ตอนที่ 864 เปิดตลาดการตกแต่ง
หลินเพ่ยติดต่อกับนายท่านฉุย และเหมาฉงซึ่งคอยสอดแนมเธอก็แจ้งหลินม่ายทันที
หลินม่ายฟังแล้วก็รู้สึกชื่นชมหลินเพ่ยมาก
นายท่านฉุยไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้แต่ดาราหญิงยอดนิยมที่เขาเคยร่วมหลับนอนด้วยทุกวันยังเปลี่ยนเดือนละคนแบบไม่ซ้ำหน้า
แต่หลินเพ่ยกลับสามารถเข้าหานายท่านฉุยอย่างรวดเร็ว ช่างมีพรสวรรค์จริงเชียว!
เธอถามเหมาฉงอย่างสงสัยว่า หลินเพ่ยติดต่อกับนายท่านฉุยได้อย่างไร
เนื่องจากเหมาฉงซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาจึงเห็นว่าหลินเพ่ยล่อลวงนายท่านฉุยได้อย่างไร
นายท่านฉุยรับหล่อนเป็นผู้หญิงของเขาโดยใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ นั่นคือร่วมรักบนเตียง
ใครก็ตามที่เห็นภาพนั้นต่างก็กระอักกระอ่วน เหมาฉงจะอธิบายให้หลินม่ายฟังได้อย่างไร
เขาพูดเย้ยหยัน “ผมไม่รู้ว่าหล่อนล่อลวงนายท่านฉุยได้อย่างไร ผมรู้เพียงว่าพวกเขาร่วมรักกันบนเตียง”
หลินม่ายขอให้เหมาฉงติดตามหลินเพ่ยอย่างใกล้ชิดต่อไป
ในตอนนี้เจิ้งซวี่ตงได้คัดเลือกพนักงานขายของแผนกการค้าต่างประเทศของห้องเสื้อจิ่นซิ่วแล้ว
หลังจากทำงานอย่างหนักเกือบสิบวัน ในที่สุดหลินม่ายก็ได้ข้อสรุปกับผู้จัดจำหน่ายในยุโรปหลายรายและเจรจาธุรกิจกับพวกเขา
เพียงรอให้คนเหล่านั้นมาที่ประเทศจีนเพื่อเซ็นสัญญา จากนั้นพวกเขาก็สามารถส่งสินค้าได้
ผู้จัดจำหน่ายในยุโรปเหล่านี้ไม่ได้มาประเทศจีนเพื่อเซ็นสัญญากับหลินม่าย
แต่ไปยังสำนักงานใหญ่เจียงเฉิงเพื่อเซ็นสัญญากับแผนกการค้าระหว่างประเทศของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลินม่ายได้ส่งมอบงานให้กับเสิ่นเสี่ยวผิงพร้อมสั่งให้หล่อนกลับไปที่สำนักงานใหญ่เจียงเฉิง และส่งมอบงานให้กับแผนกการค้าระหว่างประเทศของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
เธอใช้สิ่งนี้เพื่อประเมินความสามารถของพนักงานขายที่ได้รับคัดเลือกใหม่ของแผนกการค้าต่างประเทศ เพื่อให้พบสิ่งที่ดีที่สุดชนะสิ่งที่แย่ที่สุด
หลินม่ายขอให้เถาจืออวิ๋นช่วยหารูปถ่ายของราชินีผู้สวมชุดอันงดงามที่หล่อนออกแบบ รวมถึงหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องเถาจืออวิ๋นได้ภาพทั้งหมดและส่งให้เธอ
ก่อนที่เสิ่นเสี่ยวผิงจะกลับไปที่เจียงเฉิง หลินม่ายขอให้หล่อนส่งภาพถ่ายเหล่านี้และหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องไปให้สำนักหนังสือพิมพ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหลวง
เธอกล่าวว่าต้องการให้เสื้อผ้าสตรีจีนของเราได้ไปต่างประเทศและได้รับความชื่นชอบจากเจ้าหญิงในยุโรปด้วย
ประเทศจีนยังยากจนและล้าหลังอยู่มาก ทำให้คนในชาติต่ำต้อยเกินไป
สื่อต่าง ๆ ต้องการข่าวเพื่อปลุกขวัญกำลังใจของประเทศ และข้อมูลที่เสิ่นเสี่ยวผิงส่งมาก็เหมือนกับขุมทรัพย์สำหรับสำนักหนังสือพิมพ์เหล่านี้
วันรุ่งขึ้น ข่าวดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ ทำให้ห้องเสื้อจิ่นซิ่วได้รับความนิยมอีกครั้ง
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ทรงสวมใส่นั้นขายดีเป็นพิเศษ
ผู้คนใช้เงินหนึ่งหรือสองร้อยหยวนเพื่อซื้อชุดสไตล์เดียวกับราชินีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน
พื้นที่อาศัยของครอบครัวพนักงานธนาคารสร้างเสร็จเมื่อครึ่งเดือนก่อนและผ่านการตรวจสอบแล้ว
เจียวอิงจวิ้นจัดพนักงานระดับรากหญ้าของธนาคารที่มีสิทธิ์ได้รับการจัดสรรบ้านให้มาดูบ้านเป็นกลุ่ม
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอาคารพื้นที่อาศัยของครอบครัวจะสร้างได้บนพื้นที่จำกัด แต่อวี๋หมิงก็ยังคงสามารถออกแบบโดยประหยัดพื้นที่ได้
ต้นแมกโนเลีย ต้นหอมหมื่นลี้ ต้นเหมยแดง และต้นทับทิมถูกปลูกบนพื้นที่เหล่านั้นด้วย
ดอกไม้ต่าง ๆ เช่น กุหลาบและไม้พุ่มเตี้ยที่เขียวชอุ่มตลอดปีก็ถูกปลูกไว้เช่นเดียวกัน
แม้ในช่วงฤดูหนาว ผู้คนต่างก็รู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมของพื้นที่อาศัยครอบครัวนี้ค่อนข้างดี
คนงานเหล่านี้พอใจกับสภาพแวดล้อมของชุมชนมาก
พวกเขาจะพอใจมากขึ้นหลังจากเยี่ยมชมบ้านจำลองที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว
โครงสร้างแบบหนึ่งห้องนอนสองห้องนั่งเล่น หรือหนึ่งห้องนอนสามห้องนั่งเล่น ทุกห้องมีห้องครัวและห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน ซึ่งนอกจากจะเพียงพอสำหรับการอยู่อาศัยแล้ว ยังมีความเป็นส่วนตัวที่ดีอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องครัวและห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น
เดิมทีมีพนักงานระดับรากหญ้าเพียงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่พึงพอใจ และเป็นไปตามมาตรฐานสัญญา
แต่ตอนนี้เก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของแรงงานระดับรากหญ้าต่างแสดงความพอใจ
และธนาคารควรซื้อทรัพย์สินทั้งหมดตามสัญญา
เจียวอิงจวิ้นร้อนใจและไม่สบายใจเล็กน้อย
เทศกาลปีใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า แต่เขากลับต้องเดินทางไปทำธุรกิจ
เขากังวลว่าผู้จัดการเซี่ยจะไม่ต้องการลงนามในสัญญา ดังนั้นเขาจึงใช้ข้ออ้างการเดินทางเพื่อธุรกิจบังหน้า
หลินม่ายรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้แทบจะเป็นศูนย์
ผู้จัดการเซี่ยไม่เซ็นสัญญากับบ้านที่คนงานระดับรากหญ้าเกือบทั้งหมดพอใจ คนงานเหล่านั้นจะต้องเข้าร่วมกองกำลังและทุบสำนักงานของผู้จัดการเซี่ยอย่างแน่นอน
สิทธิในการพูดของพนักงานกับรัฐบาลนั้นสูงมาก
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในที่สุดผู้จัดการเซี่ยก็กลับมาจากการเดินทางเพื่อทำธุรกิจ
เจียวอิงจวิ้นตามเขาไปดูบ้านทันที
ผู้จัดการเซี่ยมุ่งเน้นไปที่บ้านขนาดใหญ่
การออกแบบบ้านสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นดึงดูดสายตาของเขามาก
ผู้จัดการเซี่ยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกหลังจากที่ได้เห็น และเซ็นชื่อให้เมื่อเขากลับไป
เขายังยิ้มและชมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งอย่างดี เขาอยากจะขอให้ช่างที่ตกแต่งห้องตัวอย่างมาตกแต่งบ้านให้เขา และขอให้เจียวอิงจวิ้นแนะนำห้องตัวอย่างให้เขา
เจียวอิงจวิ้นตามมาด้วยรอยยิ้มและกล่าว “นายช่างที่ตกแต่งบ้านจำลองคือหัวหน้าแผนกตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ของว่านถงกรุ๊ปของเราครับ ผมจะให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้จัดการจางประจำแผนกตกแต่งแก่คุณ และคุณสามารถติดต่อผู้จัดการจางได้ด้วยตัวเองเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการตกแต่งครับ”
ผู้จัดการเซี่ยหัวเราะพลางกล่าว “คุณหลินยอดเยี่ยมมาก ให้บริการสร้างบ้านแบบครบวงจร ทั้งสร้างและตกแต่ง”
เจียวอิงจวิ้นหัวเราะไปกับเขา
เจียวอิงจวิ้นได้รับเงินสนับสนุนโครงการเรียบร้อยแล้ว และพนักงานระดับรากหญ้าของธนาคารก็ได้รับการจัดสรรบ้านก่อนวันปีใหม่ด้วย
พวกเขาสามารถเข้าอยู่ได้โดยไม่มีเงื่อนไข
ผู้ที่สามารถจ่ายได้ขอให้เจียวอิงจวิ้นแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับช่างผู้ตกแต่งบ้านจำลอง
เจียวอิงจวิ้นส่งนามบัตรของจางเหวินปิงให้ทุกคนที่เขาเห็น และขอให้พนักงานธนาคารเหล่านั้นตามหาจางเหวินปิงด้วยตัวเอง
นี่คือสิ่งที่หลินม่ายต้องการเมื่อเขาตกแต่งบ้านจำลอง
ตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว เธอมีความสุขมาก
เฉินเฟิงเคยตกลงกับหลินม่ายว่าเขาจะออกจากฮ่องกงในสิ้นปีนี้และกลับไปสหรัฐอเมริกาพร้อมกับภรรยาและลูกเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัว
แม้ว่าเขาจะได้จัดเตรียมทุกอย่างของว่านถงกรุ๊ปจากฮ่องกงไปยังสำนักงานใหญ่ในเจียงเฉิง แต่ก็มีเหตุผลที่หลินม่ายต้องส่งมอบให้เขาดูแล
หลินม่ายยังมีเวลาอีกสิบวันก่อนจะสิ้นสุดการอยู่เดือน ซึ่งเป็นเวลาเจ็ดหรือแปดวันก่อนวันปีใหม่ และเธอไม่ต้องการขยับตัวมากนัก
ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องมอบหมายงานให้กับผู้ที่ไว้ใจได้ดูแล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฉินเฟิงให้กับหลินม่ายนั้นมีทั้งความภักดีและความสามารถ ทุกการกระทำของเขาไม่เคยส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของว่านถงกรุ๊ป
หลินม่ายวางแผนที่จะพักผ่อนก่อนสิ้นปีและทำงานหนักหลังจากปีใหม่
แต่สิ่งที่หลินม่ายไม่คาดคิดก็คือ เฉินเฟิงและภรรยาของเขาจงใจพาครอบครัวมาไปยังเมืองหลวงเพื่อมาที่บ้านของเธอ เพื่อที่จะได้พบหลินม่ายก่อนที่จะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา
เฉินเฟิงและภรรยาต้องการเซอร์ไพรส์หลินม่าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แจ้งให้เธอทราบล่วงหน้า
เมื่อครอบครัวของเฉินเฟิงปรากฏตัวในห้องนั่งเล่นสไตล์จีนแห่งบ้านของหลินม่าย หลินม่ายกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหารและดื่มซุปหมูสามชั้น
จนกระทั่งคลอดลูก หลินม่ายจึงรู้ว่าหมอทุกคนโกหก
หมอทุกคนบอกว่าเธอจะตะกละเพียงตอนตั้งครรภ์เท่านั้น แต่หลังคลอดความอยากอาหารก็จะหายไป
เห็นได้ชัดว่าเธอยังตะกละอยู่ และตะกละยิ่งกว่าตอนที่ท้องเสียอีก
ไม่ว่าเธอจะตะกละแค่ไหนในระหว่างตั้งครรภ์ หลินม่ายก็ยังสามารถควบคุมปากของเธอได้เมื่อคิดว่าอาจกลายเป็นหญิงร่างท้วม
แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว เธอยังคงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้จะรู้ว่าผลที่ตามมาจากความตะกละจะทำให้อ้วนขึ้น แต่เธอก็ยังอยากกิน
ฟางจั๋วหรานไม่เพียงไม่ห้าม แต่ยังสนับสนุนให้เธอกิน
เนื่องจากตอนนี้เธอต้องเป็นเหมือนบ่อน้ำนมให้กับเสี่ยวมู่ตง ยิ่งเธอกินมากเท่าไรก็ยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อลูกมากเท่านั้น ลูกของเขาก็จะได้รับสารอาหารที่ดี
เพราะฟางจั๋วหรานเห็นด้วย หลินม่ายจึงกินอย่างเต็มที่โดยไม่คิดควบคุมอาหาร และน้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นมาก
เคอจื่อฉิงเห็นว่าหลินม่ายที่เคยผอมเพรียวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก แถมใบหน้าเรียวรูปไข่ยังกลายเป็นอ้วนกลม
หล่อนกรีดร้องด้วยความประหลาดใจ “ม่ายจื่อ เธอกลมเป็นลูกบอลขนาดนี้ได้อย่างไร? ปล่อยตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว!”
ทันทีที่หล่อนพูดจบ เฉินเฟิงก็อยากจะปิดปากของหล่อน แต่น้ำเสียงไม่พอใจของฟางจั๋วหรานดังขึ้นจากข้างหลังเสียก่อน “ม่านจื่ออ้วนแล้วมันยังไง ก็ผมชอบที่หล่อนอ้วน!”
เคอจื่อฉิงพยายามเผยรอยยิ้ม
หลังจากมีลูก หลินม่ายก็ไม่สนใจความสวยอีกต่อไป และเธอก็ไม่สนว่าใครจะเรียกเธอว่าอ้วน
แม้จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยผอมเพรียว แต่เธอก็ยังเป็นสาวงามไร้ที่เปรียบเสมอ
อาจกล่าวได้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาไม่อาจทำลายความงดงามของเธอได้
หลินม่ายไม่รังเกียจที่เคอจื่อฉิงจะบอกว่าเธอกลมเหมือนลูกบอล เคอจื่อฉิงพูดเกินจริงเสมอ ดังนั้นอย่าใส่ใจ
ฟางจั๋วหรานไม่สนใจ แม้ว่าเธอจะอ้วนจนเป็นลูกบอล แต่เธอก็ยังเป็นลูกบอลที่งดงามอยู่ดี
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจที่ครอบครัวของเคอจื่อฉิงมาอย่างกระทันหัน จึงถามด้วยความดีใจ “พวกเธอมาที่นี่ได้ยังไง? ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน!”
เฉินเฟิงยิ้มพลางกล่าว “เพราะเราอยากจะเซอร์ไพรส์เธอน่ะ”
“พวกเธอทำเอาฉันตกใจมาก” หลินม่ายกล่าว “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาถึงเมืองหลวง อยู่ต่ออีกสองสามวันสิ ไว้ฉันจะพาไปเยี่ยมชมจุดชมวิวที่สำคัญทั้งหมดในเมืองหลวง”
เฉินเฟิงกล่าว “ไม่ได้ ฉันสัญญากับแม่และพ่อเลี้ยงแล้วว่าครอบครัวของเราจะรีบกลับไปใช้ชีวิตปีใหม่กับพวกเขา ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนจะถึงวันปีใหม่ ไม่มีอะไรล่าช้าได้อีกแล้ว ฉันอยู่บ้านเธอได้แค่คืนเดียว แล้วก็ต้องจากไป”
หลินม่ายรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ครอบครัวของพวกเขารีบร้อนจนเกินไป
เธอระงับความเศร้าโศกในใจและพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งต่อไปหากพวกเธอมาที่เมืองหลวง พยายามอยู่ต่อให้ได้สักสองสามวันนะ ตอนนี้เราไปกินเป็ดปักกิ่งต้อนรับครอบครัวพวกเธอดีกว่า”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เธอก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เคอจื่อฉิงหยุดเธอพลางกล่าว “เธอกำลังอยู่ในช่วงอยู่เดือน อย่าออกไปไหนเลย เรากินกันที่บ้านดีกว่า”
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ ก็แนะนำหลินม่ายในลักษณะเดียวกัน
เธอเดินไปรอบบ้านได้ แต่ไม่ควรออกไปตากลมที่ไหนไกลเกินกว่าบริเวณบ้าน
เย็นนั้นน้าถูได้เตรียมหม้อไฟพร้อมเครื่องปรุงทุกอย่างไว้บนโต๊ะ
ข้างนอกหิมะตก ทว่าข้างในกลับร้อนระอุ
สี่ชั่วโมงหลังอาหาร ทุกคนก็ได้ยินเสียงเห่าของอาหวงจากด้านนอก
หลังจากนั้น น้าถูก็เดินเข้าไปในห้องอาหารและพูดกับหลินม่าย “เสี่ยวหลิน สามีภรรยาตระกูลเผยมาบอกว่าอยากพบเธอน่ะ”
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันชี้ทางให้พวกเขาช่วยลูกสาวด้วยตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขายังตามหาฉันอยู่?”
น้าถูตอบกลับ “ทั้งคู่พาลูกสาวมาด้วย คงมาขอบคุณ”
หลินม่ายมีนิสัยเย็นชา ถึงจะช่วยใครก็ไม่อยากให้ใครมาขอบคุณ เธอไม่ชอบให้ใครมารบกวน
แต่เนื่องจากครอบครัวเผยทั้งสามอยู่ที่นี่ อีกทั้งข้างนอกยังมีลมแรงและหิมะตก ดังนั้นเธอจึงอนุญาตให้พวกเขาเข้าพบ
และหลินม่ายก็ได้พบกับสมาชิกสามคนของตระกูลเผย
เมื่อเห็นหลินม่าย เผยซู๋อวิ๋นก็รู้สึกอับอายจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้
ไม่ใช่ว่าหลินม่ายไม่เกลี้ยกล่อมหล่อนตั้งแต่แรกว่าแฟนชาวฮ่องกงของหล่อนไม่น่าไว้ใจ แต่เป็นหล่อนเองที่ไม่รับฟัง
เสิ่นเสี่ยวผิงส่งหล่อนกลับบ้าน แต่หล่อนก็ยังหนีออกจากบ้านไปฮ่องกง จนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
หากไม่ใช่เพราะหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ หล่อนก็คงใช้ชีวิตเป็นโสเภณีในฮ่องกงแล้ว
หลินม่ายปลอบโยน “ปล่อยให้อดีตผ่านไปเถอะ เธอยังเด็ก ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มใหม่ ในอนาคตก็อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ อีก”
เผยซู่อวิ๋นพยักหน้าด้วยความอับอาย
พ่อเผยและแม่เผยกล่าวคำขอบคุณมากมาย
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะบอกลา
หลินม่ายต้องถามว่าพวกเขาต้องการรับประทานอาหารเย็นด้วยกันหรือไม่
พ่อเผยและแม่เผยรีบปฏิเสธ
หลินม่ายสงสัย ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ร่วมรับประทานอาหาร แล้วทำไมถึงไม่บอกลาล่ะ?
หลังจากนั้นไม่นาน แม่เผยก็บอกกับหลินม่ายด้วยความลำบากใจว่า พวกเขาใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อตามหาลูกสาว และพวกเขาไม่มีค่าเดินทางกลับบ้าน
แม่เผยยืมเงินค่าเดินทางจากหลินม่ายเพื่อให้ครอบครัวได้กลับบ้าน
หลินม่ายจึงสนับสนุนค่าเดินทางจำนวนสองร้อยหยวนและปล่อยพวกเขาไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โชคดีที่ช่วยลูกออกมาได้นะเนี่ย ถ้าช่วยออกมาไม่ได้จะทำยังไง
ไหหม่า(海馬)