ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 328 รับผลที่ตามมา

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 328 รับผลที่ตามมา

ตอนที่ 328 รับผลที่ตามมา

ชายคนนั้นโดนฉินมู่หลานตะโกนใส่ จึงเคลื่อนไหวทันที และรีบไปขับรถทันที

สีหน้าของนายท่านเหยาพลันมืดมน หากเมื่อสักครู่พวกเขาไม่ได้ห้ามไว้ แล้วคุณนายเหยาเป็นคนดื่มซุปชามนั้น คนที่ลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในตอนนี้ก็คงจะเป็นคุณนายเหยา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นายท่านเหยาก็หันไปมองแล้วพูดกับคุณนายเหยา “นี่คือคนที่คุณอยากจะเจอหน้ามากที่สุดไง ดูสิ่งที่หล่อนทำสิ ถ้าพวกเราไม่ขัดขวางเอาไว้ ป่านนี้คงไม่รู้ว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”

“ฉัน…”

คุณนายเหยาก็ตกใจไปสักพักหนึ่ง ขณะเดียวกันก็อดเสียใจไม่ได้ “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเริ่นม่านลี่จะชั่วร้ายขนาดนี้ ฉ…ฉันนึกไม่ถึงเลย” แต่หลังจากพูดจบ นางก็อดหันมองเริ่นม่านลี่ที่ล้มกองอยู่กับพื้นเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “หล่อน…หล่อนยังมีชีวิตอยู่ไหม?”

ท่าทางของเริ่นม่านลี่เมื่อสักครู่ดูค่อนข้างน่ากลัวมาก ล้มลงไปกับพื้นตรง ๆ อย่างนั้น ดูแล้วเหมือนคนกำลังจะสิ้นใจ

ฉินมู่หลานหันกลับมามองคุณนายเหยาก่อนจะเอ่ย “ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ แต่หลังจากนี้ไปจะรอดไหม ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตหล่อน”

“นี่…หล่อนกินยาอะไรไปเหรอ?”

“ยาพิษรุนแรงมากค่ะ”

หากเธอไม่ได้ทำการฝังเข็มให้ได้ทันเวลา ป่านนี้เริ่นม่านลี่คงไม่หายใจแล้ว

ก่อนหน้านี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลัวแทบตาย เดิมทีพวกเธอรู้สึกเพียงอยากจะจิกเปียเริ่นม่านลี่ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะโหดร้ายขนาดนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองน่าสงสัย จึงยอมกลืนพิษลงไปเสียเอง หล่อนรู้บ้างไหมว่าทำแบบนี้จะทำให้ตัวเองตายได้

ขณะนั้นเอง รถก็มาถึงเรียบร้อยแล้ว หลายคนต่างเร่งรีบพาเริ่นม่านลี่ไปส่งโรงพยาบาล

เฝ้ามองเริ่นม่านลี่โดนเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ทุกคนก็ได้แต่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานอย่างเสียอดไม่ได้ “มู๋หลาน เริ่นม่านลี่เขา…เขาจะไม่ตายใช่ไหม?”

“ไม่รู้สิ”

ฉินมู่หลานก็ไม่สามารถบอกได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนช่วยชีวิตของเริ่นม่านลี่เอาไว้ แต่หากนำพิษออกได้ไม่ทันเวลา เริ่นม่านลี่ก็อาจจะตายจริง และถึงแม้ว่าจะไม่ตาย แต่ก็คงมีชีวิตที่ยากลำบากไปตลอดชีวิต

ฉินมู่หลานกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนพูดคุยกันอยู่เป็นครั้งคราว อีกด้านหนึ่งตรงนั้นคุณนายเหยาก็ขยับเข้าไปใกล้นายนายท่านเหยาโดยไม่รู้ตัว “พ่อเฒ่า ฉ…ฉันหน้ามืดตามัว เชื่อว่าเริ่นม่านลี่พูดจริง จนเกือบโดนหล่อนฆ่าไปแล้ว หล่อนเป็นคนเลวทรามมาก เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ฉันจะไม่คบค้ากับหล่อนอีก”

“เหอะ…ก็ไม่รู้นะว่าจะมีโอกาสนั้นอยู่หรือเปล่า จะช่วยชีวิตเริ่นม่านลี่ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเหยาก็ถึงกับชะงัก อยู่ ๆ ก็พูดอะไรไม่ออก แต่นางก็ทราบว่านั่นเป็นความจริง พลางคิดไปถึงว่าหากเป็นตัวเองที่นอนอยู่ตรงหน้านั้น ภายในใจของนางก็รู้สึกเกลียดชังเริ่นม่านลี่ไปเสียหมด

“พ่อเฒ่า เริ่นม่านลี่เป็นคนตระกูลเริ่น พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องรออยู่ตรงนี้หรอก กลับกันเลยก็ได้”

นายท่านเหยาเหลือบมองคุณนายเหยาก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณไม่อยากลองถามเหรอ ว่าทำไมเริ่นม่านลี่ถึงทำแบบนี้”

“จะเป็นเรื่องอะไรไปได้อีกเล่า ก็คงไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้พวกเราไล่พวกเขาออกไปไง”

นายท่านเหยารู้สึกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น

“หากเริ่นม่านลี่คับแค้นใจเรื่องนี้จริง ก็คงทำมาตั้งนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้แล้วค่อยลงมือล่ะ”

คุณนายเหยาพูดตามความรู้สึกจริง “ก่อนหน้านี้หล่อนคงไม่กล้า ก็เลยไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้พร้อมแล้ว ก็เลยลงมือกับฉัน”

“ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่มีโอกาสวางยาคุณ ทำไมถึงวางแค่ยานอนหลับ แต่ไม่ได้วางยาพิษที่เป็นอันตรายให้กับคุณล่ะ เพราะฉะนั้นต้องมีเรื่องอะไรที่เราไม่รู้แน่นอน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเหยาก็เงียบลง

