เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังเสียงแห่งความวุ่นวายที่ดังอยู่ข้างนอก พร้อมคิดกับตัวเองว่า ถ้าขันทีซุนรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งขององค์ชาย เขาจะไม่เสียสติไปเลยหรือ
แต่เมื่อได้เห็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเช่นนี้ สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็พลันอ่อนโยนยิ่งกว่าที่เคย
เมื่อพูดถึงเรื่องงานอดิเรก งานอดิเรกเดียวขององค์ชายก็คือการกลั่นแกล้งผู้คน
เมื่อเห็นเขายิ้ม เฮ่อเหลียนเวยเวยก็สัมผัสถึงความโหดเหี้ยมในตัวเขาไม่ได้อีกต่อไป นางกลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีหัวใจบริสุทธิ์เป็นที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่สามสิบสามหรือในโลกมนุษย์ แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อนางนั้นยังคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง
สมัยนั้น ทั้งเขาและนางต่างก็มีทิฐิมากเกินไป
ไม่มีใครยอมที่จะประนีประนอม
ตอนนี้ก็เช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับสมัยที่พวกนางยังเด็ก พวกนางในเวลานี้รู้วิธีที่จะทะนุถนอมซึ่งกันและกัน
เขาปล่อยให้นางทำตามที่ตัวเองต้องการ
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็เหมือนกับที่พระอาจารย์ของวัดหลิงอิ่นว่าไว้ ความรักที่พิเศษเกินไปย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมสลาย…
เวลากลางคืน ณ นรกขุมที่เจ็ด
บุตรแห่งราชานรกเย้ยผู้เป็นบิดาทั้งที่ยังคาบจุกนมปลอมไว้ในปาก ”แน่จริงก็ตีข้าให้ตายเลยสิขอรับ ต่อให้ท่านฆ่าข้าไป ข้าก็ยังทำตามใจได้อยู่ดี ฮึ่ม!”
”เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าสอนบทเรียนให้เจ้าหรือ” แม้ว่าราชาแห่งนรกจะมีหน้าตาหล่อเหลา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนใจดี เขามีนิสัยดุร้ายเหมือนคนที่เพิ่งออกมาจากป่าไม่มีผิด
บุตรแห่งราชานรกยกขาขึ้นไขว่ห้าง ”ตีข้าเลยสิขอรับ ข้าจะได้ร้องออกมาดังๆ เอาให้ดังจนท่านแม่มาที่นี่เลย นางจะได้เห็นธาตุแท้ของท่านสักที!”
โครม!
ราชาแห่งนรกพยายามข่มสติอารมณ์นานเกินไปจนเส้นเลือดที่หน้าผากของเขาเต้นตุบๆ!
”ร.. ราชา อย่าโมโหองค์ชายน้อยไปเลยขอรับ เขาแค่หลุด.. หลุดปากขอรับ!” ผู้พิพากษาวิญญาณมักจะพูดตะกุกตะกักอยู่เสมอ แต่มาตอนนี้คำพูดของเขากลับยิ่งยากจะฟังออก เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นพร้อมกับกอดขาของราชาแห่งนรกสุดชีวิตด้วยกลัวว่าผู้เป็นนายจะทำให้องค์ชายน้อยกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต!
แต่นี่ก็เป็นความผิดขององค์ชายน้อยด้วยเหมือนกัน เขาจะพูดถึงใครก็ได้ แต่ไม่ใช่พูดถึงฮูหยิน
เขากำลังสะกิดบาดแผลของนายท่านอยู่ชัดๆ
ราชาแห่งนรกหายใจเข้าลึก แล้วยื่นมือออกไปคว้าตัวบุตรชายขึ้นในสภาพกลับหัว
บุตรแห่งราชานรกรู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีของเขาถูกดูถูกเป็นอย่างยิ่ง ”ท่านพ่อ ท่านเล่นสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร แน่จริงก็ปล่อยข้าลงสิขอรับ! ท่านจับข้าห้อยหัวเหมือนไม้แขวนเสื้อเช่นนี้ได้อย่างไร! ข้าเป็นลูกชายของท่านจริงหรือเปล่า ท่านแม่! ท่านแม่รีบมาที่นี่เร็วเข้าขอรับ ท่านพ่อใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับข้าอีกแล้ว ท่านแม่!”
หลังจากตะโกนไปได้สองสามครั้ง บุตรแห่งราชานรกก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ ทำไมท่านแม่ถึงยังมาไม่ถึงอีกล่ะ
ผู้พิพากษาวิญญาณกระซิบข้างหูเขาว่า ”ฮู ฮูหยินโมโหนายท่าน เลยไปจากที่นี่แล้วขอรับ”
บัดซบ ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า! บุตรแห่งราชานรกเคลื่อนดวงตาคู่โตสีอำพันของเขากลับไป แล้วบอกกับราชาแห่งนรกว่า ”ท่านพ่อ ข้าคิดว่าข้าโตพอที่จะนั่งคุยกับท่านได้แล้ว จริงไหม การจับข้าห้อยหัวเช่นนี้มีแต่จะยิ่งกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเรา”
”ข้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีแล้ว” ราชาแห่งนรกไม่เคยหลงกลบุตรชาย ดังนั้นเขาจึงสั่งกับคนที่อยู่ข้างๆ ว่า ”ปล่อยให้เขาห้อยอยู่ตรงนั้น ในเมื่อเขาชอบตะโกนนัก ก็ปล่อยให้เขาตะโกนจนพอใจ!”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น บุตรแห่งราชานรกก็ทำตาโตด้วยความไม่เชื่อ เขาได้แต่มองดูท่านพ่อเก็บสัมภาระเพื่อตามง้อท่านแม่ในขณะที่เขาทำได้เพียงเตะขาสั้นๆ ของตัวเองเท่านั้น เขารู้สึกคับแค้นใจอย่างที่สุด!
นี่คือภาพที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นทันทีที่ผลักประตูเข้ามา บุตรแห่งราชานรกเกิดมาพร้อมกับรูปโฉมอันงดงาม โดยเฉพาะดวงตาของเขา ตาคู่นั้นราวกับมีแสงสีแดงวาบขึ้นในทุกครั้งที่เขากระตุกยิ้ม แม้เขาจะดูค่อนข้างชั่วร้าย แต่โดยรวมแล้วเขาก็ยังดูเหมือนเทพบุตรตัวน้อยๆ การได้เห็นเขาถูกจับแขวนไว้เหมือนกับเศษผ้าบนไม้แขวนเสื้อเช่นนี้จึงน่าขันมากทีเดียว
”ว่าอย่างไร” บุตรแห่งราชานรกเป็นคนตรงไปตรงมา แม้เขาจะยกมือขึ้นทักทายไม่ได้ แต่ปากของเขาก็ยังขยับพร้อมกับกล่าวว่า ”เจ้าอยากดื่มน้ำชาหรือน้ำแกงยายเมิ่งล่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดที่จะอ้อมค้อมต่อหน้าบุตรแห่งราชานรกเช่นกัน นางเหลือบมองสมุดบัญชีเล่มหนึ่งก่อนจะชะงักไป แล้วเงยหน้าขึ้นถามว่า ”บัญชีชาตะมรณะของข้าอยู่ที่ไหนหรือ”
”บัญชีชาตะมรณะของเจ้าหรือ” ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ บุตรแห่งราชานรกก็หัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย ”หงส์เพลิง ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงลงมาที่นรกเพื่อถามหาบัญชีชาตะมรณะของตัวเองล่ะ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังปิดบังอะไรจากชายคนนั้นอยู่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองบุตรแห่งราชานรกที่ห้อยหัวอยู่ตรงนั้น จากนั้นจึงยิ้มขึ้น ”เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าบางครั้งฉลาดเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี”
”ข้าเข้าใจดี แต่บัญชีชาตะมรณะของเจ้าไม่ได้อยู่ในนรก” บุตรแห่งราชานรกเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากพูดจบ จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ ”ต่อให้มันอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่มีสิทธิ์อ่านมันเช่นกัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปหาเขา แล้วมองเข้าไปในดวงตาคู่โตคู่นั้น ”ถ้าเจ้าข้ามประโยคสุดท้ายไป ข้าคงหลงเชื่อแล้วจริงๆ ว่ามันไม่ได้อยู่ในนรกแห่งนี้”
”ข้าขอพูดตามตรงว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี่” บุตรแห่งราชานรกยิ้มเจ้าเล่ห์ ”เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้ว มันไม่ใช่บัญชีชาตะมรณะ แต่เป็นบันทึกเรื่องราวความเป็นเทพและพระอรหันต์ของพวกเจ้าสองคนต่างหาก ยิ่งกว่านั้น เจ้าคือตัวแปรสำคัญระหว่างฟ้าดิน ดังนั่นย่อมหมายความว่าสิ่งที่บันทึกไว้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยนิ่งไปเล็กน้อย ”เช่นนั้นตอนนี้บันทึกเล่มนั้นอยู่ที่ไหนหรือ”
”ว่ากันว่ามันอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด แต่ต่อให้เจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่สามารถอ่านมันได้อยู่ดี” บุตรแห่งราชานรกดูเหมือนกำลังพูดความจริง เขาถีบขาอีกสองครั้งก่อนจะกล่าวว่า ”ข้าก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน มีแต่คนแซ่เพ่ยเท่านั้นที่มองเห็นมันได้ เพราะเขาเป็นคนทิ้งมันไว้ในนรก แต่ตอนนี้เขาหายตัวไปแล้วนี่สิ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังเรื่องนั้นอย่างเงียบๆ พลางยื่นมือออกไปอุ้มบุตรแห่งราชานรกแล้ววางลง หลังจากนั้นพวกนางก็ตรงไปที่นรกขุมที่สิบแปดทันที
แน่นอนว่าบุตรแห่งราชานรกย่อมรู้สึกเป็นกังวลถ้าจะปล่อยให้นางไปที่นั่นคนเดียว ดังนั้นเขาจึงตามนางไปพร้อมกับขวานในมือ
ทะเลเลือดหายไปแล้ว เช่นเดียวกันกับวิญญาณร้ายในนรกขุมที่สิบแปด แต่มันก็ยังน่าขนลุกอย่างมาก พวกนางสามารถได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากทุกทิศทุกทางเป็นครั้งคราว
นางพบบันทึกที่บุตรแห่งราชานรกพูดถึงได้อย่างง่ายดาย มันวางอยู่ในบ่อเลือดของนรกขุมที่สิบแปดนั่นเอง
บันทึกฉบับนั้นทำจากไม้ไผ่และยาวมากทีเดียว มันยาวเสียจนเฮ่อเหลียนเวยเวยมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดตอนที่นางคลี่มันออก
ตอนนั้นเอง เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงตระหนักได้ว่านางมองไม่เห็นมันจริงๆ เพราะว่าบนนั้นไม่มีอะไรเขียนเอาไว้แม้แต่อย่างเดียว
สมัยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังเป็นเด็กอยู่ในพระพุทธสาสนา นางเคยได้ยินจากพระศากยมุนีว่าบนโลกนี้มีบันทึกชื่อว่า ”เทียนจี” อยู่
บันทึก ”เทียนจี” ที่ว่านี้ดูภายนอกเหมือนกับม้วนไม้ไผ่สีเขียว แต่ความจริงนั้นคนที่ครอบครองมันจะสามารถมองเห็นทิศทางชีวิตของเทพและพระอรหันต์ได้จากเนื้อหาที่อยู่ในนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถมองเห็นมันได้ ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องหาตัวคนแซ่เพ่ยคนนั้น
แต่ก็เป็นอย่างที่บุตรแห่งราชานรกบอกไว้ ตราบใดที่เขาไม่สมัครใจที่จะปรากฏตัวขึ้นเอง ย่อมไม่มีใครในภพภูมิทั้งหกหาเขาเจอ
บุตรแห่งราชานรกเห็นว่านางดูกังวลอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงพูดปลอบนางทั้งที่ยังมีจุกนมปลอมอยู่ในปาก ”ถึงข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าจึงดูกระวนกระวายถึงเพียงนี้ แต่ต้นโพธิ์น่าจะสามารถช่วยเจ้าเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้แล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจคำพูดของบุตรแห่งราชานรกดี แต่ภาพสุดท้ายที่นางเห็นในแดนพระพุทธศาสนาท่ามกลางแสงแห่งพระพุทธคุณอันโชติช่วงนั้น คือภาพการตายของหงส์เพลิง…