ตอนที่ 324 คุณนายเหยาเป็นลม(2)
ตอนที่ 324 คุณนายเหยาเป็นลม(2)
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นอยู่แล้วว่าหน้าของฉินมู่หลานแดงเรื่อ แววตาจึงมีรอยยิ้ม ทั้งสองเดินเคียงกันไป ขณะเดียวก็ได้พูดคุยไปด้วย และฉินมู่หลานก็นึกไปถึงตอนที่ได้เจอเย่อิน จึงอดหันมองแล้วพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างเสียอดไม่ได้ “จริงสิ พวกคุณได้ลองสืบเรื่องเย่อินหรือยัง หล่อนคอยตามติดพ่อบุญธรรมตลอดเลย ฉันรู้สึกว่าหล่อนดูแปลก ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พูดตามตรง “พวกเราลองตรวจสอบเย่อินคนนั้นดูแล้ว ตรวจสอบไปยันบรรพบุรุษสิบแปดชั่วคนด้วย แต่ไม่มีปัญหาอะไรเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “สงสัยเป็นเพราะธอเอาแต่ตามติดพ่อบุญธรรม ฉันจึงรู้สึกไม่ค่อยดีกับหล่อน”
เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดเช่นนั้น เพราะเขาเองก็คิดว่าเย่อินน่ารำคาญนิดหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นคุณกับพ่อบุญธรรมต้องใส่ใจให้มากขึ้นหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมใส่ใจอยู่แล้ว โหยวหย่งก็คอยจับตาดูตลอด เพราะฉะนั้นพวกเราไม่เป็นไรหรอก”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ซูหว่านอี๋เห็นทั้งสองกลับมาแล้ว ก็อดหันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “อาหลี่ออกไปรอลูกอยู่ข้างนอก จริง ๆ ก็รอข้างในได้แท้ ๆ แต่เขากลับยืนกรานจะออกไปรอตรงหน้าประตู” หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดติดตลก “เขายืนรอภรรยาจนเกือบจะกลายเป็นหินแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะขึ้นมาเสียไม่ได้ จากนั้นก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยเจ๋อหลี่ “คุณรอนานแค่ไหน?”
“จริง ๆ ก็ไม่นานหรอก เอาเถอะมู่หลาน คืนนี้คุณดื่มเหล้าไปหรือเปล่า อยากได้ซุปแก้เมาค้างไหม”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่รีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ก็ได้แต่ยิ้มแล้วไม่เอ่ยถามอะไรอีก แต่เย็นนี้เธอไม่ได้ดื่มเหล้าเลย เพราะยังเป็นนักศึกษาอยู่ ทุกคนจึงรู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะขอให้นักศึกษาดื่ม “ฉันไม่ได้ดื่ม เพราะฉะนั้นไม่ต้องการซุปแก้เมาค้างหรอก จริงสิ แล้วลูกทั้งสองล่ะ เดี๋ยวฉันไปดูพวกเขาหน่อย แล้วจะไปพักผ่อนแล้ว”
แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ไปพบเด็กทั้งสอง หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะหันมองฉินมู่หลาน แล้วรีบบอกกล่าวทันที “มู่หลาน เธอรีบไปดูคุณนายท่านหน่อยเร็ว อยู่ ๆ ท่านก็หมดสติไป จนถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย”
“อะไรนะ…”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ “เกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วใครอยู่กับคุณนาย ไม่ไปส่งโรงพยาบาลเหรอ?”
“ส่งโรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่าทุกอย่างปกติดี แต่คนกลับไม่ฟื้น ตอนนี้เจ้าตัวหมดสตินอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย” ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเยี่ยนเต็มไปด้วยความกังวลจริง ๆ ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ค่อยชอบคุณนายเหยา แต่ในตอนนี้ คุณนายเหยาดีกับหล่อนมากจริง ๆ หล่อนจึงเป็นกังวลมาก
ได้ยินว่าไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ไม่พบอะไร ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ เดี๋ยวฉันไปดูให้ค่ะ”
เธอไม่ชอบคุณนายเหยาเลย แต่สุดท้ายแล้วท่านก็ยังเป็นคุณยายของเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงต้องไปช่วยตรวจดูให้อยู่แล้ว
เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจมากเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ไปบ้านตระกูลเหยามาระยะหนึ่งแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้ทราบข่าวเรื่องที่คุณยายเป็นลม “ผมจะไปบอกกพ่อกับแม่ก่อนนะ”
“ตามพวกเราทำไมเหรอ?”
ในตอนนั้นเองเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็เข้ามาสบทบด้วย ตอนแรกพวกเขาแค่จะมาดูว่าลูกชายคนเล็กยังยืนรออยู่ข้างนอกอย่างซื่อบื้ออยู่อีกหรือเปล่า ไม่เคยเห็นเลยว่าหนุ่มสาวสองคนจะติดกันมากขนาดนี้ ตอนนี้กลับได้เห็นว่าลูกชายคนเล็กก็มีมุมนี้กับคนอื่นเขาเหมือนกัน ทำให้ได้ยินคำพูดของหลายคน นอกจากนี้ยังทราบด้วยว่ากำลังจะไปหาพวกเขา
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบอธิบายสถานการณ์ทันที หลังจากนั้นก็พูดว่า “พ่อครับแม่ครับ พวกเราไปดูที่โรงพยาบาลกันเถอะ”
“นี่…ทำไมเป็นแบบนี้ ได้ พวกเราไปดูกัน”
ถึงแม้ว่าความรู้สึกของเหยาจิ้งจือที่มีต่อแม่แท้ ๆ จะลดลงไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินว่าคุณนายเหยาเป็นลมล้มเข้าโรงพยาบาล หล่อนก็ยังเป็นห่วงอยู่นิดหน่อย
ซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “พวกเธอรีบไปกันเถอะ ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อนนะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนพาพวกฉินมู่หลานไปที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็เข้าไปที่ห้องพักผู้ป่วยของคุณนายเหยา
นายท่านเหยาเห็นพวกเขาทุกคนมา ก็อดพูดไม่ได้ “พวกลูกมากันแล้วเหรอ เข้ามานั่งก่อนเถอะ ตรวจแล้วไม่เจออะไรผิดปกติเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามทันที “พ่อคะ หล่อน…ทำไมอยู่ ๆ ถึงเป็นลมไปได้ ก่อนหน้านี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
นายท่านเหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลังจากครอบครัวลูกสาวแยกตัวออกไปอยู่กันเอง ความสัมพันธ์ของเขากับหญิงชราก็เริ่มเหินห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางกลับกันหลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “อาจจะไม่ ก่อนหน้านี้คุณยายอยากกินอยากดื่มดีมาก สุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง”
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า แล้วพูด “ขอหนูลองตรวจชีพจรดูหน่อยนะคะ”
ฉินมู่หลานนั่งลง แล้วตรวจชีพจรให้คุณนายเหยาอย่างระเอียด ก่อนที่สีหน้าจะดูแปลกไปนิดหน่อย
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน ร่างกายของคุณนายท่านมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
นายท่านเหยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็มองด้วยความประหม่าเช่นกัน
ฉินมู่หลานดึงมือกลับ พลางยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ร่างกายของคุณนายไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
“ไม่มีปัญหาอะไรจริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นทำไมอยู่ ๆ หล่อนเป็นลมไปกะทันหันอย่างนั้นล่ะ” สีหน้าของนายท่านเหยาเต็มไปด้วยความฉงน ได้แต่รู้สึกว่าฉินมู่หลานกำลังพูดให้พวกเขาสบายใจ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉินมู่หลานก็เอ่ยพูดอย่างมั่นใจ “ไม่มีปัญหาจริง ๆ ค่ะ คุณนายเป็นลมหมดสติไป เป็นเพราะการใช้ยานอนหลับเกินขนาดค่ะ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นลมหมสติไปอย่างกะทันหัน”
“อะไรนะ…ยานอนหลับอะไรกัน?”
ฉินมู่หลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “อาจเป็นเพราะช่วงกลางคืนคุณนายนอนไม่ค่อยหลับ จึงได้กินยานี้เข้าไปค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก หล่อนนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า มีเหตุผลอะไรให้ต้องใช้ยานอนหลับด้วย” ถึงอย่างไรนายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปีแล้ว จึงรู้จักนางดีในระดับหนึ่ง
หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเช่นกัน “ใช่ คุณนายสุขภาพดีตลอด ช่วงนี้ไมได้กินยานอนหลับอะไรนั่นหรอก”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็คิ้วขมวด ก่อนจะเอ่ย “เรื่องนั้นไม่สามารถทราบได้ค่ะ แต่จากการตรวจจับชีพจรมันแสดงผลว่าเป็นอย่างนั้น” จากนั้นเธอก็หยิบเข็มทองออกมา ขณะที่กำลังทำการฝังเข็มบนเรือนร่างของคุณนายเหยา ก็พบว่าคุณนายเหยาค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา
นายท่านเหยาเห็นคุณนายเหยาฟื้นขึ้นมา ก็รีบเอ่ยถามทันที “อวี่เจิน คุณร็สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
คุณนายเหยาส่ายหัว แล้วบอกกล่าว “ไม่นะ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยถามอีกครั้ง “คุณจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เป็นลมหมดสติไป ครั้งล่าสุดได้กินยานอนหลับไปหรือเปล่า?”
คุณนายเหยาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสับสน ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่นะ ไม่ได้กิน”
ในตอนนี้ ทุกคนต่างหันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ
ฉินมู่หลานยังยืนกรานความคิดของตัวเองแล้วพูดขึ้น “คงจะกินเข้าไปนั่นแหละค่ะ แต่ทำไมคุณนายถึงบอกว่าไม่ เรื่องนี้ก็ไม่ทราบ”
หลังจากคุณนายเหยาตื่นขึ้นมา ก็ได้แต่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเหมือนนอนมากเกินไป และคนอื่นก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เมื่อนางได้ยินคำพูดของฉินมู่หลานในตอนนี้ จึงหันมองไป แล้วพูดขึ้น “ฉันรู้ว่าตัวเองกินอะไรหรือไม่กินอะไรบ้าง แล้วแบบนี้ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
งั้นก็แสดงว่าต้องมีคนวางยา สงสัยยัยอดีตหลานสะใภ้ตัวดีก่อนเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)