ตอนที่ 865 วันส่งท้ายปีเก่าอันหดหู่
หลังจากที่ได้พบกับครอบครัวของเฉินเฟิงแล้ว หลินม่ายก็เริ่มเตรียมการหลายอย่างสำหรับปีใหม่
เนื่องจากหลินม่ายให้กำเนิดหลานชายรุ่นที่สี่ของตระกูลฟาง ฟางเว่ยกั๋ว และบรรดาพี่น้องก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงในวันที่ 28 ของเดือนสิบสองตามปฏิทินจัทรคติ พวกเขาวางแผนที่จะร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่พร้อมกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางในเมืองหลวง
เมื่อทุกคนได้เห็นหลินม่าย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น
คุณย่าฟางชี้ไปยังฝูงชนพลางกล่าว “ใครบอกว่าม่ายจื่อของฉันอ้วน ไสหัวไปจากบ้านนี้เลยนะ!”
ทุกคนนิ่งเงียบในทันที
โชคดีที่หลินม่ายซื้อเรือนสี่ประสานหลังใหญ่ขนาดสามวง แม้ผู้คนนับสิบจะเข้ามาในเวลาเดียวกัน ก็ยังมีพื้นที่กว้างขวางและสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่อึดอัด
การเตรียมอาหารสำหรับทุกคนในทุกมื้อไม่ใช่เรื่องง่าย และภารกิจสำคัญนี้ก็ตกอยู่ภายใต้การดูแลของหลินม่าย
น้าถูขอลาพักร้อนไปเมื่อหลายวันก่อน อาจไม่กลับมาทำงานอีกหลายวันหลังเทศกาลปีใหม่
ฟางจั๋วหรานไม่ต่องการให้หลินม่ายทำงานหนัก ดังนั้นเขาจึงนัดแนะให้ทุกคนไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านเปาห่าวชือทุกวัน ส่วนอาหารเย็นพวกเขาจะเดินทางไปรับประทานที่ภัตตาคารเก่าแก่
ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ได้ชื่นชอบอาหารภัตตาคารเก่าแก่ เขาชื่นชอบอาหารรสมือพี่สะใภ้
แต่เนื่องจากพี่สะใภ้เพิ่งคลอดลูก เขาจึงไม่อยากรบกวนเธอ ดังนั้นจึงทำได้เพียงควบคุมความตะกละของตัวเองเอาไว้
หลินม่ายจงใจไม่พูดถึงเถาจืออวิ๋นต่อหน้าฟางจั๋วเยวี่ย และฟางจั๋วเยวี่ยก็ไม่เคยถามถึงหล่อนเช่นกัน
หลินม่ายคิดว่าฟางจั๋วเยวี่ยก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กไม่รู้จักโต
เมื่อเรารักใครสักคนด้วยสุดหัวใจ หากต้องลืมก็ไม่อาจลืมอย่างสนิทใจได้
ในวันที่ 29 ของเดือนสิบสองตามปฏิทินจัทรคติ ท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใส และดวงอาทิตย์ก็ไม่ค่อยอบอุ่น แถมอุณหภูมิยังต่ำมาก
หลินม่ายสวมผ้ากันเปื้อนเพื่อเตรียมทำอาหารทอด
อาหารอย่างอื่นสามารถหากินได้ตามภัตตาคาร แต่ของทอดต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับเทศกาลปีใหม่ก็ยังคงต้องทำกินเอง
เนื่องจากมีแขกจำนวนมากในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าหลินม่ายเตรียมของทอดไว้นานสักเพียงใดก็หมดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
ความเร็วในการทอดของเธอไม่เท่ากับความเร็วในการกินของผู้อื่น
ขณะหลินม่ายกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมของทอด ทันใดนั้นก็มีชายผู้หนึ่งมาเยือนเธอโดยไม่คาดคิด
แขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ถูกส่งมาจากผู้บังคับบัญชาเพื่อแสดงความเคารพต่อคุณปู่ฟาง
ของขวัญและเงินที่พวกเขานำมาอาจมีมูลค่าไม่มากนัก แต่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่เดินทางมาทำความเคารพก็ล้วนอาวุโส และพวกเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มักปรากฏในหน้าข่าว
พวกเขามาพร้อมกับรถยนต์หงฉีซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั้งซอย
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้ขับรถยนต์ยี่ห้อหงฉี
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นไม่ได้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือน จึงไม่รู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงมักจะปรากฏในทีวี และชาวบ้านเหล่านั้นก็ต่างอยากรู้อยากเห็น
。
หลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสเหล่านั้นจากไป ชาวบ้านก็ต่างเข้ามาถามครอบครัวของหลินม่ายว่าผู้ใดกันที่มาเยือนบ้านของเธอ
หลินม่ายรู้อยู่ในใจว่าคุณปู่ฟางจะต้องเตือนผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นเกี่ยวกับวิกฤติอาหารโลกในปี 1986 และขอให้พวกเขาจะเตรียมการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้รับมือ
อันที่จริงคุณปู่ฟางไม่ได้ต้องการการปฎิบัติที่ดูยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาเพียงต้องการเป็นคนธรรมดา
ดังนั้นเมื่อเพื่อนบ้านมาสอบถาม เขาจึงสร้างเรื่องโกหกเพื่อขับไล่พวกเขาไป
แม้ว่าคุณปู่ฟางจะเกษียณมาด้วยตำแหน่งสูง แต่ก็ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่มีตำแหน่งสูง
โดยทั่วไปแล้ว หน่วยงานจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปแสดงความเคารพต่อผู้ที่เกษียณด้วยตำแหน่งสูง แต่นี่คือการแสดงความเคารพจากรัฐบาลท้องถิ่น
คุณปู่ฟางเองก็ต้องการแสดงความเคารพให้กับรัฐบาลท้องถิ่น แต่เขาถูกห้ามให้ทำเช่นนั้น
ในปีนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากถูกส่งมาเพื่อแสดงความเคารพต่อคุณปู่ฟาง ฟางเว่ยกั๋วจึงเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัย
ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะใช้คุณปู่ฟางเป็นบันไดเพื่อปีนขึ้นไปสู่ชีวิตแห่งความสำเร็จ และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็ดีขึ้นอย่างมาก
คุณปู่ฟางไม่อาจบอกเหตุผลที่แท้จริงกับพวกเขาได้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ความโลภในใจของพวกเขาประทุขึ้นอีกครั้ง
คุณปู่ฟางไม่เพียงจะไม่บอกความจริงกับฟางเว่ยกั๋วและคนอื่น ๆ เท่านั้น แต่เขายังยกตัวอย่างตระกูลซูเพื่อเตือนให้ทุกคนรู้ว่าอย่าหลงผิด ไม่อย่างนั้นจะต้องพบเจอชะตากรรมเดียวกันกับตระกูลซู
เนื่องจากวันปีใหม่กำลังจะมาถึง การเอาพวกเขาไปเปรียบเทียบกับตระกูลซูก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ดังนั้นพี่น้องทั้งสามคนจึงไม่สนใจแต่ค้นหาความจริงอีกต่อไป
วันส่งท้ายปีเก่ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ในยุคนี้ผู้คนไม่มีนิสัยชอบกินอาหารนอกบ้านในวันส่งท้ายปีเก่า
ในวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนต่างง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเย็นเพื่อเลี้ยงฉลอง มีเพียงฟางจั๋วหรานที่ยังคงตื่นมากินอาหารเช้าและออกไปทำงาน
เพื่อคลายความกดดันของหลินม่าย คุณปู่ฟาง จึงประกาศต่อทุกคนว่าจะกินหม้อไฟในวันส่งท้ายปีเก่า
หลินม่ายเพียงต้องเตรียมน้ำซุป ล้างผัก หั่นปลา เนื้อ และส่วนผสมต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถแบ่งให้ผู้อื่นช่วยทำได้
เนื่องจากทุกคนชอบกินหม้อไฟ จึงไม่มีผู้ใดคัดค้าน
แม้คุณปู่ฟางจะประกาศต่อทุกคนว่าพวกเขาจะกินหม้อไฟในวันส่งท้ายปีเก่า แต่หลินม่ายยังคงต้องดูแลอาหารการกินของเหล่าผู้สูงอายุและเด็ก ๆ
ดังนั้นเธอจึงจัดการเตรียมอาหารพื้นเมืองของหูเป่ย เช่น ลูกชิ้น ทอดมันปลา หมู๋ตุ๋น ผักกาดดอง และซี่โครงหมูนึ่ง
อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารทำง่ายและทำให้เธอไม่รู้สึกเหนื่อย
ในมื้อเย็นของวันส่งท้ายปีเก่า ผู้ใหญ่และเด็กหลายคนต่างช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะอาหาร
หลินม่ายและคนอื่น ๆ ต่างร่วมกันรับประทานอาหารเย็นและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพื่อรอคอยเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
หลินเพ่ยเองก็เช่นเดียวกัน หล่อนนั่งรับประทานอาหารส่งท้ายปีเก่าในโรงแรมขนาดเล็กอย่างโดดเดี่ยวราวกับสุนัขจรจัดไร้เจ้าของ
อาหารค่ำสำหรับวันส่งท้ายปีเก่าของหล่อนมีเพียงสองอย่าง นั่นคือ ไก่ตุ๋นเห็ดและเนื้อตุ๋นหนึ่งหม้อ
กล่าวได้ว่าอาหารทุกจานเป็นอาหารชั้นเลิศ และยังมีปริมาณมากจนอิ่ม
แต่อาหารสองอย่างนี้ก็ไม่อาจทดแทนความอ้างว้างในหัวใจของหล่อนได้
อันที่จริงหัวใจของหลินเพ่ยไม่ได้อ้างว้าง เพียงแต่รู้สึกไม่เต็มใจ
ทั้งที่หล่อนทำกิจกรรมบนเตียงกับนายท่านฉุยอย่างถึงพริกถึงขิง แต่เขากลับกักขังหล่อนไว้ในโรงแรมขนาดเล็กแห่งนี้ และเดินทางไปใช้เวลาในช่วงเทศกาลปีใหม่กับครอบครัว
หล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในอาคารสไตล์ตะวันตกหลังเล็กอย่างที่คาดหวังไว้ โดยเขาบอกว่าหล่อนนั้นสกปรกและไม่คู่ควรที่จะอยู่ที่นั่น
หลินเพ่ยเปิดปากและกระดกไวน์แดงจนหมดขวด
หล่อนวางขวดไวน์แดงลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงและจ้องมองด้วยสายตาดุร้ายก่อนจะกล่าวกับตัวเอง “ ฉันจะต้องกำจัดนางตัวแสบหลินม่ายให้ได้ หล่อนจะต้องไม่มีชีวิตอยู่!”
ขณะที่กำลังกล่าวคำนี้ เหมาฉงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็แอบบันทึกประโยคเหล่านี้ไว้
วันส่งท้ายปีเก่าของหลินเพ่ยนั้นช่างโดดเดี่ยว ซึ่งไม่ต่างอะไรจากวันส่งท้ายปีเก่าอันย่ำแย่ของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
เขามีเงินไม่มากและไม่สามารถซื้อเนื้อกินได้ด้วยซ้ำ มีเพียงถั่วลิสงทอดกับไข่ดาวสองฟองที่พอจะเป็นอาหารส่งท้ายปีเก่าให้กับเขาได้
อาหารเล็กน้อยเหล่านี้ถูกมอบให้โดยชาวนาชราผู้ซึ่งรู้สึกเวทนาเขา
เนื่องจากเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จึงสามารถหลอกลวงความน่าสงสารจากชาวนาชราได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีผู้ใดให้อาหารเขากิน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนร่ำไห้อย่างเงียบงันขนาดรับประทานอาหารส่งท้ายปีเก่า
เขาเป็นห่วงหลินเพ่ยที่ไม่ได้มีโอกาสกลับมาจากฮ่องกงเพื่อมาหาเขา
เมื่อนึกได้ดังนั้นเขาก็วางตะเกียบลง และไม่สามารถกินอะไรได้อีกต่อไป
เขาไม่เคยคิดห่วงใยหรือสนใจครอบครัวที่อยู่ไกลในเจียงเฉิง เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ของตัวเองจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องสูญเสียลูกทุกคนไปจากอ้อมแขน
ในหัวใจของเขามีเพียงหลินเพ่ยเท่านั้น และไม่มีที่ว่างให้นึกถึงผู้ใดแม้กระทั่งพ่อแม่ของเขาเอง
……
หลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าอันหรูหราได้ผ่านพ้นไป หลินม่ายก็จัดเตรียมสิ่งของสำหรับต้อนรับเทศกาลปีใหม่ก่อนจะเข้านอน
แน่นอนว่าหญิงร่างท้วมมักจะเหนื่อยง่าย แม้เธอไม่ได้ทำงานหนักเท่าวันก่อนส่งท้ายปีเก่า แต่ก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมากจนอยากจะนอนหลับพักผ่อน
ฟางจั๋วหรานกลับเข้าไปในห้องและป้อนนมให้ลูก
หลังจากตบหลังลูกให้เรอ เขาก็วางลูกชายไปไว้ในเปลจนผล็อยหลับไป
หลังเสร็จสิ้นการอาบน้ำและเตรียมจะเข้านอน เขาก็นวดให้กับหลินม่าย
เนื่องจากภรรยาของเขาทำงานอย่างหนัก และนี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาทำให้เธอได้
หลินม่ายผล็อยหลับไปขณะที่ฟางจั๋วหรานนวดให้เธอ ซึ่งเธอก็หลับสบายตลอดทั้งคืน
เธอนอนหลับตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มจนถึงเจ็ดโมงเช้าของวันถัดไป
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เธอทำหลังจากตื่นนอนคือตกตะลึง
เธอนอนหลับสนิทจนไม่ได้ตื่นมาให้นมหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูก ช่างเป็นแม่ที่แย่เสียจริง
หลินม่ายลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่ฟางจั๋วหรานก็ผลักเธอกลับเข้าไปในผ้าห่ม
เขาบอกว่าเขาได้ให้นมและเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกเรียบร้อยแล้ว เขาต้องการให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ
ขณะหลินม่ายกำลังเอนกายอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงเห่าของอาหวงก็ดังขึ้นจากด้านนอก เธอรับรู้ได้ทันทีว่าแขกต้องเดินทางมาถึงแล้วอย่างแน่นอน
ทั้งคู่จ้องมองกันบนเตียง
ใครกันจะมาอวยพรปีใหม่ในยามเช้าตรู่ขนาดนี้?
การอวยพรปีใหม่ในเมืองหลวงมักจะเริ่มต้นหลังสองหรือสามทุ่ม
หากไม่มีแขกผู้มาเยือนก็สามารถเข้านอนได้
หลินม่ายหาวและลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
ในห้องที่เผามังกรดินนั้นอบอุ่นมากจนแทบจะไม่อยากลืมตาตื่น
ฟางจั๋วหรานผลักเธอลงบนเตียง พลางกล่าว “ คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะไปต้อนรับแขกเอง”
หลินม่ายนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอีกครั้ง
แต่เมื่อนึกถึงแขกผู้มาเยือนเหล่านั้น เธอก็นอนไม่หลับและสะดุ้งตื่น
เธอลุกขึ้นสวมชุดวันปีใหม่ที่เถาจืออวิ๋นออกแบบและนำส่งให้เธอเป็นพิเศษ
แจ๊คเก็ตผ้าขนสัตว์แขนตุ๊กตาเก้าส่วนคู่กางเกงเลกกิ้งสีดำ ให้ความรู้สึกงดงามและทันสมัย
หลินม่ายจ้องมองตัวเองในกระจกพลางแอบคิดในใจว่า เถาจืออวิ๋นไม่ได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศโดยเปล่าประโยชน์ แต่ยังได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
แจ๊คเก็ตผ้าขนสัตว์เก้าสวนนี้จะเป็นที่นิยมในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า แต่เถาจืออวิ๋นกลับคิดออกแบบไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากแต่งตัวจนเสร็จสิ้น เธอก็มายังห้องนั่งเล่นเพื่อดูแขกที่มาเยือน ซึ่งห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยผู้คนทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้น รับกรรมไปเถอะสองสุนัขชายหญิงคู่นี้
ใครมาหาม่ายจื่ออีกล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)