ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 326 ติดตาม

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 326 ติดตาม

ตอนที่ 326 ติดตาม

หลังจากเริ่นม่านลี่กลับไปแล้ว เซี่ยอวี่หรงก็จ้องมองตามแผ่นหลังของหล่อนไป แววตาดำมืดขึ้น

ขอเพียงแค่เริ่นม่านลี่ทำสำเร็จในครั้งนี้ เช่นนั้นหล่อนก็จะรอดูว่าฉินมู่หลานจะจัดการกับเหตุการณ์ครั้งต่อไปอย่างไร หล่อนตั้งตารอเป็นอย่างมาก

อีกด้านหนึ่งทางฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะมีคนคอยวางแผนขัดขาเธอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอกำลังตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง แต่เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ กำลังดูฟุ้งซ่านนิดหน่อย เธอจึงเอ่ยถามหลังจากเลิกเรียน “เป็นอะไรไปปิงหรุ่ย ดูเธอเหม่อ ๆ นะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ถอนหายใจ ก่อนจะบอกกล่าว “น้องสาวฝาแฝดของฉันกำลังจะมาปักกิ่ง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “เธอมีน้องสาวฝาแฝดด้วยเหรอ ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย” แต่หลังจากพูดจบ เธอก็เอ่ยด้วยความสงสัยขึ้นอีกครั้ง “น้องสาวของเธออยากจะมาหา เธอไม่ดีใจเหรอ ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

“นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้จักนิสัยน้องสาวฉันไงล่ะ หล่อนหัวรั้นเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมฟังคำพูดของคนอื่นเลย ขอเพียงแค่เชื่อมั่นในทางตัวเอง แม้แต่วัวเก้าตัวก็ฉุดรั้งไมไหว ครั้งนี้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากมาหาฉันที่เมืองหลวง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนฉันได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยยังหัวเราะเยาะกันอยู่เลย”

เมื่อพูดถึงน้อสาวของตัวเอง เซี่ยปิงหรุ่ยก็ดูเหมือนจะมีเรื่องเล่าที่ไม่รู้จบ

และฉินมู่หลานก็ได้ข้อสรุปของเรื่องนี้ คือน้องสาวของเซี่ยปิงหรุ่ยมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก

“พวกเธอเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ไม่ว่าน้องสาวของเธอจะดื้อรั้นแค่ไหน แต่เธอเป็นพี่สาวก็ไม่ควรจะพูดว่าร้ายเธอนะ หลังจากหล่อนมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฉันจะเชิญพวกเธอสองพี่น้องมากินข้าวด้วย” เรื่องเกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ครั้งก่อน ต้องขอบคุณเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นฉินมู่หลานจึงอยากจะขอบคุณหล่อนให้ดี เมื่อได้ยินว่าครั้งนี้น้องสาวของเซี่ยปิงหรุ่ยจะมาด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสเชิญมาด้วยกันเลย

แต่ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็ฉุกคิดในใจขึ้นมาได้ ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เธอกับน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แสดงว่าครอบครัวของเธอมียีนฝาแฝดใช่ไหม?”

เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ใช่ บรรพบุรุษของพวกเราให้กำเนิดลูกแฝดเยอะมาก เพียงแต่ตั้งแต่รุ่นปู่ของฉันเป็นต้นมา ก็ไม่มีการคลอดลูกแฝดอีกแล้ว จนกระทั่งฉันกับน้องสาวได้คลอดออกมา สุดท้ายตระกูลของพวกเราก็ได้มีลูกแฝดกันอีกครั้ง”

พูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ถึงฉันกับน้องสาวจะเป็นแฝดกัน แต่ก็ยากที่จะพูดนะว่ารุ่นต่อไปจะเป็นลูกแฝดอีกหรือเปล่า”

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้

ไม่แปลกเลยที่ตัวเธอเองตั้งท้องลูกแฝดได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะยีนของตระกูลเซี่ย แต่เธอรู้สึกได้ว่าขนาดเธอที่เป็นสายเลือดของตระกูลเซี่ยที่แยกตัวออกมายังสามารถตั้งท้องลูกแฝดได้ เช่นนั้นแล้วตระกูลของทางเซี่ยปิงหรุ่ยก็คงไม่มีปัญหา “ต่อไปเธอกับน้องสาวต้องได้ลูกแฝดแน่นอน”

“ปิงหรุ่ย ถ้าน้องเธอมาแล้วบอกฉันด้วยนะ ฉันจะพาพวกเธอสองพี่น้องไปกินข้าว พวกเราจะได้พูดคุยกัน”

เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ปฏิเสธ แล้วพยักหน้าตามตรง

หลังจากเลิกเรียน ฉินมู่หลานก็เข้าไปที่โรงงานอีกครั้ง จากนั้นกลับบ้านพร้อมกับซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือ

“แม่คะ พวกแม่ก็อย่าหักโหมงานเกินไปนะ ถ้าฉันไม่เข้าไปที่นั่น พวกแม่ก็คงจะยังไม่ยอมกลับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ก็อดพูดไม่ได้ “เรายังเป็นหนี้ธุรกิจอยู่ เพราะฉะนั้นจะต้องเร่งรีบ แล้วยังมีออเดอร์สินค้าจากคุณวิลเลียมที่ต้องจัดส่งให้ตรงเวลาอีก พวกเราจะพักตอนนี้ไม่ได้หรอก”

เมื่อเห็นว่าแม่กับแม่สามีมีความมั่นใจคล่องแคล่วมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้ “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องลำบากพวกแม่แล้วค่ะ”

หลังจากทั้งสองกลับถึงบ้าน ก็พบว่าเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมากันแล้ว

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานก็รีบก้าวตรงไปข้างหน้าทันที ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลานคุณกลับมาแล้ว วันนี้เรียนเหนื่อยไหม”

ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วบอกกล่าว “ไม่เหนื่อย”

คนในครอบครัวเห็นทั้งสองคนมีท่าทางแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดกันที่เซี่ยเจ๋อหลี่ดูจะติดหนึบขนาดนี้ มองไม่ออกเลยจริง ๆ

ในตอนนั้นเองลุงเจี่ยงก็เข้ามาขัดจังหวะ เรียกให้พวกเขาไปกินข้าว

ทุกคนต่างไปรวมตัวที่ห้องอาหาร แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มกิน หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มาหา

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสะใภ้คนโต จึงรีบเอ่ยถามทันที “เสวี่ยเยี่ยน เธอมาทำไมเหรอ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นแม่สามีดูเป็นกังวล จึงรีบบอกกล่าว “แม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ” หลังจากพูดจบ เธอก็บอกจุดประสงค์ของการมาที่นี่ให้ทราบโดยตรง “ฉันมาหาเพราะมีเรื่องจะคุยกับมู่หลานค่ะ พรุ่งนี้เริ่นม่านลี่ชวนคุณนายท่านออกไปกินข้าว ไม่รู้ว่าเริ่นม่านลี่จะสร้างปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็เลยจะมาพูดคุยกับทุกคนค่ะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ค่ะ พวกเรารู้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปดูหน่อย”

พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ สามารถไปจับตาดูได้

แต่เหยาจิ้งจือก็อดพูดไม่ได้ “คุณนายเพิ่งโดนส่งตัวเข้าโรงพยาบาลไป ยังไม่นานเลย นี่จะออกไปหาเริ่นม่านลี่อีกแล้วเหรอ นี่ท่านคิดอะไรอยู่นะ เริ่นม่านลี่นั่นมีอะไรดีกัน”

“หรือว่า…อยากให้เริ่นม่านลี่กลับมาแต่งกับเหยาอี้หนิงอีกครั้งเหรอ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนอยู่กับคุณนายเหยามานานแล้ว จึงได้รับรู้ความคิดบางอย่างของคุณนายด้วย ว่าตอนนี้นางกำลังหวังว่าเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่จะกลับมาแต่งงานกันใหม่อีกครั้ง เพียงแต่เหยาอี้หนิงไม่ได้อยู่เมืองหลวงแล้ว เริ่นม่านลี่ก็ไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณนายท่านคิดจะทำอะไรเพียงลำพัง

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัว หลังจากนั้นก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปดูด้วย”

“แม่คะ พรุ่งนี้ให้ฉันไปก็พอแล้วค่ะ ถ้าไปกันเยอะจะโดนจับสังเกตได้ง่าย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล จึงไม่คัดค้านอะไร “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันไม่ไปแล้วกัน”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ออกไปตอนประมาณเก้าโมง แล้วมาพบกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนก่อน จากนั้นก็ตรงไปยังโรงแรมที่คุณนายเหยากับเริ่นม่านลี่นัดหมายกันเอาไว้

“ที่นี่ใช่ไหม พวกเรานั่งหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนั้น จึงพยักหน้าตามตรง จากนั้นก็เริ่มมองดูเมนูอย่างละเอียด ก่อนจะสั่งอาหารพิเศษสองสามอย่าง

ฉินมู่หลานก็สั่งของโปรดตัวเองมาสองจานเช่นกัน หลังจากอาหารมาเสิร์ฟแล้ว ก็เริ่มกินพร้อมกับหลี่เสวี่ยเยี่ยน แต่พอกินไปได้เพียงครึ่งเดียว เธอก็รู้สึกได้ว่ากำลังมีคนจ้องมองตัวเอง เธอจึงหันไปมองทันที ก่อนจะพบกับนายท่านเหยาที่พาคนมานั่งด้วยอีกสองคน

เมื่อเห็นนายท่านเหยา ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นายท่านเหยาก็เหมือนกับพวกเธอเลย ปลอมตัวมากันหมด หากไม่ตั้งใจมองจริงๆ แล้ว ก็คงจำกันไม่ได้เลย ระหว่างที่เธอกำลังคิดว่าจะเข้าไปทักทายนายท่านเหยาดีไหม ก็พบว่าคุณนายเหยากับเริ่นม่านลี่เข้ามาแล้ว จึงรีบหันหน้ากลับไปแล้วเริ่มกินอาหารต่อ ประหนึ่งคนกำลังหิวโหย

หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เห็นพวกคุณนายเหยากับเริ่นม่านลี่เช่นกัน ดังนั้นจึงเรียนรู้จากฉินมู่หลาน ก้มหน้าก้มตากินต่อ

ส่วนคุณนายเหยากับเริ่นม่านลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ได้ทันสังเกตเห็นความผิดปกติเลย ทั้งสองจึงเดินตรงไปที่โต๊ะแล้วนั่งลงทันที

“คุณย่าคะ ฉันเห็นว่าผิวพรรณของคุณย่าดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย ล่าสุดได้กินอาหารเสริมตัวไหนมาเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปลอมตัวมาสืบกันใหญ่เลย คราวนี้รอดยากแล้วแหละยัยม่านลี่ เพราะนายท่านเหยามาเล่นด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน