพึมพำ ริมฝีปากร้อนกดลงบนต้นคอของฉินมู่หลาน ก่อนจะกดจูบอยู่ตรงบริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา

“เซี่ยเจ๋อหลี่ คุณ…คุณ…”

แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกจากปาก ก็ต้องจมดิ่งท่ามกลางความเร่าร้อนทันที ฉินมู่หลานไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าการจูบเพียงครั้งเดียวจะสามารถทำให้ติดใจได้ขนาดนี้ ทั้งสองจมดิ่งอยู่ด้วยกันเนิ่นนาน จนกระทั่งเธอคุ้นชินกับวิธีการของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว อีกทั้งยังคุ้นชินกับกลิ่นของเขาด้วย ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน ทำมห้ร่างกายของเธออ่อนระทวยไปหมด

ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่แค่อยากจูบภรรยาเท่านั้น แต่เมื่อได้เข้าหาภรรยามากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็ไม่ใช่แค่เขาที่ควบคุมไม่ได้ เป็นทั้งคู่ต่างควบคุมตัวเองไม่ได้เลย จนกระทั่งทั้งสองต่างจมดิ่งและล่องลอยอยู่ในคลื่นอันร้อนแรง การลอยล่องขึ้นลงตามจังหวะนั้นทำให้คนต่างหยุดการกระทำไม่ได้

ในที่สุดท้องฟ้าก็สงบหลังผ่านพายุฝน หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว ฉินมู่หลานก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย ก่อนจะหันไปจ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่ตาเขม็ง แล้วพูดขึ้น “คุณไม่กลัวลูกตื่นเหรอคะ”

“ใช่ ผมไม่ดีเอง”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยอมรับผิดทันที หลังจากนั้นก็ดึงภรรยาให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง

ฉินมู่หลานได้แต่รู้สึกว่าทั้งเรือนร่างถูกดตรึงเอาไว้ แต่ตอนนี้เธอโอนอ่อนลงแล้ว เพียงเคลื่อนไหวนิดหน่อยก็รู้สึกเหนื่อยไปหมด จึงปล่อยให้เซี่ยเจ๋อหลี่ทำตามอำเภอใจไป แต่แล้วก็อดเอ่ยถามด้วยความกังวลเสียไม่ได้ “เรื่องที่สถาบันวิจัยจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าใด

“ยังเลย แต่อาจเป็นเพราะว่าครั้งก่อนทำไม่สำเร็จ แล้วตอนนี้ก็ได้เห็นผมเข้าไปที่สถาบันด้วย พวกเขาจึงระวังตัวมากขึ้น พวกเราวางกับดักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พวกคนที่อยู่เบื้องหลังยังไม่ติดกับเลย แสดงว่าพวกมันคงคิดที่จะอยู่นิ่ง ๆ กันไปก่อนอีกสักพัก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดคิ้วขมวดไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงวางกับดักล่อให้คนออกมาเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็เหมือนจะทำอะไรไม่ได้แล้ว “พวกคุณไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวคนพวกนั้นก็แสดงจุดอ่อนของพวกมันออกมาเองแหละ เพราะพวกมันยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ผมกับพ่อบุญธรรมจึงไม่ได้รีบร้อน แล้วก็วางแผนเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ ด้วย ทำให้พวกมันคิดว่าพวกเราไม่ระวังตัวกันแล้ว พวกมันจะได้ค่อย ๆ ระวังตัวน้อยลง”

“ค่ะ แบบนี้ก็ดี”

ฉินมู่หลานเหนื่อยตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อคุยไปได้สักพักก็ผล็อยหลับไป

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับนอนไม่หลับเลย เขาสวมกอดภรรยาของตนเอาไว้แน่น ก่อนจะพยายามกระแซะร่างของตนเข้าไปจนแทบจะสิงเข้าไปในร่างของอีกคน แต่ด้วยความที่กลัวภรรยาจะตื่นด้วย เขาจึงไม่กล้าทำรุนแรงเกินไป

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ตื่นแล้ว จนกระทั่งเธอออกมากินข้าวเช้า จึงได้ทราบว่าเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปสถาบันวิจัยกันเรียบร้อยแล้ว

“เช้าขนาดนี้”

ฉินมู่หลานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็รีบกินข้าว วันนี้เธอก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกัน เพื่อสัมภาษณ์งานกับคนที่หลิวเสวียข่ายพามา เพียงแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตู ลุงเจี่ยงก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสับสนนิดหน่อย

“มีอะไรเหรอคะลุงเจี่ยง”

“คุณหนูน้อยครับ ตอนนายน้อยออกไป ผมเพิ่งทราบว่าเขาลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้ครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “พ่อบุญธรรมอยู่ที่สถาบันไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นถึงจะไม่นำกระเป๋าสตางค์ไปก็ไม่ได้สำคัญอะไร”

แต่ถึงอย่างนั้นลุงเจี่ยงก็เปิดกระเป๋าสตางค์ออกดูให้มู่หลานเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น “คุณหนูน้อยครับ ในกระเป๋าสตางค์ของนายน้อยยังมีรูปถ่ายด้วย เขาจะมองดูมันตลอดเลยครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันไปมอง ก่อนจะเห็นรูปถ่ายเก่า ๆ อยู่ข้างในนั้น มันคือรูปของเจี่ยงสือเหิงที่ถ่ายรวมกับพ่อแม่ของเขา เมื่อเห็นแบบนี้ เธอก็คว้าหยิบกระเป๋าสตางค์ทันที ก่อนจะพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันเอาไปให้พ่อเองค่ะ”

“คุณหนูน้อยครับ ถ้าคุณหนูมีธุระ ผมไปส่งให้เองก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะลุงเจี่ยง ฉันกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี ฝากลุงช่วยดูแลเด็ก ๆ ทั้งสองคนด้วยนะคะ”

ลุงเจี่ยงได้ยินแบบนี้ ก็รีบพยัหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ครับคุณหนูน้อย”

เมื่อฉินมู่หลานมาถึงสถาบันวิจัย ก็บบังเอิญเจอเจี่ยงสือเหิงอยู่ตรงสนามหญ้าพอดี ดูเหมือนว่ามีคนกำลังพูดคุยกับเขาด้วย

“พ่อบุญธรรมคะ…”

เจี่ยงสือเหิงได้ยินเสียงของฉินมู่หลาน ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป จนกระทั่งหันกลับไปเจอฉินมู่หลาน จึงรีบเดินเข้ามาหาแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ลูกมาทำไมเหรอ”

“พ่อคะ พ่อลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้ ฉันก็เลยแวะเอามาให้พ่อ ไม่คิดว่ามาถึงจะเจอพ่อพอดีเลย บังเอิญจัง”

เจี่ยงสือเหิงเอื้อมมาหยิบกระเป๋าสตางค์ ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณมากนะมู่หลาน”

ในตอนนี้ คนที่เพิ่งคุยกับเจี่ยงสือเหิงไปเมื่อสักครู่ก็เข้าด้วย นั่นก็คือเย่อิน

เย่อินเห็นฉินมู่หลาน ก็กล่าวทักทายเบา ๆ “สหายฉิน สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีค่ะ”

ฉินมู่หลานก็ตอบรับอย่างเบา ๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้หันมองเย่อินอีก แต่กลับมองไปทางเจี่ยงสือเหิงแล้วพูดว่า “พ่อคะ เอากระเป๋าสตางค์มาส่งให้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ได้ ลูกก็ระวังตัวด้วยนะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ฤทธิ์ของความคิดถึงบวกกับเหล้ามันรุนแรงอย่างนี้นี่เอง

ใครเป็นนาตาชาในสถาบันวิจัยนี้กันนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท