แต่เมื่อเห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีท่าทางเช่นนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
แต่นางก็ทำได้เพียงแค่ซ่อนความไม่สบายใจนั้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจเท่านั้น
แม้กระทั่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้
จากนั้นทั้งสองก็กลับมาถึงวังหลวง
การปะทะกันภายในเมืองหลวงกลายเป็นที่โด่งดังอย่างรวดเร็ว
บรรดาบัณฑิตและขุนนางฝ่ายกลาโหมต่างพร้อมใจกันนั่งคุกเข่าอยู่ในท้องพระโรง พร้อมกับกางแขนเสื้อกว้างๆ ของตัวเองลงบนพื้นหินอ่อนสว่างไสว และคำนับศีรษะลงกับพื้น พวกเขาเอ่ยด้วยเสียงอันดังว่า ”ยินดีต้อนรับกลับสู่วังหลวงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย!”
นับว่าปีนี้เป็นปีที่รุ่งโรจน์ที่สุดของจักรวรรดิจ้านหลงเลยก็ว่าได้
อาการประชวรของอดีตฮ่องเต้ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงแต่อย่างใด หลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยปัดเป่าปราณแห่งความชั่วร้ายที่ครอบงำเขาอยู่ออกได้ อาการป่วยร้ายแรงภายในร่างของเขาก็ทุเลาลงอย่างมาก ส่งผลให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองหรือสามปี
แต่น่าประหลาดใจที่หนานกงเลี่ยกลับไม่ได้อยู่ในวังหลวง
ถ้าเขาอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าวังหลวงย่อมปลอดภัยจากความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้
หลังจากการสอบถามโดยละเอียด พวกเขาจึงรู้ว่าอดีตฮ่องเต้เป็นคนส่งหนานกงเลี่ยไปที่วัดหลิงอิ่นด้วยตัวเองเพื่อนิมนต์พระอาจารย์มาที่นี่ เพราะเขาเป็นห่วงไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกับเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เข้าไปในสุสานหลวง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องนั้นจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
เมืองหลวงกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ปราณแห่งความเคียดแค้นที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมไปทั่ววังหลวงกลับสลายหายไปจนหมดสิ้น
ผนึกได้รับการเสริมความแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะมีปีศาจหรือวิญญาณร้ายปรากฏตัวเป็นครั้งคราว แต่มันก็ยังสงบสุขกว่าตอนที่เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อครั้งก่อน
ทันทีที่เห็นเช่นนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เกิดความคิดที่จะให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสร้างความสนิทสนมกับลูกๆ อีกครั้ง
หลังจากทานอาหารเสร็จ นางจึงจับมือของเขามาวางบนหน้าท้องของตัวเอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปล่อยให้นางเล่นกับมัน บางครั้งเขาก็โอบนางไว้ทั้งแบบนั้น มือข้างหนึ่งถือม้วนกระดาษ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหน้าท้องของนางเหมือนกับกำลังลูบสุนัขจิ้งจอก
น่าเสียดายที่สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ไม่สามารถกลิ้งไปมาบนพื้นได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยวางม้วนกระดาษในมือข้างหนึ่งลงเพื่อให้มันเป็นอิสระ จากนั้นจึงกอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำและดวงตายิ้มแย้มว่า ”เจ้าอยากให้ข้าสอนเล่นหมากรุกหรือ”
”ช่วงนี้ข้ายังไม่อยากเล่นหมากรุก” เฮ่อเหลียนเวยเวยจับมือเขา แล้วเล่นกับมันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็เผยรอยยิ้มออกมาราวกับนึกอะไรขึ้นได้ ”จริงสิ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่กอดนางอยู่เลิกคิ้วขึ้น ”อะไรหรือ”
”เรามามาสก์หน้ากันดีไหม” รอยยิ้มที่มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ”หน้าตาท่านตอนมาสก์หน้าจะต้องดูน่าสนใจมากแน่ๆ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ตอบ หลังจากจิบชาไปอึกหนึ่ง เขาจึงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาว่า ”เรื่องสาวๆ อีกแล้วหรือ”
”เรื่องสาวๆ อะไรกัน ที่โลกของข้า ผู้ชายก็มาสก์หน้าเหมือนกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยตื่นเต้นกับความคิดของตัวเองอย่างมาก นางไม่มีคนรักสมัยที่อยู่ในโลกยุคปัจจุบัน ดังนั้นนางจึงนึกภาพไม่ออกเลยเลยว่าวันหนึ่งนางจะใช้ชีวิตอยู่กับใครบางคนได้นานถึงเพียงนี้
บางที นางคงนึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าจะมีผู้ชายคนไหนเอาอกเอาใจนางเช่นนี้
บางครั้ง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ
ที่ได้พบกับผู้ชายคนนี้
ผู้ชายคนนี้นอกจากจะปากคอเราะร้ายแล้ว เขายังทั้งโหดเหี้ยมและเลือดเย็น แต่ก็สง่างามอย่างมาก เขาหักหลังทุกคนและไม่มีใครสามารถควบคุมเขาได้ แต่เขากลับผูกด้ายแดงของตัวเองเข้ากับมือของนาง
เขายังล้อเลียนและสนุกไปกับการใช้คำพูดโจมตีนาง
เขามักจะเคาะศีรษะของนาง แล้วบอกว่านางเป็นคนโง่เขลา
แต่เขาก็ดูแลนางเป็นอย่างดีตอนที่นางหลับ
เขามักกลัวอยู่บ่อยๆ ว่านางจะนอนทับท้องตัวเองเวลาที่นางพลิกตัวตอนกลางคืน
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่อยากฟังนางพูดถึงที่ที่นางจากมา เพราะมันฟังดูเหมือนกับว่า… นางไม่ใช่คนของที่นี่
ดังนั้นตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะลุกขึ้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงเผลอจับนางเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือของเขาเกาะกุมเอวเพรียวบางของนาง อีกทั้งยังแทบจะไม่สามารถควบคุมปราณแห่งความชั่วร้ายของตัวเองได้อีกด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ข้าจะไปทำแผ่นมาสก์หน้า ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน แล้วข้าจะรีบกลับมา”
”ถ้าเจ้าอยากได้อะไรก็สั่งขันทีซุนเอา เจ้าคิดว่าการเคลื่อนไหวของเจ้ายังเงอะงะซุ่มซ่ามไม่พอหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกอดนางอีกครั้ง สีหน้าของเขาเย็นชาและไม่คิดที่จะปล่อยมือจากนางจนดูเหมือนกำลังขอร้อง
เฮ่อเหลียนเวยเวยชอบให้เขากอดนางแบบนั้น ดังนั้นนางจึงยอมอยู่นิ่งๆ
เมื่อขันทีซุนเห็นทั้งสองหวานแหววกันเช่นนี้ เขาจึงหัวเราะออกมาจนตาแทบปิด ”องค์ชายกล่าวได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ขอเพียงบอกกระหม่อมมาโดยตรงได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เรายังมีเครื่องบรรณาการที่แคว้นตะวันออกส่งมาเมื่อสองสามวันก่อนอยู่ กระหม่อมเอาเข้ามาให้พระชายาสามดูดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
”แคว้นตะวันออกหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”นำไข่มุกเข้ามาให้ข้าแล้วเก็บของอย่างอื่นเอาไว้ อีกอย่าง ข้าอยากได้ถ้วยเปล่าสักสองถ้วย น้ำผึ้งเหยือกหนึ่ง แล้วก็นมสดกับมะเขือเทศด้วย”
ขันทีซุนรับคำสั่งของพระชายา แล้วออกไปพร้อมกับนางกำนัล
ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพัง
องค์ชายไม่ชอบให้มีข้ารับใช้อยู่ด้วยมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนเขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องตัวเขา แต่ตอนนี้ เขาไม่ต้องการให้พวกเขารบกวนเวลาหวานแหววของเขากับพระชายา
องค์ชายก็ยังเป็นองค์ชาย เขายังเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมอย่างน่าตกใจ
ตราบใดที่มีพระชายาสามอยู่ใกล้ๆ เขาจะระงับสติอารมณ์ของตัวเองได้เล็กน้อย และไม่ระเบิดสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในใจออกมา
นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับจักรวรรดิจ้านหลง
ในอดีตนั้น หลายคนคิดว่าหญิงไร้ค่าจากตระกูลเฮ่อเหลียนย่อมไม่คู่ควรกับองค์ชายสามผู้ยิ่งใหญ่
แต่จนถึงตอนนี้ ประชาชนต่างก็ยังคงพูดคุยกันถึงตำนานทั้งสองบทที่อยู่ในจักรวรรดิจ้านหลง
ตำนานบทหนึ่งคือองค์ชายสาม ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ส่วนอีกบทหนึ่งคือพระชายาสาม เฮ่อเหลียนเวยเวย
เมื่อเห็นว่าองค์ชายน้อยใกล้ประสูติเต็มที ขันทีซุนก็ยิ่งเบิกบาน เขารีบจัดเตรียมของทุกอย่างที่เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องการอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น นางพับแขนเสื้อขึ้น หยิบตะเกียบแล้วเริ่มนำส่วนผสมเหล่านั้นมาผสมกัน นางนึกอะไรออกก็จะหยิบมันลงไปผสมใส่ในถ้วยเพื่อให้ได้ความเข้มข้นที่เหมาะสม
”นมสด น้ำผึ้ง ผงไข่มุก แล้วก็มะเขือเทศ ของพวกนี้ล้วนแต่ช่วยให้ผิวขาวใส มีน้ำมีนวล” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูด พลางยกถ้วยขึ้นแล้วบอกกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ”ไปนอนที่เตียงสิ ข้าจะได้ทาให้ท่านเร็วๆ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะกับน้ำเสียงเป็นธรรมชาติของนาง เขาดึงนางเข้ามาอย่างชั่วร้าย แล้วประทับจูบลงบนใบหูของนาง พร้อมกับเป่าลมร้อนๆ ใส่ และถามว่า ”แค่นอนเฉยๆ หรือ มีอย่างอื่นที่ข้าสามารถให้ความร่วมมือกับเจ้าในฐานะสามีได้อีกหรือไม่”
”ไม่ต้อง” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบ นางนึกถึงภาพเมื่อคืนตอนที่เขาทำเพียงแค่กุมมือของนางเอาไว้เพราะพวกเขาไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกันได้มากกว่านั้น ดวงตาของเขาลึกล้ำราวอยู่ในความมืดขณะที่เขาจูบซอกคอของนางอย่างไม่คิดจะหยุด เขายอมรามือก็ต่อเมื่อกัดบริเวณไหปลาร้าของนางอย่างแรงในตอนสุดท้ายนั่นเอง สัมผัสร้อนผ่าวนั้นยังหลงเหลืออยู่บนมือของนาง
”ถ้าเจ้ายังเอาแต่มองข้าเช่นนี้ เจ้าจะทำให้ข้าคิดว่าเจ้าพูดตรงข้ามกับใจตัวเอง” จากนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็กอดเฮ่อเหลียนเวยเวยจากทางด้านหลัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะแล้วผลักเขาออก ”ท่านพยายามใช้เรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจข้าหรือ ข้าไม่โดนหลอกง่ายๆ หรอก รีบนอนลงได้แล้ว”
เมื่อเห็นนางเช่นนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงทำตามที่นางสั่ง
ขันทีซุนเป็นคนหัวเร็ว เขารีบส่งสัญญาณบอกให้นางกำนัลรีบวางฉากโปร่งแสงลงอย่างเงียบๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนอนลงทั้งที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เขามองนางใช้นิ้วป้ายสิ่งนั้นลงบนใบหน้าของตัวเอง ส่วนผสมพวกนั้นทั้งเย็นและทำให้เขารู้สึกสบายอย่างมาก
แต่เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะออกมาในสภาพไหน…