ตอนที่ 323 คุณนายเหยาเป็นลม(1)
ตอนที่ 323 คุณนายเหยาเป็นลม(1)
หลังจากฉินมู่หลานไปแล้ว เย่อินก็จับตามองเรือนร่างของเธอที่กำลังเดินจากไปอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะหันมองเจี่ยงสือเหิงแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผอ.เจี่ยง ลูกสาวบุญธรรมของคุณนี่เก่งจังเลยนะคะ เอากระเป๋าสตางค์มาให้คุณด้วยตัวเอง ทั้งยังเรียนไปเปิดโรงงานไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็หันมองด้วยสายตาเฉียบคม ก่อนจะเอ่ย “คุณตามสืบหล่อนเหรอ?”
เย่อินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกล่าว “เรื่องนี้ยังต้องตามสืบอีกเหรอคะ ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งนั้น”
เมื่อนึกถึงว่าฉินมู่หลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ แถมยังเปิดตัวโรงงานเครื่องสำอางมู่เสวี่ยอย่างใหญ่โต ดังนั้นหลายคนจึงต้องทราบข่าวกันแล้ว เจี่ยงสือเหิงจึงไม่คิดถามอีกต่อไป เขาไม่ต้องการพูดคุยกับเย่อินอีก จึงหันหลังแล้วเดินจากไป
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงเดินจากไปอย่างไม่เหลียวแล สีหน้าของเย่อินก็มืดมนลง หล่อนกำหมัดแน่น จากนั้นจึงหันหลังแล้วดินจากไป
หลังจากฉินมู่หลานออกไปจากสถาบันวิจัยแล้ว เธอก็รีบตรงไปที่โรงงานเครื่องสำอาง ไม่คาดคิดเลยว่าหลิวเสวียข่ายจะพาคนของเขามาเร็วมาก “มู่หลาน คุณมาได้ทันเวลาพอดีเลยครับ พวกผมก็เพิ่งมาถึง ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว คุณลองสอบได้เลย”
คนพวกนั้นที่มาพร้อมกับหลิวเสวียข่ายมีทั้งชายและหญิง หน้าตาของพวกเขาดูเป็นคนซื่อสัตย์มาก ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็ยิ้มทักทายแล้วให้พวกเขาเข้ามา ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อน เธอเรียกซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือมาร่วมสัมภาษณ์ด้วย ทั้งเจ็ดคนนี้ค่อนข้างดีมาก พวกเขาทั้งหมดจึงได้ไปต่อ
หลิวเสวียข่ายเห็นว่าปัญหาการว่างงานของคนพวกนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็ได้แต่ดีใจ ขณะเดียวกันเขาก็ได้บอกฉินมู่หลานว่าวิลเลียมกับเจนนี่ใกล้จะกลับไปแล้ว “พวกเขาต่างจำเรื่องเคยคุยกับคุณก่อนหน้านี้ได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะกลับไปครั้งนี้ พวกเขาจึงอยากจะชวนคุณไปกินข้าวด้วยกันครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เล่าเรื่องอาหารที่จะกินในมื้อนี้
“เจนนี่กับคนของหล่อนมาที่ประเทศจีน ทางฝั่งของพวกเราจึงต้องให้ความสำคัญมาก และในครั้งนี้ในบรรดาพวกเขาก็มีหลายรายที่ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับผู้ผลิตรายอื่นด้วย เพราะฉะนั้นอาหารมื้อนี้จึงค่อนข้างหรูหรา แม้แต่ท่านรัฐมนตรีของเราก็จะไปร่วมด้วย ถึงตอนนั้นคุณก็ไปด้วยกันเถอะครับ”
เมื่อได้ยอนแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน จึงพยักหน้าแล้วบอกว่า “ค่ะ เอาไว้ฉันจะไปแน่นอน”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง หลิวเสวียข่ายก็ยกยิ้มแล้วบอกเวลากับสถานที่ “เย็นนี้อย่าลืมนะครับ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้แล้วพยักหน้า หลังจากหลิวเสวียข่ายกลับไป เธอก็บอกซูหว่านอี๋ว่าคืนนี้จะไม่ได้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน
ซูหว่านอี๋ทราบว่าลูกสาวจะไปร่วมกินอาหารเย็น จึงรีบเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นลูกก็รีบกลับไปเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“แม่คะ ตอนนี้ยังเที่ยงอยู่เลย”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า “มู่หลาน เธอยังต้องรีบกลับไปเตรียมตัวตังแต่เนิ่น ๆ ว่าถึงตอนนั้นจะใส่เสื้อผ้าชุดไหน พวกเครื่องประดับที่จะใส่ก็ต้องเตรียมล่วงหน้าด้วย”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นทางนี้รบกวนพวกแม่ด้วยนะคะ”
เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ต่างยิ้มแล้วพยักหน้า และฉินมู่หลานก็รีบกลับไป ก่อนจะเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่จะใส่ไปในตอนเย็นทันที จากนั้นก็ไปใช้เวลาอยู่กับชิงชิงและเฉินเฉิน
กระทั่งช่วงบ่ายเธอก็ออกไปข้างนอก
หลิวเสวียข่ายเห็นฉินมู่หลานมา ก็ยิ้มแล้วกล่าวทักทายเธอ “มู่หลาน คุณมาแล้วเหรอ” หลังจากนั้นก็พาเธอไปข้างใน
วิลเลียมมองเห็นฉินมู่หลานในทันที ก่อนจะยกยิ้มแล้วรีบก้าวเดินมาข้างหน้า แล้วพูดเอ่ยขึ้น “คุณฉิน ในที่สุดคุณก็มา ไม่ได้เจอกันหลายวัน คุณสวยขึ้นนะครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “คุณวิลเลียมคะ คุณเองก็หล่อขึ้นเหมือนกันค่ะ หน้าตาผ่องใสมากเลย”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดกัน ซูซานกับลิซ่าก็เดินมาร่วมด้วย ทั้งสองแต่งหน้าย่างละเอียดอ่อนมาก เพียงแค่มองดูสีของอายแชโดว์และลิปสติก ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าทั้งสองใช้เครื่องสำอางจากที่ไหน “ซูซาน ลิซ่า วันนี้พวกคุณสวยมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณเองก็สวยเหมือนกัน”
ซูซานกับลิซ่าต่างดีใจมาก จินจิ้นเอ๋อร์เพิ่งบอกทริคการแต่งหน้าของฉินมู่หลานให้กับพวกหล่อนเมื่อสองวันก่อน
“ตอนแรกพวกเราเห็นว่ามันยากมาก แต่หลังจากได้ลองฝึกแต่งมาสองวันก็เชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้พวกเราจึงได้แต่งหน้าออกมาได้สวยดีมากเลยค่ะ” หลังจากพูดจบ พวกหล่อนก็พูดด้วยความยินดีอีกครั้ง “เจนนี่ค่อนข้างหัวช้า จนถึงตอนนี้ก็ยังแต่งได้ไม่ดี วันนี้พวกเรายังต้องขอให้พวกเราแต่งให้เธออยู่เลยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันมองไปที่เจนนี่ ก่อนจะพบว่าคืนนี้หล่อนก็สวยมากเช่นกัน ขณะเดียวก็ต้องยอมรับด้วยว่า ซูซานกับลิซ่า ทั้งสองคนมีพรสวรรค์ในเรื่องการแต่งหน้ามาก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ยังแต่งออกมาได้ดีขนาดนี้ อาจเป็นเพราะพวกเธอเคยแต่งหน้ากันมาก่อนอยู่แล้วด้วย
“พวกคุณเก่งมากจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อได้ยินคำชมของฉินมู่หลาน ทั้งสองก็ดีใจมาก หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็ไปพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นในกลุ่มชาวต่างชาติ เป็นเพราะเครื่องสำอาง ทำให้แขกผู้หญิงในกลุ่มชาวต่างชาติ กระตือรือร้นที่จะเข้าหาฉินมู่หลานเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน หลิวเสวียข่ายก็ได้พูดคุยกับชายชราอย่างกระตือรือร้น ในตอนนี้ชายชราจึงหันมองไปทางฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “นั่นคือสหายฉินมู่หลานใช่ไหม”
หลิวเสวียข่ายพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ครับ หล่อนนั่นแหละ เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถมากเลยครับ ไม่ใช่แค่เรื่องทักษะการแพทย์เท่านั้น แม้แต่การผลิตเครื่องสำอางก็ยังทำให้เป็นเรื่องง่ายได้ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความคิดมากมาย สามารถลงทุนกับชาวต่างชาติได้ตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการได้ไม่นาน ต่อไปข้างหน้าแนวโน้มเครื่องสำอางของทางมู่เสวี่ยจะต้องดีมากแน่นอนครับ”
เก่งมากจริง ๆ และดูจากท่าทางการสนทนาของเธอแล้ว มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เลยนะ”
ชายชราผู้นี้คืออี้หัวผู้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เขาเคยได้ยินเรื่องของฉินมู่หลานมาแล้ว เพราะเธอเป็นคนผลิตยาหลายอย่างที่มีประสิทธิภาพพวกนั้น ครั้งนี้หลิวเสวียข่ายก็เอ่ยชมฉินมู่หลานต่อหน้าเขาอีก มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะจำไม่ได้ หลังจากที่ได้เห็นในวันนี้ ก็ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่
“ใช่ครับ ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
หลังจากฉินมู่หลานพูดคุยเสร็จแล้ว หลิวเสวียข่ายก็แนะนำให้เธอรู้จักอี้หัว
หลังจากที่ฉินมู่หลานทราบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงรีบกล่าวทักทายตามมารยาททันที
“สหายฉิน ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ครับ”
อี้หัวใจดีมาก เขายิ้มแล้วพูดคุยกับฉินมู่หลานต่ออีกหน่อย จากนั้นก็ไปจัดการธุระต่อ
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะได้พูดคุยกับอี้หัวเป็นการส่วนตัว จึงรู้สึกไม่คิดฝันนิดหน่อย
หลังจากหลิวเสวียข่ายทราบ ก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เป็นเพราะคุณเก่งมาก จนแม้แต่รัฐมนตรีของเรายังมองเห็น”
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องตั้งใจทำงานหนักต่อไปแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานหัวเราะแล้วเอ่ยตอบ หลังจากนั้นก็ไปคุยกับพวกแขกชาวต่างชาติคนอื่นต่อ อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้เพียงพูดคุยเท่านั้น แต่จากการได้พูดคุยในครั้งนี้ ทำให้เธอได้เข้าใจจุดประสงค์ว่าพวกเขาต้องการอะไร จากนั้นเธอจึงได้กลับมาคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้อีก
จนกระทั่งอาหารหมดแล้ว ฉินมู่หลานก็เริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของชาวต่างชาติพวกนี้และบางโครงการที่พวกเขาได้ทำ
“ผอ.หลิวคะ ฉันขอกลับก่อนนะคะ”
“ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ”
หลังจากฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังยืนรออยู่ตรงหน้าประตู “คุณมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
“รอคุณ…”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานกลับมา แววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
และเมื่อฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ถึงกับหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยแววตาลุกเป็นไฟอีกครั้ง แต่ก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าจึงแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ พลางจ้อมองเขา แล้วพูดขึ้น “มองอะไรอยู่ล่ะ รีบเข้ามาสิ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มู่หลานจะดังใหญ่แล้ว ได้กินข้าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับประเทศด้วย
ไหหม่า(海馬)