ตอนที่ 332 ไม่ควรอยู่ที่นี่(2)
ตอนที่ 332 ไม่ควรอยู่ที่นี่(2)
ซูหว่านอี๋ก็ก้าวเดินไปหาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณนายคะ เห็นว่าสบายดีก็ดีแล้วค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อันตรายมากเลย โชคดีที่สุดท้ายไม่ได้รับอันตราย วันนี้พวกเราพาเด็ก ๆ สองคนมาด้วยนะคะ คุณนายรีบไปดูพวกเขาเถอะค่ะ ตอนนี้โตขึ้นกันแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเหยาก็หาหนทางไปต่อได้สำเร็จ ก่อนจะรีบเข้าไปดูชิงชิงกับเฉินเฉิน
ตอนแรกนางชอบเด็กสองคนนี้ เมื่อได้พบพวกเขาตอนนี้ จึงรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น “ชิงชิง เฉินเฉิน นี่ทวดเองนะ”
เด็กทั้งสองก็ไม่ได้มีท่าทางขัดขืน เมื่อเห็นคุณนายเหยา ก็เริ่มเปิดปากแล้วส่งยิ้ม
คุณนายเหยาเห็นท่าทางของเด็กทั้งสองเป็นแบบนี้ก็รู้สึกดีขึ้นในทันที สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อดจับมือน้อย ๆ ของพวกเขาเสียไม่ได้ แล้วเริ่มเล่นกับด็กทั้งสอง
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้ ก็อดถอนหายใจไม่ได้ บรรยากาศดูผ่อนคลายลงแล้ว
หลี่เสวี่ยเยี่ยนสบโอกาส จึงดึงฉินมู่หลานไปแล้วพูดกระซิบด้วย
“มู่หลาน ก็ไม่รู้นะว่าฉันเข้าใจผิดไปหรือเปล่า แต่เมื่อเช้าตอนฉันออกจากบ้าน เหมือนจะเห็นเหยาอี้หนิงด้วย อยู่ใกล้ ๆ บ้านเก่าเลย ฉันรู้สึกว่าเป็นไปได้มากที่เขาจะมาหาคุณนาย แต่ว่าพอฉันเผลอแปปเดียว เขาก็หายไปแล้ว ก็เลยไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็มีสีหน้าจริงจัง
“พี่สะใภ้คะ พี่เห็นเขาตอนไหน?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแบบนี้ก็รีบบอกกล่าวทันที “ก่อนที่พวกเธอจะมา”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็เอ่ยพึมพำ ก่อนจะกล่าว “วันนี้ตอนเช้าฉันก็เหมือนจะเห็นเขาค่ะ”
ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล ฉินมู่หลานมองเห็นคนคุ้นตา เธอจึงแอบคิดว่าเป็นเหยาอี้หนิง แต่ตอนกำลังไล่ตามไป เธอกลับเห็นเพียงแผ่นหลังของคนผู้นั้นกำลังเดินลงไปข้างล่าง ตอนนี้เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงนึกถึงสิ่งที่เธอเห็นกับสิ่งที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็น แสดงว่าบุคคลนั้นต้องเป็นเหยาอี้หนิง แต่เรื่องมันจะบังเอิญเช่นนี้เลยหรือ เธอเห็นคนที่เหมือนเหยาอี้หนิง หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เห็นเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคนผู้นั้นจะต้องเป็นเหยาอี้หนิงอย่างแน่นอน
และเมื่อหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ…เธอก็เห็นเหมือนกันเหรอ ตอนที่พวกเธอกำลังมากันใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ใช่ค่ะ ฉันเห็นเหยาอี้หนิงตอนอยู่ที่โรงพยาบาล สงสัยว่าเขาจะไปหาเริ่นม่านลี่”
“โรงพยาบาล? มู่หลาน เมื่อเช้าเธอไปโรงพยาบาลมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันไปดูว่าเริ่นม่านลี่เป็นยังไงบ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงนึกสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมน้องสะใภ้จะต้องไปดูเริ่นม่านลี่ แต่ก็ไม่ได้ถามมากนัก เพราะทราบว่าน้องสะใภ้คงมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเหยาอี้หนิงนั่นแหละ แต่เขาไปอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาที่ปักกิ่งอีก หรือว่าเขาลางานอีกแล้ว?”
“เรื่องนี้ไม่รู้ค่ะ เพราะเริ่นม่านลี่เพิ่งเป็นอะไรไปเมื่อวานนี้เอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาเพราะเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเขาออาจจะบังเอิญกลับมาที่ปักกิ่งพอดีค่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงกล่าวว่า “มู่หลาน เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะคอยจับตาดูคุณนายเอาไว้อย่างดี ไม่ให้ท่านออกไปพบเหยาอี้หนิงอีก เพราะสิ่งที่เริ่นม่านลี่ทำนี้ ใครจะไปรู้ว่าเหยาอี้หนิงจะคิดทำอะไรขึ้นมาอีก พวกเขาสองคนช่างเป็นตัวอันตรายเสียจริง”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝั่งนี้ต้องรบกวนพี่สะใภ้คอยดูแลให้มากกว่านี้หน่อยแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รีบเอ่ยทันที “มู่หลาน เธอพูดอะไรเนี่ย นี่เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว”
หลังจากทั้งสองพูดคุยกับจบแล้ว ฉินมู่หลานก็เดินมาด้านหน้าอีกครั้ง หลายคนกินข้าวกลางวันที่บ้านตระกูลเหยาก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับ
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือยังนึกถึงเรื่องที่โรงงาน หลังจากกลับถึงบ้านจึงจัดของแบบลวก ๆ แล้วไปทำงาน ส่วนฉินมู่หลานเพียงแค่พักผ่อนในช่วงบ่าย แล้ววางแผนจะใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ทั้งสอง
จนกระทั้งเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาช่วงเย็น ฉินมู่หลานจึงเล่าเรื่องเหยาอี้หนิงให้เขาฟัง
“อะไรนะ…จริง ๆ แล้วเหยาอี้หนิงอยู่ที่ปักกิ่งเหรอ”
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ดูแปลกใจ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยถามด้วยความสังสัยนิดหน่อย “ทำไมเหรอ เหยาอี้หนิงมาเมืองหลวงมันแปลกเหรอ?”
“ใช่ เขาไม่ควรจะมาอยู่ที่เมืองหลวงสิ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ดูมีสีหน้ายับยู่ เท่าที่เขาทราบ เหยาอี้หนิงควรจะออกไปทำภารกิจแล้ว ในเวลานี้เขาไม่ควรปรากฎตัวที่เมืองหลวงเลย
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดพวกนี้ จึงอดพูดไม่ได้ “บางทีภารกิจของเหยาอี้หนิงอาจจะอยู่ที่เมืองหลวงก็ได้”
“เป็นไปไม่ได้”
เซี่ยเจ๋อหลี่อธิบายรายละเอียด “ภารกิจของเหยาอี้หนิงครั้งนี้คือไปที่ตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ใช่ที่ปักกิ่ง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยขึ้นเสียไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นทำไมเหยาอี้หนิงถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?”
หลังพูดจบ ทั้งสองก็มองหน้ากัน แววตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบเสียหน่อยแล้ว” เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียหน่อย เพราะเหยาอี้หนิงได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เขาจึงไม่ควรละเลยหน้าที่ของตัวเอง เขามาเมืองหลวงด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่
หลังจากทั้งสองคุยกันเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปข้างนอก เขาต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อย
ฉินมู๋หลานเข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เช้าเธอต้องไปมหาวิทยาลัย
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งน้องชายก็ออกไปตั้งแต่เช้า
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานมาเข้าห้องเรียนแล้ว จึงรีบโบกมือให้เธอทันที หลังจากฉินมู่หลานนั่งลง ก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง?”
“กินแล้ว”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยถามกลับทันที “จริงสิปิงหรุ่ย น้องสาวเธอมาปักกิ่งหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ค่อยดีนัก “ยังเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “น้องสาวเธอไม่ได้ตรงมาที่เมืองหลวงเลยหรอกเหรอ?”
“ใช่แล้ว หล่อนเริ่มออกเดินทางจากบ้าน ตะลอนไปทั่ว ใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะมาถึงปักกิ่งตอนไหน”
“ดูเหมือนว่าน้องสาวเธอจะเป็นคนชอบเที่ยวเดินทางนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยถอนหายใจ แล้วเอ่ยขึ้น “เมื่อก่อนหล่อนดูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนั้น แต่น้องสาวฉันชอบทำสิ่งที่คนอื่นคาดไม่ถึงตลอดแหละ ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหล่อนหรอก”
ทั้งสองยังพูดคุยกันได้ไม่เท่าใด การเรียนการสอนก็เริ่มแล้ว หลังจากนั้นทั้งวัน ฉินมู่หลานก็ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ แต่หลังจากเลิกเรียนแล้วกลับมาบ้านช่วงเย็น ก็ได้ยินลุงเจี่ยงบอกว่าคืนนี้เซี่ยเจ๋อหลี่กับเจี่ยงสือเหิงจะไม่กลับบ้านอีกแล้ว
“ลุงเจี่ยงคะ พ่อบุญธรรมกับอาหลี่งานยุ่งอีกแล้วเหรอคะ?”
ลุงเจี่ยงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ครับ นายน้อยให้คนมาบอก เห็นว่าจะยุ่งไปอีกสองสามวันเลยครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วไม่เอ่ยถามอะไรมากมาย
เพียงแต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ ยังไม่ถึงสองวัน ก็มีข่าวลือว่าพ่อบุญธรรมของเธอได้หายตัวไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องราวเริ่มซับซ้อน คนที่มู่หลานเห็นจะเป็นอี้หนิงจริงหรือเปล่านะ ถ้าใช่จริงแล้วจะเข้ามาปักกิ่งทำไม
เกิดอะไรขึ้นกับพ่อบุญธรรมอีกแล้วเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
…………………………………………