ใช่แล้ว หากเริ่นม่านลี่เคยกินยานี้มาก่อนตามที่บอกจริง ก่อนหน้าหล่อนคงจับสังเกตไม่ได้ จึงไม่คิดสงสัย ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็สามารถที่จะกลืนยานั้นลงไปได้โดยไม่ลังเล “ใช่ พวกเรามารอกันก่อนเถอะ”

แต่เมื่อคุณนายเหยาพูดแบบนี้ นายท่านเหยาก็ส่งคนไปแจ้งทางตระกูลเริ่นด้วย

เริ่นม่านลี่เป็นคนตระกูลเริ่น ตอนนี้หล่อนทำเรื่องแบบนี้ เขาจึงอยากถามทางฝั่งตระกูลเริ่นอย่างถี่ถ้วน ว่าพวกเขาคิดจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

ไฟในห้องผ่าตัดเปิดตลอดเวลา ฉินมู่หลานกับคนอื่นรอนานมากแล้ว แต่พวกหมอก็ยังไม่ออกมาเลย แต่แล้วคุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นก็มาถึงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ข้องเกี่ยวเป็นบ้านสะใภ้ สองสามีภรรยาตระกูลเริ่นจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับนายท่านเหยาและคุณนายเหยาเป็นอย่างดี เมื่อเห็นพวกเขา จึงรีบเอ่ยถาม “คุณท่าน คุณนาย เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ม่านลี่ถึงโดนวางยาได้”

นายท่านเหยาเห็นว่าคุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นดูท่าทางสับสน จึงอดหันมองพวกเขาด้วยแววตาสงสัยพลางพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “พวกคุณไม่ทราบจริงเหรอครับว่าเริ่นม่านลี่ทำอะไร?”

“ท…ทำอะไร?”

คุณท่านเริ่นเห็นท่าทางของนายท่านเหยาเป็นแบบนี้ จึงรู้สึกได้ว่าลูกสาวคนเล็กอาจไปทำอะไรผิดมา

แต่เมื่อเห็นท่าทางของคุณท่านเริ่น จึงสามารถเชื่อได้ว่าทั้งสองไม่ทราบเรื่องที่เริ่นม่านลี่ทำในวันนี้ เขาจึงเอ่ยเล่าสภานการณ์ก่อหน้าอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ลูกสาวของพวกคุณคิดจะฆ่าคน ถึงแม้ว่าต่อมาหล่อนจะได้รับผลที่ตามมาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าหล่อนต้องการจะฆ่าคนได้หรอกนะ”

“อะไรนะ…เป็นไปไม่ได้…”

คุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นได้แต่รู้สึกไม่อยากเชื่อ “เริ่นม่านลี่ไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

นายท่านเหยาแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ย “ไม่ทำอะไรกัน ตอนนี้หล่อนก็นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว นั่นเป็นหลักฐานชัดเจนที่สุดเลย”

คุณนายเริ่นได้ยินคำพูดนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “คุณท่าน คุณอย่าเพิ่งพูดอะไรแบบนี้เลยดีกว่าค่ะ หากว่าเป็นพวกคุณ…”

แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ หล่อนก็โดนคุณท่านเริ่นขัดจังหวะเสียก่อน เขาจ้องมองคุณนายเริ่นด้วยแววตาดุ จากนั้นก็รีบหันไปมองแล้วเอ่ยบอกนายท่านเหยา “นายท่าน เรื่องนี้พวกเราจะตรวจสอบให้แน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือรอให้ม่านลี่ออกมาก่อน หลังจากหล่อนออกมาแล้ว ก็จะได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราจะรอก่อน”

นายท่านเหยามีเวลาเหลือเฟือ เขาอยากจะเห็นนักว่าหลังจากนี้เริ่นม่านลี่จะพูดอะไร

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก สุดท้ายก็มีหมอเดินออกมา

“หมอ ตอนนี้คนไข้อาการเป็นยังไงบ้าง?” คุณนายเริ่นเห็นแบบนี้ ก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที ตอนแรกพวกเขาไม่ใส่ใจลูกสาวคนเล็กเลยหลังจากที่เธอหย่าร้างมา แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับหล่อน ก็ยังเป็นห่วงอยู่ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตน

แล้วก็ได้แต่เห็นหมอคนนั้นส่ายหัวด้วยความเสียใจ ก่อนจะบอกกล่าว “พวกเราทำอย่างสุดความสามารถแล้ว…”

“อะไรกัน…เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

หมอยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนคุณนายเริ่นขัดขึ้นก่อน สีหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

หมอคนนั้นเห็นว่าคุณนายเริ่นเริ่มร้องห่มร้องไห้ จึงรีบบอกกล่าวทันที “คนไข้ยังหายใจอยู่ครับ อย่าเพิ่งร้อง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเริ่นก็หยุดร้องทันที แต่หล่อนก็จ้องมองหมอด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นคุณจะพูดจาให้เข้าใจผิดทำไม”

“ญาติคนไข้ท่านนี้ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ คุณร้องไห้ออกมาก่อนเอง”

“แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าทำอย่างสุดความสามารถแล้ว”

หมอคนนั้นถอนหายใจ แล้วพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าคนไข้จะยังมีลมหายใจอยู่ แต่มันก็ยากที่จะพูดได้ว่าหล่อนจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า”

“นี่…ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาเหรอ?”

“เรื่องนั้นคงขึ้นกับโชคชะตาแล้วครับ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นอนเป็นผักไปอีกคนแล้ว ทีนี้จะสืบหาต้นตอคนบงการจากทางไหนดี

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท