ยอดเขาภูเขาเซียนถาย มีรถบัสคันใหญ่สองคันจอดอยู่ กับรถยนต์อีกห้าคัน รถพวกนี้เป็นรถของคนที่ฉู่จงเทียนพามา
ลูกน้องนับร้อยของฉู่จงเทียนคนที่รบเก่งที่สุด ยังมีสิบกว่าคนที่พกอาวุธ และนี่ก็เป็นพลังที่เข้มแข็งที่สุดที่ฉู่จงเทียนมี
แต่ว่าฉู่จงเทียนเข้าใจดี ลำพังแค่กำลังของลูกน้องพวกนี้ไม่พอหรอก
ช่วงเวลาที่อยู่กับทอมป์สันและแคลตี้ ทำให้ฉู่จงเทียนเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างลูกน้องตนเองกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างลึกซึ้ง
ไม่พูดถึงฝึมืออะไร แค่ฝีมือยิงปืนฝ่ายตรงข้าม ก็มากพอที่จะทำให้ฉู่จงเทียนปวดเศียรเวียนเกล้าได้แล้ว
เห็นรถเบนซ์ค่อยๆจอดลง ฉู่จงเทียนจึงรีบรุดหน้า เปิดประตูรถ
“คุณหลี่”
ฉู่จงเทียนพูดอย่างเคารพนบนอบ
“อืม ไอ้ฉู่ เมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แผนการคืนนี้ต้องเปลี่ยนหน่อยนะ”
หลี่โม่ลงรถพลางพูด
ในใจฉู่จงเทียนเกร็งไปหมด ใจร้อนลน พูดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น”
“ศัตรูของผมมันตามมา เดี๋ยวน่าจะมีการปะทะกันขึ้น คิดว่าน่าจะยืมมือคนของทอมป์สันได้ ฆ่าพวกตัวปัญหาทิ้งให้หมด”
ฉู่จงเทียนปรับใจให้นิ่ง ยิ้มแล้วพูด“ฟังคำสั่งของคุณหลี่”
“คนๆนั้นล่าถอยไปแล้ว เหลือไว้เฉพาะคนที่มีอาวุธก็พอ รอเดี๋ยว ผมอยู่บนรถ คุณรับผิดชอบแลกเปลี่ยนกับฝ่ายนั้นแล้วกัน ผมว่าหลังจากพวกคุณแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วคงมีการปะทะต่อสู้ ถึงเวลานั้นก็แค่ขึ้นรถแล้วล่าถอยก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่ง”
หลังจากที่หลี่โม่กำชับเรียบร้อย ฉู่จงเทียนก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก และรีบกำชับลูกน้องต่อ และทำตามคำสั่งของหลี่โม่
รถบัสสองคันขับพุ่งทะยานออกไป ทิ้งไว้แต่มือปืนไม่กี่สิบคนนั้น
หลี่โม่พาเฉินเสี่ยวถงกับคางเหวินซิงขึ้นรถเก๋ง แล้วทิ้งรถเบนซ์ไว้ให้ลูกน้องฉู่จงเทียน
ฉู่จงเทียนนำลูกน้องสิบกว่าคนยืนอยู่ข้างรถ รอการมาเยือนของพวกทอมป์สันอย่างเงียบๆ
……
ศิษย์พี่ใหญ่พาลูกศิษย์มาอยู่ที่ด้านหลังภูเขาเซียนถาย
“ตามรายงานสถานการณ์ พวกเขาทำการแลกเปลี่ยนกันที่ยอดเขา เพื่อที่จะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเราต้องปีนขึ้นจากทางหลังเขา”
“ภูเขานี้ก็ไม่เตี้ยนะ ปีนลำบากมากเลย”
ลูกศิษย์คนหนึ่งบ่นขึ้น
ผัวะ!
ศิษย์พี่ใหญ่ตบบ้องหูลูกศิษย์คนที่บ่นเข้าอย่างจัง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“อย่ามาพูดอะไรขัดหูตรงนี้ แค่ปีนเขา สำหรับคนที่ฝึกวิทยายุทธ์อย่างพวกเรา นับประสาอะไร”
บรรดาศิษย์น้องต่างไม่พูดไม่จา ต่างก็หวาดเกรงกับบารมีศิษย์พี่ใหญ่
ศิษย์พี่ใหญ่กวาดตามองไปรอบๆศิษย์น้อง พูดอย่างเย็นชา“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแผนการแก้แค้นให้อาจารย์ ฉันไม่อยากให้แผนการผิดพลาด คนที่ไม่อยากร่วม ตอนนี้ไสหัวไปได้”
ผ่านไปกว่าครึ่งนาที เห็นว่าไม่มีใครแสดงออกว่าจะถอย ศิษย์พี่ใหญ่จึงอบรมต่อ
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ พูดได้ว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทุกคน แล้วทำไมเราจะกู้หน้าให้อาจารย์ไม่ได้เล่า ต่อไปพวกแกส่วนมาก แม้แต่ข้าวก็จะไม่มีกิน ฉันเลยคาดหวังว่าให้พวกแกเต็มที่!”
“พวกเราจะร่วมใจเต็มที่!”
ศิษย์น้องขานรับพร้อมเพรียงกัน
“หึ!ไอ้เซ่อเอ๊ย อย่าหนีหน้าไปไหนนะ นับแต่ตอนนี้ ทุกคนต้องฟังฉัน!”
“ต้องฟังศิษย์พี่ใหญ่!”ศิษย์น้องต่างพร้อมเพรียง
“ตอนนี้เริ่มขึ้นเขา ทุกคนต่างระวังการซ่อนเร้น ไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้ อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ ต้องรอให้พวกเขาแลกเปลี่ยนเสร็จก่อน ต้องรอให้ผ่อนคลายก่อนถึงดำเนินการได้ เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะใช้สัญญาณของสำนักในการออกคำสั่ง!”
“รับทราบ!”
ศิษย์พี่โบกมือ พาบรรดาศิษย์น้องขึ้นภูเขาเซียนถาย ปีนจากทางด้านหลังที่ไร้หนทาง
……
เครื่องบินโบอิ้งรุ่นล่าสุด กำลังร่อนจอดลงบนรันเวย์สนามบิน
ก็คือสนามบินที่ดักจับทอมป์สันไว้คราวที่แล้ว
หลังจากที่เครื่องบินร่อนลงอย่างราบเรียบ รถรับเครื่องได้แล่นเข้ามาในสนามบิน จอดอยู่ตรงหน้าเครื่องบินโบอิ้ง
ลอดรูว์กับฉู่ฟางเฉิงลงจากเครื่องบินก่อน สมาชิกหน่วยรบที่สิบเอ็ด จึงทยอยลงตามกันมา
เมื่อเห็นกลิ่นอายสังหารจากหน่วยรบที่สิบเอ็ด พนักงานสนามบินต่างใจระส่ำกันทั่ว
ลอดรูว์เปิดประตูรถลินคอร์น ยิ้มให้ฉู่ฟางเฉิงแล้วพูด“เจ้าหนุ่ม รีบขึ้นรถสิ เดี๋ยวก็ได้เจอพ่อแล้ว”
“จริงเหรอ งั้นก็ดีสิ”
ฉู่ฟางเฉิงก้มหน้า มุดเข้าไปในรถ
ตลอดทางฉู่ฟางเฉิงไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงได้แต่นั่งขดอยู่บนเก้าอี้ ไม่กล้าแม้แต่จะสอดส่องสายตา เกรงว่าจะทำให้เหล่านักรบทั้งหลายเดือดดาล
เมื่อมีนักรบเหล่านั้น ทำให้ฉู่ฟางเฉิงใจไม่สงบ มักจะเกรงว่าถ้าพูดไม่ชัดเจนจะเกิดเรื่องเสมอ
ลอดรูว์เข้าไปนั่งในรถ มองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ดูเสร็จก็ยักคิ้วสูง
“แย่แล้ว!ผมลืมความต่างเวลา ตายแล้ว ตอนนี้กี่โมง”
“ตอนนี้เวลาท้องถิ่นคือเจ็ดโมงสิบห้าครับ”
คนขับรถรีบตอบ
“งั้นคงไม่ทันแล้วล่ะ รีบออกรถเถอะ ไปภูเขาเซียนถาย!”
ลอดรูว์พูดเสียงสูง
รถค่อยๆเคลื่อนออก ไม่นานก็ออกจากสนามบิน มุ่งตรงไปยังภูเขาเซียนถาย
ครึ่งชั่วโมงหลัง รถของลอดรูว์ก็มาถึงยอดเขาภูเขาเซียนถาย
เห็นรถเก๋งห้าคันจอดอยู่ รวมถึงเห็นฉู่จงเทียนกับลูกน้องที่อยู่ข้างรถ ลอดรูว์ก็เผยยิ้มออกมา
“พ่อ!”
ฉู่ฟางเฉิงอุทานออกมาเบาๆ จากนั้นจึงมองฉู่จงเทียนอย่างตื่นเต้น
มือใหญ่ของลอดรูว์กดบ่าฉู่ฟางเฉิง“เจ้าหนูอย่าตื่นเต้นไป ยังไม่ถึงเวลาของเรา”
“นัดไว้กี่โมงครับ ผมจะกลับไปกับพ่อได้เมื่อไหร่”
“ใกล้แล้วล่ะ อีกสิบกว่านาที”
พูดจบลอดรูว์จึงเปิดระบบ“ฮัลโหล หัวหน้าวอลเลซ คุณสามารถนำทีมคุณดำเนินการได้แล้ว ผมอยากให้คุณรับประกันความปลอดภัยของการแลกตัวคนของกลุ่มเรา”
“ไม่มีปัญหา ทุกอย่างมอบหมายให้ผมเถอะ พวกเรามืออาชีพที่สุดแล้ว”
วอลเลซส่งสัญญาณมือให้ฝ่ายตรงข้าม หน่วยรบที่สิบเอ็ดต่างทยอยลงรถ อยู่ล้อมรอบภูมิทัศน์ ทำให้เกิดเป็นปะทุไฟ
ในหน่วยรบที่สิบเอ็ด ถึงขนาดมีนักรบสองนายขึ้นไปจู่โจมบนยอดเขาสูงสุด แล้ววางหมากล้อมหน้าเขาหลังเขาไว้
เมื่อเห็นหน่วยรบสิบเอ็ดผู้เฉียบคม ฉู่จงเทียนกับพวกถึงถอนหายใจออกมา
“แครก เด็กดีของฉัน พวกหน่วยรบต่างประเทศนี่ก็เชี่ยวชาญเกินไปแล้วมั้ง ฉันว่าน่าจะเป็นแค่ทหารรับใช้มากกว่า”
“ไม่แน่ว่าอาจจะดุดันกว่าทหารรับใช้ก็ได้ ฉันเห็นว่าพวกนี้มีความเฉียบคมในความเฉียบคม”
“สวรรค์ ทำไมรู้สึกใจสั่นแบบนี้ พวกนี้ทำให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย”
ฉู่จงเทียนขมุ่นคิ้ว หันไปมองรถเก๋งของหลี่โม่ ในใจจึงสงบขึ้นมาหน่อย